วันนี้เป็นอาทิตย์ในช่วงตอนเช้าก็ได้มานั่งดูข่าวซึ่งมีข่าวที่น่าสนใจคือภาคีประชาชนอีสานร่วมกันตั้งสภาประชาชนอีสานซึ่งมีภาระกิจหลักอยู่ 2 อย่างคือ สร้างระบบการตรวจสอบการทำงานภาครัฐตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ อย่างที่สองคือร่างประเด็นรัฐธรรมนูญคูขนานกับสสร. และอีกเรื่องที่เราพอเห็นพลังของคนหนุ่มสาวที่ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ในวันเด็กแห่งชาติคือมีน้องนักศึกษาจากธรรมศาสตร์มาออกรายการสภากาแฟสภาประชาชน มาประชาสัมพันธ์ว่าในงานเด็กจะมีการเวทีทางวัฒนธรรมซึ่งนำบทเพลงที่มีความหมาย บทเพลงที่พูดถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย บทเพลงที่ตั้งคำถามต่อระบบการศึกษา ในยุค 14 ตุลา 6 ตุลา ก็ดี โดยมาปรับแต่งทำนองให้กับยุคสมัยเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่สนใจไปฟังเพลงที่ให้ทั้งความบันเทิงพร้อมทั้งเนื้อหาที่พูดถึงสังคม ไม่ใช่เหมือนเพลงที่มีอยู่เกลื่อนตลาดในปัจจุบันที่มีเนื้อหาเฉพาะฉันกับเธอ ตรงนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงแนวเพลงว่าไม่ได้พูดถึงผู้คนในชุมชน สังคมเลย ซึ่งถ้ามองให้ลึกเสียงดนตรี เสียงเพลง มันเป็นสื่อที่มีพลังและทุกคนสามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัย และถ้าอยากรู้ว่าสังคมเป็นแบบไหนให้ดูที่เนื้อหาของเพลง ถ้าเนื้อพูดถึงคุณธรรม จริยธรรม ประชาธิปไตย การสร้างสังคมที่ดี จะทำให้สังคมนั้นก็จะมีบรรยากาศดังเนื้อเพลงที่มี
พอสายนิดหนึ่งก็มาทำงานคนเดียวที่สำนักงานจากนั้นพอสักพักอาจารย์ปรีชาก็โทรมาบอกว่าจะมีคนเข้ามาเอา Lcd ไปให้อาจารย์เสรี และย้ำว่าถ้าอาจารย์สอนเสรีใช้เสร็จแล้วให้ไปรับเอาเก็บด้วย งานในวันนี้คือนั่งถอดเทป Km ต่อจากเมื่อวานนี้วันนี้ก็ถึงช่วงสำคัญที่จะหาทางออกให้กับกลุ่มเด็กที่กิจกรรมไม่ต่อเนื่อง โดยมีสาระสำคัญจากอาจารย์ปรีชาคือเราต้องเปลี่ยนครูได้ก่อน ถ้าเราเปลี่ยนครูได้เราก็เปลี่ยนโรงเรียนได้ จนถึงห้าโมงเย็นเราก็ได้ไปรับ Lcd มาเก็บพอไปถึงอ.เสรีถามว่าวันนี้ยังทำงานกันอีกเหรอ ทำไมบ้างานขนาดนั้น เราก็เลยบอกอาจารย์ว่างานมันเยอะมันจำเป็นต้องทำให้เสร็จเพราะงานใหม่รอยังรออีกมาก พอเอา Lcd มาเก็บเสร็จพี่ใหม่กับจิ่มมี่ก็พอกลับมาจากวังน้ำเขียวพอดี จากนั้นเราก็แยกย้ายกลับบ้าน
วันนี้เราเองคิดว่าการมาทำงานวันอาทิตย์ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ต้องเจอใครในสำนักงานให้วุ่นวายได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำงานสบายๆผ่อนคลายไปด้วย ซึ่งเราเองก็ไม่ใช้คนบ้างานแต่ว่าเรามีความรู้สึกว่ามาเห็นสำนักงานจะกลับไปจะทำให้นอนหลับดีกว่า
ไม่มีความเห็น