GotoKnow

คำนิยม หนังสือ การสร้างผู้นำทางวิชาการที่สุจริต  โดย ศ. นพ. วันชัย วัฒนศัพท์ 

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2568 17:33 น. ()

 

                                       ความรู้คู่เปรียบด้วย       กำลัง กายเฮย

                                   สุจริตคือเกราะบัง              ศาสตร์พ้อง

                                   ปัญญาประดุจดัง                อาวุธ

                                   กุมสติต่างโล่ป้อง               อาจแกล้วกลางสนาม

 

นี่คือสุภาษิตที่ผมท่องจำไว้ประจำใจตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เมื่อมาเรียนหนังสือต่อที่กรุงเทพ อายุ ๑๕ ปี  สำหรับไว้เป็นคติประจำใจในการดำรงชีวิตของตนเอง    ยิ่งเมื่อทำงาน และมีตำแหน่งที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องเงินๆ ทองๆ    และการใช้ทรัพยากรต่างๆ    สุภาษิตนี้เป็นสติและเป็นโล่ป้อง ไม่ให้ผมเผลอถูกความเย้ายวน และการชักชวนจากหลากหลายทาง เอาชนะ และหลงดำเนินชีวิตไปในทางที่ผิดทำนองคลองธรรม    แต่มีการปฏิบัติกันทั่วไป ในสังคมไทย       

นำผมสู่การทำความเข้าใจคำว่า integrity  ที่ผมแปลว่า ความมั่นคงในคุณธรรม   และตีความว่าคุณสมบัตินี้ออกมากระทำการยามเราถูกท้าทายโดยความเย้ายวน หรือถูกยั่วกิเลสที่มีอยู่ตามปกติในตัวมนุษย์   ดังกรณีตัวอย่างเรื่องเล่าที่ผมฟังจากอดีตผู้ใหญ่บ้านของบ้านหนองกลางดง  อ. สามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เมื่อบ่ายวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๘ ในการประชุมวิชาการสุขภาวะทางปัญญา ( Soul Connect Fest 2025) ที่สามย่านมิตรทาวน์   ท่านผู้นี้คืออดีตผู้ใหญ่ โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์   ที่เล่าเหตุการณ์ที่ชาวบ้านรวมตัวกันต่อต้านการทำเหมืองแร่เหล็ก ที่เสี่ยงต่อการสร้างมลพิษโลหะหนักในลำน้ำ   และชาวบ้านรวมตัวกันคัดค้าน    ในฐานะผู้นำชุมชน ท่านได้รับการเสนอค่าตอบแทนสูงถึง ๓๐ ล้านบาทหากช่วยดำเนินการให้ชาวบ้านยุติการคัดค้าน   เป็นตัวอย่างของบุคคลที่สูงยิ่งในความมั่นคงในคุณธรรม   

หนังสือเล่มนี้เสนอเรื่อง ความสุจริตทางกฎหมาย  กับ ความสุจริตทางสังคม   ที่เชื่อมโยงมาจากเรื่องความยุติธรรม ที่ท่านผู้เขียน ศ. นพ. วันชัย วัฒนศัพท์ เป็นผู้เชี่ยวชาญของสังคมไทย และวงการวิชาการความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ของไทย    ที่ผมคิดต่อว่า น่าจะมี ความสุจริตทางจิตสำนึก  ที่เป็นความสุจริตต่อตนเอง   ต่อจิตสำนึกภายในของตนเอง    ที่ผมมีประสบการณ์ชีวิตช่วงที่มีอายุ ๓๓ - ๓๕ ปี ที่สถานการณ์บังคับให้ต้องทำงานบริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยในสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ผมตีความว่ามีสีเทา    ในกิจกรรมก่อสร้างอาคารของมหาวิทยาลัยก่อตั้งใหม่   

เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ที่ต้องบริหารการก่อสร้างภายในมหาวิทยาลัยทั้งหมด    และได้เผชิญเหตุการณ์แรกที่สื่อว่า มีความท้าทายระหว่างการบริหารงานแบบเอื้อผลประโยชน์แก่กลุ่มผลประโยชน์ กับการบริหารงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของราชการ   ผมเรียนท่านอธิการบดีว่า นิสัยหรือข้อจำกัดของผมคือ ไม่รอมชอมกับความไม่ถูกต้อง  หรือยึดมั่นกับความสุจริตตรงไปตรงมา    หากนิสัยนี้ไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งหน้าที่    น่าจะให้ผมไปทำหน้าที่บริหารอื่น    หรือให้ออกจากตำแหน่งรองอธิการบดีไปเลย    น่าเสียดายที่ท่านอธิการบดีเสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถไปตรวจสอบกับท่านว่าในตอนนั้นท่านคิดอย่างไร    แต่ในทางปฏิบัติ ท่านยืนยันสนับสนุนให้ผมเดินหน้าบริหารงานตามอุดมการณ์ของผม   ที่ได้เปลี่ยนแปลงระบบบริหารงานก่อสร้างของมหาวิทยาลัยให้มีสีขาว ไม่มีสภาพสีเทาอีกต่อไป    ภายใต้หลักการว่า การบริหารมหาวิทยาลัยต้องบริสุทธิ์ ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ   เพื่อเป็นตัวอย่างแก่นักศึกษา ที่จะออกไปทำหน้าที่ผู้นำสังคม   

แต่สภาพความสุจริตด้านการก่อสร้างในสังคมไทย เป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก   ดังเราจะเห็นจากเรื่องราวของการก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ที่ถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘    ในปี ๒๕๒๑ ผมจึงลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดี    เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางจริยธรรมในกิจการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่มาก

นำเรื่องส่วนตัวมาเล่าย่อๆ เพื่อจะบอกว่า มาตรฐานในสภาพจริงทางสังคม (ของสังคมไทย) ในเรื่องความสุจริต เป็นเรื่องที่ลี้ลับ    การสร้างผู้นำทางวิชาการที่สุจริตตามในหนังสือเล่มนี้ จึงต้องคำนึงถึงพื้นฐานทางสังคมในแต่ละสังคม   และเป็นเรื่องที่ต้อง “เข็นครกขึ้นภูเขา”   หรือต่อต้านแรงโน้มถ่วงทางสังคม   

หนังสือ การสร้างผู้นำทางวิชาการที่สุจริต นี้  เน้น การสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ที่ผมตีความว่า เป็นการสร้างพื้นฐานค่านิยมแห่งความสุจริตขึ้นในสมาชิกของสถาบันวิชาการ   เป็นกลยุทธที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง    และเชื่อว่าการสร้างภูมิคุ้มกันนี้ ต้องเริ่มตอนอายุน้อยที่สุด    คือดำเนินการสร้างมาตรฐานทางสังคมตั้งแต่แรกเกิด ตอนเป็นเด็กเล็ก เป็นนักเรียน และตลอดชีวิต  โดยควรมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ    ตรงตามข้อเสนอในหนังสือเล่มนี้ (หน้า ๑๖) ว่า “การสอนเรื่องคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (character education) ในโรงเรียนตั้งแต่วัยเยาว์”    ผมจึงได้เขียนหนังสือ ค่านิยมศึกษา สู่คุณค่านำทางชีวิต ที่ทุกท่านสามารถดาวน์โหลดมาอ่านได้ฟรี   การดำเนินการแนวสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นี้ จะสร้างสังคมไทยให้เป็น “เมืองนูน” (หน้า ๑๑๙ - ๑๒๒) คือผู้คนมองประเด็นทางสังคม โดยเฉพาะอย่างด้านคุณธรรมอย่างซับซ้อนในหลายมิติ           

  หนังสือ การสร้างผู้นำทางวิชาการที่สุจริต นี้    เสนอมุมมองและแนวทางดำเนินการเชิงบวก  ที่เลียนมาจากแนวทางจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ ที่ท่านผู้เขียนเป็นผู้นำในการพัฒนาวิชาการแขนงนี้ขึ้นในสังคมไทย    และก่อคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างมหาศาล   

ข้อเสนอแนะวิธีการที่นำมาจากต่างประเทศ คือ เกณฑ์เกียรติยศ (Honor Codes) ที่มีตัวอย่างง่ายๆ “นักเรียนจะไม่โกหก ไม่โกง ไม่ขโมย  และไม่ยอมรับพฤติกรรมเหล่านี้จากผู้อื่น” (หน้า ๑๗)    เป็นวิธีการหนุนให้เด็กสร้างค่านิยมที่ดีใส่ตัว  ที่ผมชอบมาก  

ข้อความที่น่าตกใจอยู่ที่หน้า ๑๙  “งานวิจัยของ Aspen Institute พบว่า นักศึกษาที่จบจากหลักสูตร M.B.A. มีทัศนคติด้านจริยธรรมอ่อนแอลงกว่าเมื่อเข้ามาเรียน”   ผมหวังว่าผลการวิจัยชิ้นนี้ (ซึ่งน่าจะออกเผยแพร่นานมาแล้ว) ได้ทำหน้าที่เป็นข้อเตือนใจ ให้ผู้จัดหลักสูตรการบริหารธุรกิจ (และหลักสูตรอื่นๆ) คำนึงถึงการเรียนรู้และพัฒนาครบทุกด้าน V.A.S.K. ของนักศึกษา (gotoknow.org/posts/711568)

ผมชอบนิยาม “คนที่มีความซื่อสัตย์” ของรองศาสตราจารย์ ดร. Jason M. Stephen (หน้า ๒๑๐) ว่า หมายถึงคนที่มีคำพูด การกระทำ และพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน   ที่ผมตีความว่า มีความซื่อสัตย์อยู่ในจิตสำนึกหรือค่านิยม ที่เป็นตัวกำกับพฤติกรรมทุกด้านในชีวิต   และความซื่อสัตย์ในระดับสูง จะช่วยให้ทนต่อความเย้ายวนที่รุนแรงได้   เรียกว่า ความมั่นคงในคุณธรรม (integrity)    ผมเข้าใจว่า หนังสือเล่มนี้มุ่งให้คำแนะนำวิธีการสร้างสังคมอุดมศึกษาที่มีความมั่นคงในคุณธรรมทุกๆ ด้าน              

ผมขอขอบคุณ ศ. นพ. วันชัย วัฒนศัพท์แทนคนไทยและสังคมไทย ที่ได้ริเริ่มการสร้างวิชาการด้านสังคมสมานฉันท์ขึ้นในสังคมไทย  และนำสู่การใช้หลักการเดียวกันต่อการสร้างความมั่นคงในคุณธรรมของสังคมอุดมศึกษา

วิจารณ์ พานิช

๖ เมษายน ๒๕๖๘

วันจักรี 

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย