ท่ามกลางกระแสรักสุขภาพที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับความนิยมไปทั่วโลก หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนถึงอันตรายแฝงของ “พิษจากวิตามินบี 6” โดยมีงานวิจัยชี้ชัดว่า การได้รับวิตามินชนิดนี้ในปริมาณที่สูงเกินความจำเป็น อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท ซึ่งเป็นอันตรายที่หลายคนคาดไม่ถึงและอาจแก้ไขได้ยาก (The Conversation)
วิตามินบี 6: ฮีโร่ของร่างกายที่ต้องใช้ให้พอดี
วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบเผาผลาญ การทำงานของสมองและระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง โดยปกติแล้ว ร่างกายของผู้ใหญ่ต้องการวิตามินบี 6 เพียงวันละ 1.3–1.7 มิลลิกรัม ซึ่งเราสามารถได้รับอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน เช่น เนื้อสัตว์ ธัญพืช ผัก และผลไม้ สำหรับอาหารไทยที่มีความหลากหลายอยู่แล้ว ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของคนที่มีสุขภาพแข็งแรงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริม
แต่ด้วยความนิยมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่หาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ หรือช่องทางออนไลน์ ทำให้หลายคนได้รับวิตามินบี 6 เกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว ข้อมูลจากสำนักงานควบคุมผลิตภัณฑ์สุขภาพของออสเตรเลีย (TGA) พบว่า มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บรรจุวิตามินบี 6 ตั้งแต่ 5 ไปจนถึง 200 มิลลิกรัมวางจำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเกินความต้องการของร่างกายไปมาก
อาการพิษจากวิตามินบี 6: ภัยเงียบที่มองข้ามไม่ได้
งานวิจัยล่าสุดและข้อมูลทางการแพทย์ชี้ว่า อาการพิษจากวิตามินบี 6 สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะได้รับในปริมาณที่น้อยกว่าและในระยะเวลาที่สั้นกว่าที่เคยเชื่อกันมา โดยปัญหาหลักคือ “โรคเส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม (Peripheral Neuropathy)” ซึ่งเกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทนอกสมองและไขสันหลัง อาการที่พบได้บ่อยคือ อาการชา เจ็บ หรือปวดแปลบตามมือและเท้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเดินทรงตัวลำบาก บางรายอาจมีอาการแน่นหน้าอกหรือคลื่นไส้ร่วมด้วย
น่ากังวลว่า แม้จะหยุดรับประทานวิตามินแล้ว อาการเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปีกว่าจะดีขึ้น และในบางกรณีอาจมีอาการหลงเหลืออยู่นานเกิน 2 ปี
ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาในออสเตรเลียเผยว่า ตัวอย่างเลือดกว่า 4.5% ที่ส่งตรวจมีระดับวิตามินบี 6 สูงจนเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อระบบประสาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจสะท้อนสถานการณ์ในประเทศไทยที่ผู้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
งานวิจัยล่าสุดชี้: แม้ขนาดต่ำก็ยังเสี่ยง
แม้ว่างานวิจัยเมื่อ 20 ปีก่อนจะเคยระบุว่า การรับประทานวิตามินบี 6 ขนาด 100–150 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 5 ปี ไม่พบอาการผิดปกติ แต่กรณีศึกษาใหม่ๆ กลับให้ผลตรงกันข้าม เช่น กรณีศึกษาในปี 2566 พบชายคนหนึ่งเกิดอาการปลายประสาทอักเสบ ทั้งที่ได้รับวิตามินบี 6 เพียง 95 มิลลิกรัมต่อวันจากการทานอาหารเสริมหลายยี่ห้อรวมกัน นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ป่วย 7 รายที่มีอาการทางระบบประสาทจากการดื่มเครื่องดื่มปรุงแต่งรสชาติที่เติมวิตามินบี 6 และจากข้อมูลของ TGA พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 มีรายงานผลข้างเคียงจากพิษของวิตามินบี 6 แล้วถึง 174 ราย
ทั่วโลกตื่นตัว: ออกมาตรการคุมเข้ม
ปัจจุบัน หน่วยงานกำกับดูแลในออสเตรเลียกำลังพิจารณาจำกัดการจำหน่ายวิตามินบี 6 ขนาดสูง ให้ซื้อได้จากร้านขายยาและต้องได้รับคำแนะนำจากเภสัชกรเท่านั้น เช่นเดียวกับในยุโรปที่กำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่ 25 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่สถาบันโภชนาการแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้เตือนว่า ไม่ควรรับประทานเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อป้องกันความเป็นพิษต่อระบบประสาท (NIH Office of Dietary Supplements)
สถานการณ์และความเสี่ยงในสังคมไทย
ในประเทศไทย กระแสการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินบี 6 กำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งจากการตลาดออนไลน์และจากความเชื่อที่ว่า “วิตามินยิ่งกินยิ่งดี” ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยยังอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินบี 6 ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อหน่วยได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุที่ทานวิตามินหลายชนิด หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวิตามินบี 6 เพื่อบรรเทาอาการแพ้ท้อง หรือกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมเครื่องดื่มและผงชง “เพิ่มพลัง” ได้รับวิตามินเกินขนาดโดยไม่รู้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งย้ำว่า แค่อาหารไทยในชีวิตประจำวันก็ให้วิตามินบี 6 เพียงพอแล้ว การเสริมวิตามินโดยไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และแนวคิด “ยิ่งมากยิ่งดี” นั้นใช้ไม่ได้กับวิตามินชนิดนี้ เพราะส่วนเกินอาจกลายเป็นโทษทำร้ายสุขภาพได้
3 สัญญาณเตือนพิษวิตามินบี 6 ที่ต้องจับตา
บทความจาก The Conversation ได้สรุป 3 อาการสำคัญที่ควรสังเกต หากสงสัยว่าได้รับวิตามินบี 6 มากเกินไป ดังนี้
- อาการชา เจ็บ หรือปวดแปลบตามมือและเท้า (สัญญาณของโรคเส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม)
- เดินเซ ทรงตัวลำบาก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- อาการแน่นท้อง ท้องอืด หรือคลื่นไส้
หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกับการรับประทานวิตามินบี 6 ในปริมาณสูง หรือทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิด ควรหยุดใช้ทันทีและรีบไปพบแพทย์
นักกำหนดอาหารในโรงพยาบาลท่านหนึ่งให้ข้อมูลเสริมว่า แม้หลายคนจะเชื่อว่าวิตามินส่วนเกินจะถูกขับออกจากร่างกาย แต่สำหรับวิตามินบี 6 หากได้รับในปริมาณสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจสะสมจนสร้างความเสียหายถาวรได้
กลุ่มเสี่ยงและคำแนะนำสำหรับคนไทย
โดยทั่วไป อาหารไทยที่ประกอบด้วยข้าว เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ก็ให้วิตามินบี 6 เพียงพอแล้ว จึงควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และวัยรุ่นที่นิยมเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งอาจมีวิตามินบี 6 แฝงอยู่ในปริมาณสูง
ในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่า อย. ของไทยอาจพิจารณาออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการเข้าถึงวิตามินบี 6 ขนาดสูง ควบคู่ไปกับการสื่อสารความรู้ให้ประชาชนเข้าใจว่าการบริโภควิตามินเกินพอดีก็สามารถก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน
จะดูแลสุขภาพอย่างไร ไม่ให้เสี่ยงพิษจากวิตามินบี 6
- ทบทวนความจำเป็นของตัวเองว่าต้องทานวิตามินบี 6 เสริมหรือไม่ โดยเฉพาะหากรับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำอยู่แล้ว
- หลีกเลี่ยงการรับวิตามินบี 6 เกิน 50 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน หากไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ตรวจสอบฉลากอาหารเสริมและเครื่องดื่มทุกชนิด เพื่อระวังการได้รับวิตามินบี 6 ซ้ำซ้อนโดยไม่ตั้งใจ
- หากมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือแน่นท้อง ขณะที่กำลังใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที
- ติดตามข้อมูลและคำแนะนำจาก อย. และควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อวิตามินขนาดสูงมาใช้
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ The Conversation, NIH Office of Dietary Supplements และสำนักข่าว ABC ออสเตรเลีย