แหนแดงคืนชีพ
สืบเนื่องจากงานวันครูที่ผ่านมา เมื่อผมได้พบปะผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ท่านมีฐานะเป็นนายกสมาคมครูและผู้บริหารโรงเรียนด้วยนั้น ท่านได้ทักทายและพูดกับผมว่า “แหนแดงที่โคกหนองนาของผอ.ผมยังไม่ลืมนะครับ เคยขอผอ.ไว้นานแล้ว”
“ครับ” แล้วผมก็นิ่งแล้วนึกทบทวนดู จึงรู้ว่าท่านผอ.ขอไว้จริงๆ ตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่เกษียณ
ไม่ทันจะได้บอกความจริงว่าผมไม่ได้เพาะเลี้ยงแล้ว ตอนนี้หันมาเอาดีทางปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ แต่ไม่ทันที่ผมจะเอ่ยเอื้อน ก็ต้องขยับขับเคลื่อนตัวเพื่อถ่ายภาพหมู่กับคณะครู ทำให้การพูดคุยยังคงค้างไว้แต่เพียงแค่นั้น
พอกลับถึงบ้านก็ว้าวุ่นล่ะสิคราวนี้ จะต้องรีบติดต่อกับผอ. เพื่อจะบอกท่านไปตามตรงว่าไม่ต้องมาที่โคกหนองนาแล้วนะครับ แหนแดงของผมกลายเป็นอดีตไปแล้ว
เกือบปีเห็นจะได้ที่ผมพับฐานการผลิตแหนแดง ทั้งที่เวลานั้นมือกำลังขึ้นทีเดียวเชียว แต่ที่ต้องเลิกล้มความตั้งใจ ก็เพราะโคกหนองนา สถานที่และบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร
มีการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ อาณาบริเวณที่เคยจัดระบบจึงไม่ค่อยจะมีระเบียบ เพราะต้องวางวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือก่อสร้าง เมื่อโคกหนองนามีความชุลมุนวุ่นวาย ผมก็เลยต้องวางมือเรื่องแหนแดงเอาไว้ก่อน
พอกลับถึงบ้าน ก็เลยไลน์เล่าเรื่องดังกล่าวให้ลูกชายที่พำนักอาศัยอยู่ในโคกหนองนาได้รับทราบ ลูกชายบอกว่า “ไม่ต้องห่วงเลยครับ ตอนนี้ในคลองข้างบ้านเรามีแหนแดงเต็มไปหมดเลย”
“อาทิตย์ที่แล้วพ่อเข้าไปก็เห็นอยู่นะ แต่มันเป็นแหนเป็ดมิใช่หรา พ่อไม่เคยเลี้ยงแหนแดงในคลอง” ผมพยายามบอกลูกให้เข้าใจ
“แต่ทำไมมันเหมือนที่พ่อไปขอที่เกษตรอำเภอแล้วเอามาเลี้ยงในกาละมังล่ะ”
เอาล่ะสิ ผมเริ่มเป็นงงสงสัย เกิดอะไรขึ้นในคลองไส้ไก่ แล้วมันจะเป็นอะไรกันแน่ ระหว่างแหนแดงกับแหนเป็ด ผมต้องเดินทางไปพิสูจน์ใกล้ๆให้เห็นกับตาเสียแล้ว
ก่อนเดินทางไปโคกหนองนา คนที่บ้านถามว่า “พ่อ แหนแดงกับแหนเป็ดมันต่างกันยังไงหรา?” เธอถามอย่างกับว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างนั้นแหละ แต่ผมก็ต้องตอบเพื่อรักษาฟอร์มเอาไว้
“เหมือนกันตรงที่เป็นอาหารสัตว์และใช้ทำปุ๋ย แต่มีความต่างกันมากก็ตรงรูปร่าง แหนเป็ดจะแบนๆมีสีเขียวและจะไม่เปลี่ยนสี ส่วนแหนแดงจะฟูๆ มีสีเขียวอ่อนและเข้ม สวยงามกว่า มีราคาสูงกว่า ต้องเพาะเลี้ยง ไม่ค่อยพบตามแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนแหนเป็ด” ผมสรุปให้เธอฟังคร่าวๆ
“แหนแดงกับแหนเป็ดมันอยู่ด้วยกันได้ไหม?” เธอถาม
“ไม่ได้หรอก มันจะรังแกกัน พ่อเคยเลี้ยงแหนแดง พอดีมีแหนเป็ดเข้าไปปะปนอยู่ แหนเป็ดแพร่กระจายได้เร็วกว่า เลยทำให้แหนแดงไม่ค่อยเจริญเติบโตเท่าที่ควร”
“มิน่าล่ะ พ่อถึงปล่อยทิ้งไปหลายกาละมัง แม่เลยเอาไปสาดลงคลอง แหนแดงเลยรอดมาถึงทุกวันนี้” เธอพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเป็นฝีมือของเธอ ผมก็เลยต้องเออออห่อหมก เพราะไม่อยากขัดคอ
เพราะเท่าที่จำได้ เธอสาดเศษซากแหนแดงไปตั้งแต่ก่อนฤดูฝน และจากนั้นน้ำก็ไหลหลากเข้ามาในคลองจนล้นเอ่อ มันจะหลงเหลือมาถึงบัดนี้เชียวหรือ?
หรือว่าจะจริงอย่างที่เธอพูด เพราะวันนี้ ผมไปติดตามและสังเกตอย่างใกล้ชิด พบว่าเป็นแหนแดงแท้ๆ สายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า ที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำให้เกษตรกรเพาะเลี้ยง เนื่องจากมีธาตุไนโตรเจนสูงมาก
ในเมื่อแหนแดงแรงฤทธิ์ได้มากมายเช่นนี้และงอกงามอยู่เต็มลำคลอง โดยที่ผมไม่ต้องเพาะเลี้ยง แล้วจะช้าอยู่ใยเล่า ผมกับลูกชายจึงรีบโกยใส่เรือ นำไปผสมกับมูลวัว ทำให้ได้ปุ๋ยสูตรพิเศษขึ้นมาทันที
การฟื้นตัวและกลับมาของแหนแดงครั้งนี้ จึงสร้างสีสันให้แก่โคกหนองนาไม่น้อยเลย
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๙ มกราคม ๒๕๖๘