GotoKnow

บันทึกชีวิตการทำหน้าที่นายกสภา มทส.  ๑๑. เรียนรู้จากการประชุมสภามหาวิทยาลัยวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2025 17:26 น. ()
การทำหน้าที่ Good Governance ให้แก่สถาบันอุดมศึกษา เป็นงานที่มีความกำกวม  ไม่ชัดเจน มองได้หลายมุม  ต้องการฐานคุณธรรม  ความมั่นคงในคุณธรรม  การรับฟัง การตีความ และความเห็นที่หลากหลาย  นำมาตัดสินใจอย่างอิสระ  อย่างที่คณะกรรมการสภา มทส. ปฏิบัติให้เห็น

บันทึกชีวิตการทำหน้าที่นายกสภา มทส.  ๑๑. เรียนรู้จากการประชุมสภามหาวิทยาลัยวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘     

เรื่องความเห็นต่าง ซึ่งในบางส่วนนำสู่ความขัดแย้งภายใน มทส.   คือเรื่องการตีความคำว่า “คณาจารย์ประจำ”   และคำว่า “หน้าที่บริหาร”  ที่เป็นผลงานของสภามหาวิทยาลัยในอดีต    ที่ออกข้อบังคับมีข้อความที่คลุมเครือ   ต้องตีความ   และเมื่อตีความ (มาตั้งนานแล้วก่อนผมไปทำหน้าที่นายกสภา) ที่มีผลให้ผู้เกษียณอายุที่ได้รับการจ้างต่อ เป็นกรรมการสภาวิชาการได้    และเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยได้    นำสู่การร้องเรียนให้แก้ไข    เพราะผู้ร้องมีความเห็นว่า เป็นช่องทางให้เกิด COI ขึ้นใน มทส.    เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ “พ่อใหญ่” ศ. ดร. วิจิตร ศรีสะอ้านยังดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย มทส.      

หากผมรู้ว่า เมื่อยอมรับหน้าที่นายกสภา มทส. จะต้องเข้าไปทำหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหานี้   ผมจะไม่กล้ารับ    เพราะผมไม่ถนัดเรื่องทำนองนี้  คือในชีวิตผมหลีกเลี่ยงเรื่องอำนาจมาโดยตลอด    ผมไม่แสวงหาตำแหน่งหรืออำนาจ   ไม่เล่นการเมืองเพื่ออำนาจ    ผมมุ่งทำงานเพื่อสร้างผลงาน และผลกระทบต่อองค์กรและสังคมหรือประเทศเป็นหลัก   ระมัดระวังไม่ปล่อยให้ตนเองหลงเข้าสู่วงจรอำนาจ   

การได้รับเชิญให้ไปทำหน้าที่นายกสภา มทส. ถือว่าเป็นการได้รับเกียรติสูงยิ่ง   แต่การที่ผมรับ เป็นความเขลาของผม ที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน   ว่าเมื่อรับแล้วตนเองจะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่   เมื่อรับหน้าที่แล้ว จึงรู้ว่ามีเรื่องขัดแย้ง เกี่ยวกับการร้องเรียนพฤติกรรมที่มีคนกล่าวหาว่าเป็น COI ที่สภามหาวิทยาลัยต้องตัดสินใจแก้  โดยมีกลไกปรึกษาหารือตีความข้อความในกฎหมายหลายระดับที่ผมไม่มีความชำนาญ     เรื่องมาถึงจุดตัดสินในในวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘  ที่สภามหาวิทยาลัยต้องตัดสินว่า ผู้เกษียณอายุที่ได้รับการจ้างต่อ เป็นกรรมการสภาวิชาการได้หรือไม่ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยได้หรือไม่    

หลังจากอภิปรายเหตุผลและข้อคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง     ผม ในฐานะประธานการประชุม เสนอให้มีการลงมติโดยการโหวต   เพราะชัดเจนแล้วว่ากรรมการสภามีความเห็นต่างกันเป็นสองขั้ว    ผมเสนอญัติต่อสภาว่า มติของสภาในคราวนี้ไม่มีผลย้อนหลัง   คือท่านที่เกษียณอายุแล้วและได้รับการจ้างต่อ และเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว จะยังคงสถานภาพเดิมจนกว่าจะหมดสัญญาจ้าง    ไม่ถูกกระทบโดยมติของสภาครั้งนี้    ที่จะต้องลงมติว่า อาจารย์ที่เกษียณอายุแล้วและได้รับการต่อสัญญาจ้าง มีสิทธิ์เป็นกรรมการสภาวิชาการหรือไม่   และผลต่อเนื่องคือมีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยในฐานะตัวแทนจากสภาวิชาการหรือไม่    ผลจากการลงมตินี้ที่มีผลในทางปฏิบัติคือ กรรมการสภาวิชาการในปัจจุบันที่เป็นผู้เกษียณอายุ  จะมีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นกรรมการสรรหาอธิการบดีที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่   

เมื่อกรรมการสภาเห็นชอบต่อญัติ    จึงมีการลงมติแบบเปิดเผย พร้อมการให้เหตุผล ของกรรมการสภาแต่ละท่าน   เหตุการณ์ในที่ประชุมบอกผมว่า มทส. โชคดีมาก ที่มีกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มีวุฒิภาวะสูง มีความมั่นคงในคุณธรรม (integrity) สูง  มีความเป็นตัวของตัวเองสูง    และมีความเคารพความเห็นของสมาชิกแต่ละคน   

มีคนเตือนว่า    การลงมติครั้งนี้ หากผลต่างจากที่เคยปฏิบัติ จะนำสู่ข้อร้องเรียน    ผมบอกที่ประชุมว่า ตามประสบการณ์ของผม    สถานการณ์เช่นนี้บอกผมว่า ไม่ว่าลงมติไปในทางใด จะมีคนไม่เห็นด้วย ไม่พอใจ และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้เสมอ    แต่ในฐานะที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง    สภามหาวิทยาลัยต้องตัดสินใจ    แล้วยอมรับผลจากการกระทำของตน    ต้องไม่หวาดกลัวต่อผลที่จะตามมา    หากตนได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบ  อย่างตรงไปตรงมา  อย่างยึดประโยชน์ขององค์กร และต่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง   โดยคำนึงถึงกฎหมายและกฎเกณฑ์กติกาอย่างรอบคอบ   

ผมเชื่อว่า ประชาคม มทส. ได้รับทราบผลการลงมติ ของสภามหาวิทยาลัยแล้ว (ว่ามติคือ “ไม่”)    ทางสมาชิกมีความเห็นหรือปฏิกิริยาอย่างไร ผมอยากรู้    อยากได้ feedback เพื่อจะได้ทำหน้าที่นายกสภาให้ดีที่สุดในวาระที่เหลืออยู่    โดยผมเอง ไม่มีความต้องการเสียงสนับสนุน    แต่ต้องการเสียงสะท้อน    เพื่อการเรียนรู้สู่การทำหน้าที่ได้ดีขึ้น    เพื่อประโยชน์ของ มทส. ในการเคลื่อนตัวทำหน้าที่สถาบันอุดมศึกษาที่มีคุณภาพสูง สร้างผลกระทบสูง ต่อการพัฒนาประเทศ

ข้อเรียนรู้ของผมคือ    คน มทส. มีคุณภาพสูง    และกรรมการสภา มทส. มีคุณภาพสูงยิ่ง    คือมีการรับฟังข้อมูล หลักการ และเหตุผลที่แตกต่างหลากหลาย แล้วนำมาตีความตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของ มทส.   นำสู่การลงมติพร้อมความเห็นอย่างเปิดเผยในการประชุมที่กินเวลาถึงบ่ายวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘   โดยเน้นผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง   

ผลจากการลงมติ ที่นำสู่การปฏิบัติทันทีคือ สภาวิชาการต้องเลือกสมาชิกไปเป็นกรรมการสรรหาอธิการบดี ที่ไม่ใช่ผู้เกษียณอายุที่ได้รับการจ้างงานต่อ   และผู้เกษียณอายุที่ได้รับการจ้างงานต่อท่านใหม่  จะไม่มีสิทธิ์เป็นกรรมการสภาวิชาการ     

ผมหวังว่า  มติของสภาชิ้นนี้ จะนำสู่ ความสามัคคีปรองดองภายในประชาคม มทส.   ไม่ใช่นำสู่การแตกแยกบานปลายต่อไปอีก    คือหวังว่าความรู้สึกกินแหนงแคลงใจ ไม่ไว้วางใจระหว่างกันภายใน มทส. จะลดลง   หวังว่า จะไม่มีการร้องเรียน หรือฟ้องร้องต่อ จากการลงมตินี้   

แต่ผมก็เคารพความคิดเห็นต่าง    หากจะมีคนร้องเรียนต่อ หรือฟ้องร้องต่อ    ก็ไม่เกินความคาดหมายของผม    และผมก็น้อมรับการกล่าวหาทุกรูปแบบ ให้กลไกตัดสินของบ้านเมืองทำหน้าที่ตัดสิน    ภายใต้ความบริสุทธิ์ใจของผมว่า กรรมการสภา มทส. ชุดนี้ ทำหน้าที่เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือ ให้ มทส. เป็นองค์กรคุณธรรม   ทำงานอย่างคำนึงถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก    ปกป้อง มทส. จากการถูกใช้แสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มหรือพวกพ้อง    ทั้งโดยจงใจ และโดยไม่รู้ตัว   

จะเห็นว่า    การทำหน้าที่ Good Governance ให้แก่สถาบันอุดมศึกษา เป็นงานที่มีความกำกวม  ไม่ชัดเจน มองได้หลายมุม   ต้องการฐานคุณธรรม  ความมั่นคงในคุณธรรม  การรับฟัง การตีความ และความเห็นที่หลากหลาย     นำมาตัดสินใจอย่างอิสระ  อย่างที่คณะกรรมการสภา มทส. ปฏิบัติให้เห็น

นี่คือข้อเรียนรู้ที่มึคุณค่ายิ่งในชีวิตผม                               

วิจารณ์ พานิช          

 ๑๒ ม.ค. ๖๘ 

 

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ


ความเห็น

...วิโรจน์ ครับ
เขียนเมื่อ

ขอบคุณที่เปิดเผยข้อเท็จจริง และเอาใจช่วยครับ…วิโรจน์ ครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย