GotoKnow

เมื่อความเงียบกลายเป็นเรื่องน่ากลัว: ผลวิจัยชี้คนยุคใหม่ยอมเจ็บตัว ดีกว่าปล่อยใจให้ว่าง

ทีมข่าวสาระความรู้
เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2568 04:45 น. ()

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกต้องหันมาจับตา เมื่อผลการศึกษาทางจิตวิทยาชิ้นใหม่พบความจริงที่น่าตกใจว่า ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะ “ยอมโดนไฟช็อต” ดีกว่าต้องนั่งอยู่เงียบๆ กับความคิดของตัวเอง งานวิจัยชิ้นนี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจมนุษย์กับความเงียบ และความรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความคิดในหัวตามลำพัง

การศึกษาดังกล่าวจัดทำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยให้อาสาสมัครเข้าไปนั่งในห้องที่ไม่มีสิ่งรบกวนใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หนังสือ หรือแม้แต่กระดาษกับปากกา เป็นเวลา ๖ ถึง ๑๕ นาที และบอกให้พวกเขาใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่ในห้องนั้นมีปุ่มปุ่มหนึ่ง ซึ่งหากกดแล้วจะถูกไฟฟ้าช็อตเบาๆ พอให้รู้สึกเจ็บ แม้จะมีหลายคนที่เลือกนั่งนิ่งๆ แต่กลับพบว่าอาสาสมัครชายจำนวนมากตัดสินใจกดปุ่มเพื่อรับกระแสไฟฟ้า ยอมเจ็บตัวเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการ “นั่งคิดเฉยๆ” ประเด็นนี้ถูกหยิบยกไปขยายความโดยสื่อต่างชาติหลายสำนัก รวมถึง VegOutMag ว่าความรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องอยู่กับความคิดของตัวเอง อาจเป็นปัญหาที่รุนแรงกว่าที่เราเคยคาดคิด

ที่มาของงานวิจัยนี้สะท้อนคำถามพื้นฐานในวงการจิตวิทยา ว่าด้วยเรื่องสติ การจดจ่อ และความต้องการสิ่งเร้าของมนุษย์ ซึ่งสวนทางกับคติธรรมในสังคมไทยที่ให้คุณค่ากับการภาวนาและความสงบวิเวกเพื่อฝึกฝนจิตใจ การมีบุคลิกสงบนิ่งจากการได้อยู่กับตัวเองถือเป็นหนทางสู่การเกิดปัญญาตามแนวทางพุทธศาสนา แต่ข้อมูลใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าสำหรับคนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ชาย การนั่งทบทวนความคิดตัวเองกลับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สร้างความอึดอัดทรมานจนยอมหันไปหาความเจ็บปวดทางกายเสียดีกว่า

ตัวเลขจากงานวิจัยระบุว่า ผู้ชายเกือบ ๒ ใน ๓ ที่เข้าร่วมการทดลอง เลือกที่จะกดปุ่มช็อตไฟฟ้าใส่ตัวเองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในขณะที่ผู้หญิงมีอัตราการทำเช่นนี้น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด นักวิจัยให้ความเห็นว่าความแตกต่างนี้อาจเกี่ยวข้องกับระดับความหุนหันพลันแล่น ความรู้สึกเบื่อ หรือรูปแบบการจัดการอารมณ์ที่ต่างกันระหว่างเพศ นักจิตวิทยาหนึ่งในทีมวิจัยให้ทัศนะว่า “โดยธรรมชาติแล้ว คนเราอยากจะ ‘ทำอะไรสักอย่าง’ มากกว่า ‘ไม่ทำอะไรเลย’ แม้ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะเป็นเรื่องในแง่ลบก็ตาม”

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแวดวงสุขภาพจิต การศึกษา และการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล ที่คนไทยจำนวนมากแทบไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่างจากเทคโนโลยี การไม่สามารถอยู่กับความคิดของตัวเองได้อาจเป็นบ่อเกิดของปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า หรือโรคสมาธิสั้น นักจิตวิทยาคลินิกในไทยท่านหนึ่งให้ข้อมูลว่าพบแนวโน้มเดียวกันนี้ในประเทศไทย “ตั้งแต่สมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ห้า ทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่จำนวนมากเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจหากต้องอยู่กับความเงียบและความคิดของตัวเอง การกลับไปหาภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยอาจเป็นทางออกหนึ่งของปัญหานี้”

ในบริบทของพุทธศาสนาแบบไทย การนั่งสมาธิและเจริญสติถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งเร้าภายนอก แม้ผลวิจัยนี้จะมาจากมุมมองตะวันตก แต่ก็สะท้อนสภาวะร่วมสมัยที่สังคมไทย ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและถูกห้อมล้อมด้วยสื่อดิจิทัล อาจต้องหันมาใส่ใจกับการสร้างสมดุลระหว่างความวุ่นวายภายนอกกับพื้นที่สงบภายในใจให้มากขึ้น

ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ “การอยู่คนเดียว” ถูกตีความได้ทั้งในแง่ของโอกาสและความเสี่ยง บางคนพบกับความสุขสงบ แต่สำหรับบางคน มันคือการเผชิญหน้ากับความฟุ้งซ่านหรือความกลัวที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ซึ่งคำสอนทางพุทธศาสนาชี้ว่า จิตที่ได้รับการฝึกฝนจะสามารถเปลี่ยนความทุกข์จากความว่างเปล่าให้กลายเป็นโอกาสในการค้นพบปัญญาได้

ในอนาคต หากสังคมยังคงพึ่งพาสิ่งบันเทิงภายนอกหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ นักจิตวิทยาคาดการณ์ว่าความสามารถในการเผชิญหน้ากับความคิดของตัวเองจะยิ่งถดถอยลง วงการศึกษาและผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจิตในไทยจึงอาจต้องหันมาให้ความสำคัญกับการฝึกสติในสถานศึกษาหรือที่ทำงานมากขึ้น เช่น การจัดช่วงเวลาสมาธิสั้นๆ ระหว่างวัน หรือกิจกรรม “Digital Detox” เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้กลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง

สำหรับคนไทย งานวิจัยชิ้นนี้นับเป็นสัญญาณเตือนให้เราหันกลับมาเห็นคุณค่าของการหาเวลาอยู่เงียบๆ วันละนิด อาจจะเริ่มจากการฝึกสมาธิง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน หรือลองหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดใกล้บ้าน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจและทักษะในการอยู่กับตัวเองให้ดียิ่งขึ้น หากใครรู้สึกว่าการ “นั่งคิด” เป็นเรื่องยากเกินไป ลองปรึกษานักจิตวิทยาหรือศูนย์สุขภาพจิตใกล้บ้านเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ VegOutMag และศึกษาข้อค้นพบทางวิทยาศาสตร์จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ


ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
MyThaiSpot
Healthy Travel, Thai Discoveries
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย