23-24 ม.ค.2550 นายบอนไปร่วมประชุมวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยบัณฑิตศึกษา ที่ ม.รังสิต ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในสถาบันแห่งนี้
ความจริงแล้ว นายบอนและพรรคพวกส่งผลงานเข้าร่วมในเวทีแบบนี้มาหลายแห่ง ที่ผ่านมาหมาดๆ คือ 19 ม.ค.2550 ที่ ม.ขอนแก่น ก่อนหน้านี้ไปที่ ม.ราชภัฏอุดรธานี และ ม.พระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) และในสัปดาห์หน้า 30-31 ม.ค.2550 นายบอนก็จะไปที่ ม.มหิดล
มากไปหรือเปล่า จะไปเสนอผลงานอะไรกันนักหนา ที่อื่นๆเขาส่งผลงานเข้าร่วม 1 แห่งก็เกินจะพอแล้ว
เพราะเป้าหมายของหลายคน ขอให้งานวิจัยมีโอกาสเผยแพร่ ตีพิมพ์จะถือว่า ครบถ้วนสมบูรณ์ จบตามเงื่อนไขของหลักสูตรที่กำหนดไว้
แต่นายบอนและพรรคพวก นำไปเสนอถึง 5-6 เวที
การได้มีโอกาสไปร่วมประชุมวิชาการหลายๆที่ ถือว่าเป็นกำไรชีวิต มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่ เห็นรูปแบบการเตรียมงาน การจัดงาน เนื้อหาสาระที่ได้รับจากการประชุมที่แตกต่างกันไป เห็นจุดดีจุดด้อยของการจัดงานแต่ละแห่ง
สำหรับการประชุมที่ ม.รังสิต ผู้เข้าร่วมนำเสนอผลงานส่วนใหญ่ เป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของ ม.รังสิตนั่นเอง ที่มาจากสถาบันภายนอก มาจาก
-มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 1 เรื่อง
-มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ 4 เรื่อง
-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 1 เรื่อง
-สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิดา) 1 เรื่อง
และจาก มมส. - มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 7 เรื่อง ซึ่งเป็นการนำเสนอในแบบโปสเตอร์ทั้ง 7 เรื่อง
ทั้ง 7 เรื่อง 7 คน กอดคอกันไปเผยแพร่ผลงานมาแล้วหลายเวที
ม.รังสิต เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวที่เลือกมานำเสนอ หลายคนมักจะมุ่งหาเวทีเผยแพร่ผลงานไปยังสถาบันที่มีชื่อเสียงมานานเท่านั้น เมื่อได้มาลองเผยแพร่ที่ ม.รังสิต ได้อะไรมากกว่าที่คิด
รูปแบบการจัดเตรียมเอกสารประกอบการประชุม Proceeding เกินคาดครับ เอกสารจัดทำได้อย่างสมบูรณ์ สวยงาม ซึ่งจะแตกต่างจากการจัดงานประชุมรูปแบบนี้ในครั้งแรก ที่หลายแห่งยังไม่ลงตัวในหลายอย่างมากนัก
แม้จะเป็นการจัดงานครั้งแรก จึงยังไม่เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจในวงกว้างมากนัก แต่การที่ได้ไปเยือน ม.รังสิต ซึ่งนายบอนคงไม่มีโอกาสได้เดินทางไปที่นี่อย่างแน่นอน กับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในหลายๆด้าน ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ทำให้นึกถึงค่าใช้จ่าย ค่าเทอมที่แพงกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้สัมผัสมาจนคุ้นเคย
เมื่อเดินทางเข้าสู่ ม.รังสิต เมืองเอก ปทุมธานี ปากทางที่ ซ.พหลโยธิน 87 มีรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างจากปากซอยเข้าไปถึง ม.รังสิต ในอัตรา 20 บาท และมีรถสองแถวในราคา 5 บาท
นั่งรถสองแถวเข้าไป ผ่านสะพาน 2 สะพาน ผ่านหมู่บ้าน เมืองเอก เข้าไปจนถึง ม.รังสิต สะดุดตากับอาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
บรรยากาศดูแล้วก็สมกับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของไทย ภายในตัวอาคาร มีภาพเจ้าชายจิกมี จัดทำเป็นโปสเตอร์แผ่นใหญ่ ติดเป็นซุ้มตามมุมต่างๆ โดดเด่นสะดุดตา
บรรยากาศในการประชุมเหมือนกับเวทีอื่นๆ แต่บรรยากาศโดยรอบ ร่มรื่น สวยงาม น่าอยู่ ริมสระน้ำข้างๆตึกจะมีโต๊ะม้าหินอ่อนวางอยู่รายรอบ เป็นมุมนั่งพักผ่อน ทำงานสารพัดได้อย่างสบายๆ
ที่ มมส. ก็มีสระน้ำใหญ่หน้าอาคารคณะวิทยาศาสตร์ แต่รอบสระน้ำ เป็นทางเดิน และถนนที่รถยนต์แล่นผ่าน ไม่สามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มที่นัก
มาถึงรายละเอียดในการประชุมกันบ้าง มีการบรรยายพิเศษเรื่อง การวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดย ศ.อานนท์ บุณยะรัตเวช การเสวนาเรื่อง การลงทุนเพื่องานวิจัย..คุ้มค่าหรือไม่ , การบรรยายพิเศษ เรื่อง การใช้ภาษาไทยในงานวิจัย
นอกจากนั้น เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยแยกกลุ่ม มีกลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กับกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ได้มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศ สถานที่แปลกใหม่ ที่คงไม่มีโอกาสได้มาเยือนมากนัก เช่นเดียวกับสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่ง ที่คงไม่มีโอกาสได้ไปเยือนหากไม่มีกิจธุระที่แห่งนั้น....
แต่ละที่ที่ได้ไป จะได้พบกับผู้คนในสถาบันแห่งนั้น ที่ ม.รังสิต เห็นนักศึกษาที่นั่งวาดภาพริมสระน้ำด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เห็นแล้วนึกถึงนิสิต มมส. คณะศิลปกรรมที่ทำงานศิลปะอยู่ริมสระน้ำที่ตึกคณะศิลปกรรมเช่นกัน
แฟชั่นการแต่งกายของหนุ่มๆสาวๆนักศึกษา เป็นไปตามแฟชั่นสมัยนิยม กางเกงขาสั้น ดูน่ารักและดูขัดสายตาอยู่ในที
แต่สาวๆ ม.รังสิต น่ารักหลายคนทีเดียว เห็นแล้ว ชักไม่อยากกลับกาฬสินธุ์ซะแล้ว....
หน้ามหาวิทยาลัยเป็นอาคารพาณิชย์ มีร้านอาหาร ร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่อยู่หลายร้าน ถนน 2 เลน ดูคับแคบไปทันที เมื่อถึงช่วงเวลาเร่งด่วน
แม้ว่า วัตถุประสงค์หลัก คือ ไปร่วมประชุม แต่ก็หาช่วงเวลาว่างๆ ออกมาสำรวจบรรยากาศรอบๆสถานที่เช่นกัน
เพราะบรรยากาศในห้องประชุม ก็เหมือนกับทุกๆที่ แต่บรรยากาศภายนอกนั้น ที่แตกต่างจากที่เคยพบเห็น
การมาร่วมประชุมครั้งนี้ พี่สาวที่มาร่วมประชุมด้วยเข้าพักที่โรงแรมเอเชีย ข้างเซียร์รังสิต
แต่นายบอนไปพักกับเพื่อนแถวเดอะมอลบางกะปิโน่นครับ คนรายได้น้อยก็แบบนี้แหละ
นั่งรถตู้จากฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ฝ่าการจราจรคับคั่งไปถึงบ้านพักของเพื่อนกินเวลากว่าชั่วโมงครึ่ง หาข้าวราดแกงที่ตลาดแฮปปี้แลนด์ทานเป็นมื้อเย็น...
... ความจริง ตั้งใจจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านครูอ้อย แต่ที่พักไกลไปหน่อย เลยต้องรีบมาที่บ้านเพื่อนก่อน
กินข้าวที่แฮปปี้แลนด์คนเดียว แล้วนึกถึงบ้าน ไม่น่ามาลำบากลำบนยังงี้เล้ย ไม่งั้นป่านนี้ กินข้าวที่บ้านอย่างสบายใจเฉิบแล้ว ... แต่ที่นี่ต้องรีบกิน รีบเคี้ยว นั่งไปก็ร้อนไป.... ร้อนกายร้อนใจ
เช้า 24 ม.ค. ก็ต้องรีบตื่นแต่ไก่โห่ ตี 5 ครึ่ง รีบออกมาขึ้นรถตู้ไปรังสิตถึงตอน 2 โมงพอดี สั่งข้าวมันไก่ที่ร้านปากซอยพหลโยธิน 87 รองท้อง ก่อนที่จะนั่งสองแถว 5 บาท เข้าไปประชุมที่ ม.รังสิต
ช่วงบ่าย ไม่มีหัวข้อที่สนใจแล้ว พี่ที่มาด้วยกัน เลยชวนกลับ เก็บโปสเตอร์ใส่กล่องแล้วเดินทางกลับ นายบอนเลยไปหอสมุดแห่งชาติ สามเสนโน่น เพราะไม่รู้จะไปไหน ไปอ่านหนังสือรอเวลา เพราะมีรถกลับกาฬสินธุ์เที่ยว 1 ทุ่มกว่าๆ...
นั่งรถเมล์โฉบไปทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ว่าจะไปซื้อหมูปิ้งที่รถเข็นหน้าสวนสุนันทามาทานรองท้อง แต่เห็นสาวๆเดินกันขวักไขว่ เลยลืมซื้อไปซะงั้น จนเดินทางมาถึง หอสมุดแห่งชาติ
ไม่รู้จะไปที่ไหน ก็แว๊บมาพักที่นี่ก่อนอื่น
สวัสดีค่ะคุณบอน.....
ขอบคุณค่ะ
การนำเสนอผลงานในการประชุมวิจัย ไม่ว่าจะเป็นในระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ก็มีความสำคัญทั้งสิ้น
แต่คงต้องถามคุณบอนก่อนว่า ในการนำเสนอ paper นั้น ตั้งหลายแห่งเนี่ย..!! โดยปกติแล้ว ในทางวิชาการ เราจะไม่นำเสนอในเรื่องที่ซ้ำ ๆ กัน เมื่อนำเสนอที่ใหม่ก็ต้องเขียนใหม่ ศึกษาเรื่องใหม่ที่อาจมีความสัมพันธ์กันกับเรื่องเดิม แต่ควรจะเป็นเรื่องใหม่หรือแนวคิดใหม่เสริมเข้าไปคะ น่าแปลกที่คุณบอนสามารถนำเสนอ paper ได้ติด ๆ กันขนาดนี้ ศึกษาข้อมูลทันเหรอคะ
ยินดีด้วยกับการที่คุณบอนได้นำเสนอ paper