GotoKnow

พลิกวงการผิว! วิจัยใหม่พบ “วิตามินซี” ช่วยลดริ้วรอย ชะลอวัยได้จริง

ทีมข่าวสุขภาพและสุขภาวะ
เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2568 15:45 น. ()

ข่าวดีสำหรับคนรักผิว! ผลการศึกษาล่าสุดตอกย้ำว่าวิตามินซีที่เรารู้จักกันดีในฐานะตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันนั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การค้นพบครั้งนี้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ผิวหนังระดับโลกอย่าง Journal of Investigative Dermatology และถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างประเทศเช่น AOL ซึ่งอาจเปลี่ยนมุมมองของคนไทยที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม ให้หันมาดูแลตัวเองแบบองค์รวมมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหารการกินและการบำรุงผิว

วิตามินซี: จุดเปลี่ยนของคนใส่ใจสุขภาพผิว

สำหรับคนไทยแล้ว เรื่องความสวยความงาม สุขภาพ และอาหารการกิน ถือเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ขาด ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ได้เชื่อแค่คำโฆษณาหรือพึ่งพาเครื่องสำอางราคาแพงเพียงอย่างเดียว แต่หันมาให้ความสนใจแนวทางที่อ้างอิงวิทยาศาสตร์มากขึ้น และมองหาวิธีที่เป็นธรรมชาติ ปรับใช้ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกทานผักผลไม้สด ซึ่งโชคดีที่ตลาดบ้านเราและเมนูอาหารไทยนั้นอุดมไปด้วยวัตถุดิบที่มีวิตามินซีสูงอยู่แล้ว

กลไกมหัศจรรย์ของวิตามินซีต่อเซลล์ผิวในงานวิจัย

ทีมวิจัยได้ใช้แบบจำลองเซลล์ผิวมนุษย์ในห้องทดลอง เพื่อดูว่าวิตามินซีในระดับความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับร่างกายจะส่งผลอย่างไร ผลลัพธ์น่าทึ่งมาก เพราะผิวที่ได้รับวิตามินซีนั้นมีความหนาในชั้นผิวที่มีชีวิตเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่ทำให้ชั้นขี้ไคลซึ่งเป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วหนาตามไปด้วย พอผ่านไป 2 สัปดาห์ แบบจำลองแสดงให้เห็นว่าชั้นผิวที่มีชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สวนทางกับชั้นขี้ไคลที่บางลง ซึ่งเป็นสัญญาณของผิวที่ดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์กว่าเดิม เพราะกระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้เพราะวิตามินซีเข้าไปกระตุ้นยีนตัวสำคัญที่ควบคุมการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว โดยเฉพาะการสร้างและแบ่งตัวของ “เคราติโนไซต์” ซึ่งเป็นเซลล์ส่วนใหญ่ของผิวหนัง งานวิจัยจึงสรุปว่าวิตามินซีมีศักยภาพสูงพอที่จะนำไปพัฒนาเป็นวิธีรักษาภาวะผิวบางที่เกิดจากความเสื่อมตามวัยได้ (AOL)

ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัด: วิตามินซีเกี่ยวข้องกับโครงสร้างผิวและคอลลาเจนอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบันในต่างประเทศอธิบายเพิ่มเติมว่า วิตามินซีทำหน้าที่เหมือนเป็น “ผู้ช่วย” (โคแฟกเตอร์) ในการกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งตัวของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น วิตามินซียังจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้าง “คอลลาเจน” โครงสร้างหลักที่ทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวแห้งและหย่อนคล้อย วิตามินซีจึงเปรียบเสมือนพระเอกที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ควรได้รับวิตามินซีเท่าไร และใครบ้างที่เสี่ยงขาด?

หน่วยงานสุขภาพของสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ผู้ใหญ่ทั่วไปควรได้รับวิตามินซีประมาณ 65–90 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ตัวเลขนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน กลุ่มที่เสี่ยงขาดวิตามินซีมักจะเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ คนที่ทานอาหารไม่หลากหลาย หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่จะได้รับวิตามินซีเพียงพอจากอาหารที่ทานในแต่ละวันก็ตาม

วิตามินซีในอาหารไทย: ของดีหาง่ายใกล้ตัว

แหล่งวิตามินซีชั้นยอดนั้นหาได้ง่ายมากในตลาดบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นพริกหวานแดง ส้ม กีวี พริกหยวกเขียว บรอกโคลี หรือแม้แต่ฝรั่งและมะละกอดิบในส้มตำจานเด็ด แค่ทานพริกหวานแดงหั่นเต๋าเพียงครึ่งถ้วย ก็ได้วิตามินซีไปแล้วถึง 95 มิลลิกรัม ซึ่งเกินพอสำหรับความต้องการในหนึ่งวันด้วยซ้ำ จะเห็นได้ว่าอาหารไทยทั้งของว่างและกับข้าวอย่าง สลัดผลไม้ ยำวุ้นเส้น หรือแกงส้ม ต่างก็เป็นเมนูที่ให้ประโยชน์ด้านนี้อย่างเต็มเปี่ยม

วิตามินซี: ทาน vs ทา แบบไหนดีกว่ากัน?

แม้งานวิจัยชิ้นนี้จะเน้นไปที่การได้รับวิตามินซีจากการรับประทาน แต่แพทย์ผิวหนังหลายคนก็เห็นตรงกันว่า การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีวิตามินซีเข้มข้น เช่น เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) เพื่อช่วยคงความเสถียรของวิตามินซี ก็มีประโยชน์อย่างมากในการปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดดซึ่งเป็นตัวการทำลายผิวและก่อริ้วรอย โดยเฉพาะในเมืองไทยที่ต้องเผชิญกับรังสียูวีและมลพิษในระดับสูงเป็นประจำ (กรมอุตุนิยมวิทยา)

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าการทานวิตามินซีเสริมโดยไม่มีข้อบ่งชี้อาจไม่ให้ประโยชน์เพิ่มเติม และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารได้ ดังนั้น กลุ่มที่ควรพิจารณาเสริมวิตามินซีคือผู้ที่มีความเสี่ยงจะขาดหรือผู้ที่ตรวจพบว่ามีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำเท่านั้น สำหรับคนทั่วไป การทานอาหารให้หลากหลายก็เพียงพอแล้ว หากใครกังวลเรื่องนี้ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือดก่อนตัดสินใจทานอาหารเสริมได้

เมื่อภูมิปัญญาไทยมาบรรจบกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

เรื่องความกังวลเกี่ยวกับริ้วรอยและความเสื่อมของผิวพรรณนั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาแต่ไหนแต่ไร ภูมิปัญญาชาวบ้านต่างก็มีสูตรบำรุงผิวจากสมุนไพรใกล้ตัวอย่างขมิ้นหรือว่านหางจระเข้สืบทอดกันมาหลายรุ่น งานวิจัยชิ้นนี้จึงเปรียบเสมือนการตอกย้ำความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า การกินดีอยู่ดี โดยเฉพาะการทานผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระนั้นให้ผลลัพธ์ที่ดีจริง การผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นจึงเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพผิวแบบองค์รวมที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนไทยอย่างยิ่ง

ข้อแนะนำสำหรับคนไทยที่อยากมีผิวสวยสุขภาพดี

  • เพิ่มผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงในมื้ออาหารทุกวัน เช่น ฝรั่ง ส้ม พริกหยวก มะละกอ และบรอกโคลี ซึ่งหาซื้อง่ายตามตลาดทั่วไป
  • ลองใช้เซรั่มวิตามินซีเป็นตัวช่วยเสริม โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือและมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของวิตามินซี โดยเฉพาะในวันที่ต้องเจอแดดจัดหรือมลภาวะหนักๆ
  • หากคิดจะทานวิตามินเสริม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติแพ้ยาและอาหาร
  • อย่าลืมองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ เช่น ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และมีวินัยในการดูแลผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว

สรุป

แม้จะยังไม่มียาวิเศษที่ช่วยหยุดเวลาได้ แต่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดนี้ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของวิตามินซีในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบไทยๆ ที่รายล้อมไปด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติและเมนูอาหารที่เปี่ยมคุณค่า หากเรานำความรู้สมัยใหม่มาปรับใช้อย่างเข้าใจควบคู่ไปกับภูมิปัญญาดั้งเดิม การมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างยั่งยืนก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

แหล่งข้อมูล:


ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย