๓๒๒. จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด


จริงๆแล้วชีวิตคนเรา สามารถทำดีได้ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต ไม่ขึ้นอยู่กับวัยและกาลเวลา แต่ผมกลับมองว่าหลังเกษียณก็มีความสำคัญไม่น้อย ถึงแม้จะเข้าสู่จุดเริ่มต้นของคนสูงวัยและไม่มีภาระงานใดๆให้ต้องวิตกกังวล

จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด

          ผมหวนรำลึกนึกถึงบทร้อยกรองที่ผมเขียนไว้นานแล้ว เขียนในโอกาสที่ครูและผู้บริหารเกษียณอายุราชการ ผมนำมาอ่านอีกครั้งเพื่อเตือนตัวเอง ในโอกาสใกล้วันครบรอบ ๑ ปีของผม ที่เกษียณออกมาจากวงการครู

          บทสุดท้าย..ผมยังจำได้อย่างแม่นยำ เพื่อตอกย้ำความรู้สึกดีๆ ที่ต้องมอบให้ตัวเองบ้าง

         “วันฟ้าใสหลังเกษียณเวียนมาถึง  ตื่นตะลึงมากล้นคนสรรเสริญ คงจดจำคำมงคลฟังจนเพลิน  จักจำเริญ..ก้าวหน้า..ถ้าทำดี”

          ผมประเมินตนเองอยู่เสมอ มีสิ่งใดที่เรียกว่า..เจริญก้าวหน้า มีอะไรบ้างที่เรียกว่าทำดี ทั้งๆที่หลายปีก่อนหน้านี้ ก็เคยทำดีมาแล้ว เกษียณแล้วจะเอาอะไรกันนักกันหนา

          จริงๆแล้วชีวิตคนเรา สามารถทำดีได้ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต ไม่ขึ้นอยู่กับวัยและกาลเวลา แต่ผมกลับมองว่าหลังเกษียณก็มีความสำคัญไม่น้อย ถึงแม้จะเข้าสู่จุดเริ่มต้นของคนสูงวัยและไม่มีภาระงานใดๆให้ต้องวิตกกังวล 

          ผมคิดว่าเคยทำดีและดีที่สุดแล้ว เมื่อครั้งที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กๆ ตอนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ คือยังไงก็ต้องทำ พยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น มิให้ใครต่อใครมาว่ากล่าวลับหลังตอนที่เกษียณแล้ว

          ความรู้สึกที่ไม่เคยต้องการคำชื่นชมมากมายนัก แต่ถ้าคนที่มาบริหารต่อ แล้วเขาอยู่อย่างขื่นขม ตรงนี้ล่ะ..ชีวิตผมก็คงไม่เจริญแน่นอน

          ทุกวันนี้ จะครบ ๑ ปีแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยเจ็บป่วย พัฒนางานที่ชอบได้หลายสิ่งหลายอย่าง บนเส้นทางที่มุ่งสู่โคกหนองนา ยังคิดว่าเป็นเพราะผลกรรมที่ทำไว้ตอนเป็นผู้บริหารหรือเปล่าหนอ?

          ที่ช่วยครูสอนหนังสือและเก็บกระดาษกวาดขยะ จนเด็กอ่านออกเขียนได้และโรงเรียนสดใสสวยงาม ส่งผลให้จำนวนเด็กมากขึ้น เมื่อถึงเกณฑ์อัตรากำลัง โรงเรียนก็ได้ครูมาเพิ่ม อานิสงส์ที่ช่วยเสริมส่งทำให้มีครูครบชั้นมาถึงทุกวันนี้

          อีกทั้งผ่านวิกฤตการยุบ ควบ รวม มาได้อย่างสง่างาม จนสุดท้ายแทบไม่ต้องตอบคำถามใครๆเลย ว่าทำไม? ผมเกษียณในโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ทำไมโรงเรียนไม่โดนตัดตำแหน่งตามกฎเกณฑ์เหมือนที่อื่นๆ

          อันนี้เองที่ทำให้ผมแค่คิดย้อนไป ว่าจักจำเริญก้าวหน้า..ถ้าทำดี...ผมจึงมีความสุขหลังเกษียณ แม้รายได้จากเงินบำนาญจะไม่มาก แต่ก็พอใช้ทุกเดือน และยังคงทำบัญชีครัวเรือนตลอดไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง

          พยายามจะไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น และรู้เรื่องชาวบ้านให้น้อยที่สุด ด้วยการลดละสายตาจากเฟสจากไลน์ ไม่จุกจิกจู้จี้ขี้บ่นกับลูกๆและภรรยา รบกวนพวกเขาให้น้อยที่สุด แต่ก็คอยช่วยแบ่งเบาภาระให้พวกเขาได้ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

          ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการเดินช้าๆ และพัฒนาสวนครัวเพื่อยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายด้วยการดูหนังและฟังเพลง อ่านและเขียนหนังสือทุกวัน

          พักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารตรงเวลา เลือกอาหารที่ก่อให้เกิดคุณค่าต่อร่างกายให้ได้มากที่สุด แต่ต้องทานแต่พอดี นี่คือสุขลักษณะที่คนวัยล่วงเลย ๖๐ ปีอย่างผม ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ ทุกวัน

          ดังที่ผมได้กล่าวมาทั้งหมด คงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า แม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจริญก้าวหน้า ไม่น้อยไปกว่าช่วงที่รับราชการ..

          สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ช่วงใดของชีวิต หรือพูดง่ายๆว่าตลอดชีวิตของผมนั่นเอง ที่คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอก็คือ การยึดมั่นในความไม่ประมาท..เพราะถ้าหากพลาดพลั้งต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด กำลังใจจะถดถอย เวลาที่เหลือน้อยก็คงไม่พอที่จะแก้ตัวได้อีกแล้ว

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๖  กันยายน  ๒๕๖๗

                   

          

          

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 719537เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2024 20:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2024 20:16 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท