ผู้มีชื่อเสียงทางพุทธศาสนาสามารถส่งผลต่อธุรกิจได้หรือไม่?


มันไม่ใช่ครั้งแรก และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ที่ว่าพระในทางพุทธจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลก.

เรื่องราวที่ถูกเถียงกันปรากฏตลอดประวัติศาสตร์ ---บางครั้งอาจเป็นตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ครั้งนี้ เป็นกรณีของ พระที่ชื่อ ว. วชิรเมธี และสานุศิษย์ของเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกลุ่มดิไอคอน ที่นำมาสู่การโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน

หลายคนตั้งคำถามสานุศิษย์ของพระทำลายหลักการสอนในพุทธศาสนาหรือไม่ คนอื่นๆ เช่น ทนายความที่มีชื่อเสียงกำลังพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องคดีทางการเงิน โดยการกล่าวหาว่าเขานำเสนอ หรือเห็นด้วยกับธุรกิจที่มีความยอกย้อนเพื่อล่อลวงเหยื่อ

ประชาชนนับพันคนกำลังติดตามในเรื่องอื้อฉาวของดิไอคอน และพวกเขาสนใจแต่ผู้มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้อง เช่น ว. วชิรเมธี เป็นต้น ก็คล้ายๆกับดาราที่เชื่อมโยงกับบริษัท พระถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง หลังจากได้เทศนาให้สาวกฟัง ที่ศูนย์สมาธิในหัวข้อ “ความลับของคนรวย”

คนใช้สื่อทางสังคมกำลังตั้งคำถามว่า พระเป็นผู้มีชื่อเสียง หรืออินฝลูเอ็นเซอร์หรือไม่ หากดาราต้องรับผิดชอบในกรณีชักชวนคนให้เข้าร่วมธุรกิจ แล้วพระควรมีความรับผิดชอบหรือไม่

พระกลายมาเป็นผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่การเริ่มต้นในพุทธศาสนา หากปราศจากพระที่ทรงอิทธิพล พุทธศาสนาอาจหมดสิ้นไปแล้วก็ได้ ภิกขุรูปแรก คือพระโคตรมะ ได้ตรัสรู้และเริ่มสั่งสอนธรรมะของเขา

พระพุทธเจ้าบวชพระ และพระก็เป็นคนบวชคนต่อมา ---ก็คล้ายๆกับการตลาดยุคใหม่ (MLM) อย่างไรก็ตาม นอกจากพระจะสอนเรื่องความอยู่ดีกินดีแล้ว แต่ยังสอนเรื่องความเป็นอิสระจากความทุกข์และนิพพานอีกด้วย

พระพุทธเจ้าไม่สามารถเดินทางไปทั่วเอเชียใต้เพื่อเผยแผ่ธรรมะของพระองค์แต่เพียงผู้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งพระในการเผยแพร่ธรรมะนั้น

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พระได้กลายมาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงตามธรรมชาติ แต่ก็เหมือนกับทุกระบบ จะมีคนดี และคนไม่ดีเป็นตัวแทน คนดีจะสอนแต่ธรรมะ แต่คนไม่ดีจะสร้างความมัวหมองให้กับศาสนา

การชี้แนะทางวิญญาณ หรือการลงทุนทางธุรกิจ?

ในกรณีของ ว.วชิรเมธี นำเสนอโอกาสในการประเมินบทบาทของพระในสังคมสมัยใหม่ ในขณะที่พระหลายรูปทำหน้าที่นำเสนอธรรมะ และเป็นแรงบันดาลใจให้สาวก แต่มันจำเป็นอย่างยิ่งในแยกแยะระหว่างการนำทางทางจิตวิญญาณ และการลงทุนทางธุรกิจ

ประเด็นก็คือสาวกของเขาทำเนินตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่?

ในหมู่สาวก ว.วชิรเมธีกระตุ้นให้พวกเขาได้รับความร่ำรวยผ่านการขายทางออนไลน์ และยังเคยกล่าวถึงชื่อของดิไอคอนด้วย สิ่งนี้ก็ให้เกิดคำถามว่าการกระทำของเขาลบล้างหรือผิดตามจริยธรรมของชาวพุทธหรือไม่?

แต่ถึงแม้ว่าจะผิดจริยธรรมชาวพุทธ แต่มันก็ไม่ผิดกฎหมายทางโลก มีเพียงกรณีที่จะทำให้เขาผิดกฎหมายคือเขาได้หลอกลวงผู้คนให้หลงเชื่อในการซื้อขายหรือไม่

พระที่ทรงอิทธิพลหลายรูปมีการปรับตำสอนที่สลับซับซ้อน  ให้กลายเป็นคำสอนที่ง่ายๆ และประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติสำหรับชาวบ้านจริงๆ เช่น พุทธทาสภิกขุ ที่กล่าวว่านอกจากงานจะช่วยมีกินมีใช้แล้ว ยังเป็นการเติมเต็มทางจิตวิญญาณอีกด้วย.

ครั้งหนึ่งพุทธทาสเคยกล่าวว่า “การทำงานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเรา แต่มันจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงงานด้วยใจที่เปิดกว้าง และไม่มีกิเลส การทำงานในขณะจิตว่าง เป้นอิสระจากความฟุ้งซ่าน และการยึดติด เราจึงจะพบกับความเบิกลาน และงานเราก็สำเร็จ สิ่งนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และชีวิตที่มีความหมายในทุกขณะ”

พระที่ดี (ก็เหมือนกับเป็นตัวแทนของสินค้า) สามารถช่วยในการเผยแพร่ ผลิตภัณฑ์ ธรรมะได้อย่างแพร่หลาย (ซึ่งเหมือนกับผลิตที่ถูกนำเสนอโดยผู้มีชื่อเสียง)

พระที่มีชื่อเสียงหลายรูป เช่น พุทธทาสภิกขุ, หลวงปู่ชา, พระปยุตโต มีการเผยแพร่ธรรมะในโลกตะวันตก

การสอนธรรมะของพวกเขามีการแปลไปในหลายภาษา และยังคงมีการปฏิบัติจากลูกศิษย์ของพวกเขา

พระที่น่านับถือเหล่านี้จะไม่มีเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ตลอดชีวิตของพวกขา พวกเขาแทบจะไม่เคยมีศิษย์ที่เชื่อมโยงกับการธุระกิจ เน้นแต่ธรรมะอย่ารงเดียวเท่านั้น

คำถามก็ยังคงอยู่ คือ ว.วชิรเมธีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดิไอคอนต้องรับผิดชอบหรือไม่? ผลลัพธ์ของการโต้เถียงทั้งในทางสังคมและกฎหมายยังคงไม่มีความแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้นำทางศาสนา เขาไม่สามารถทนต่อการตำหนิได้

นักวิจารณ์โต้เถียงว่า ว.วชิรเมธีต้องมีความรับผิดชอบ เพราะสาวกของเขาอาจนำเสนอธุรกิจที่ทำผู้คนทนทุกข์ในทางอ้อมก็ได้

Ajahn Suchart Abhijato เคยกล่าวถึงสิ่งนี้ไว้ครั้งหนึ่งว่า “ใครก็ตามสามารถจะเป็นพระ โดยจะห่มจีวร หรือไม่ห่มก็ได้ และคนที่ห่มเหลืองก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นพระที่แท้จริง”

สิ่งนี้ทำให้เราฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการคิดในเชิงวิจารณญาณ เป็นเป็นสิ่งที่กันการหลอกลวง “กาลามสูตรหรือเป็นสูตรที่ทำให้เราคิดอย่างรอบคอบ บอกเราว่าเราไม่ควรเชื่อสิ่งใดแบบตาบอด ไม่ว่าคนพูดจะเป็นพระหรือผู้มีชื่อเสียงก็ตาม บทนี้สอนให้เราสังเกตด้วยการคิด และหาความจริงก่อนที่จะยอมรับข้ออ้าง

ความขัดแย้งที่คลอบคลุม ว.วชิรเมธีเป็นโอกาสให้เราประเมินบทบาทผู้นำทางศาสนาในยุคใหม่ได้ ในจณะที่พระและผู้นำทางจิตวิญญาณเป็นคนที่ทรงพลังอำนาจ แต่การกระทำและการสอนของเขาจะต้องประเมินอย่างระมัดระวัง ถึงที่สุดแล้ว ความรับผิดชอบในการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยข้อมูลย่อมขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลแต่ละคนโดยแท้

แปลและเรียบเรียงจาก

Veena Thoopkrajae. Can influencers of Buddhism influence businesses as well? 

https://world.thaipbs.or.th/detail/can-influencers-of-buddhism-influence-businesses-as-well/55150

หมายเลขบันทึก: 719779เขียนเมื่อ 28 ตุลาคม 2024 19:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม 2024 19:23 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท