เพียงแค่พานพบก็อบอุ่น


ผมกำลังแลกเปลี่ยนกับท่านว่าผมได้ใช้กิจกรรมตั้งศาลเจ้าป่าใหญ่โคกจิก เป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหาผู้รู้ในท้องถิ่น ปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ผลดีเกินคาด ขนาดพ่อใหญ่อายุร่วมร้อยปี ได้เมตตาพวกเราในกิจกรรมนี้ด้วย อยากเสนอแนวคิดเช่นนี้ถึงนักวิจัยทุกท่าน ลองหันมาออกแบบเครื่องมือวิจัยที่ใช้คนเป็นฐาน ผลงานที่ได้จะเกิดประโยชน์แก่ผู้คน จะน่าสนใจกว่าวิจัยที่ใช้กระดาษเป็นฐานไหมครับ

                    ความรู้สึกที่มีอยู่ในตัวผู้คนทุกคนและในตัวท่าน  เมื่อได้รู้จักกับใครสักคน ในใจท่านจะมีคำถามพร้อมคำตอบทันที  เช่น คนนี้ดูดี   คนนี้ชะตาถูกกัน  คนนี้คุยกันได้  คนนี้เฉยๆ รวมไปถึงเมื่อพบกันครั้งแรกก็มีคำถามและคำตอบว่าทำไมหนาจึงไม่ชอบหน้านายคนนี้เลย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ทุกท่านคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เคยมีความคิดเช่นนี้กับใคร   ผมไม่ใช่นักจิตวิทยาแต่ผมเป็นคนที่มีเพื่อนมากพร้อมกับหลากหลายอาชีพ                  

                    ที่ เม็กดำ พวกเราได้จัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของครู  นักเรียน  ชุมชน ผ่านกิจกรรมการเชื่อมโยงชุดความรู้ในท้องถิ่นกับชุดความรู้ในระบบโรงเรียน เรามีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น  การเรียนรู้ที่มีป่าใหญ่โคกจิก   เถาวัลย์   วรรณกรรมท้องถิ่น วิถีอาชีพในชุมชน ฯลฯ  โดยสิ่งที่กล่าวถึงเราถือว่าเป็นชุดความรู้ในท้องถเมื่อกล่าวถึง ชุดความรู้ในท้องถิ่น จากการเรียนรู้ทำให้พวกเราสรุปได้ว่า ชุดความรู้ในท้องถิ่น  ได้เกี่ยวโยงอย่างแนบแน่นกับวิถีของชุมชนดังนั้นการดำรงอยู่ของชุดความรู้จึงฝังแน่นอยู่ในตัวผู้คนเช่นกัน   คำถามสำคัญจึงมีว่าพวกเราจะค้นหาผู้คนที่มีความรู้ฝังแน่นอยู่ได้อย่างไร                                    

              
ต้นปีการศึกษา  
2549   พวกเรา ริเริ่มกิจกรรมค้นหาผู้รู้ในท้องถิ่น  ความรู้วิทยาการสมัยใหม่  ระเบียบวิธีวิจัยที่ได้เล่าเรียนมา  ตำรับตำราได้ถูกค้นหา เป้าหมายคือสร้างเครื่องมือค้นหาผู้รู้ในท้องถิ่นและเมื่อนำไปใช้ผลที่ได้คือความเงียบ  เงียบที่เกือบสนิท นั่นคือเครื่องมือที่เราสร้างขึ้นไม่มีบารมีมากพอต่อการออกมาแสดงตัวของผู้รู้ในท้องถิ่น   แต่ในความเงียบที่เกือบสนิทพวกเราได้เห็นแสงระยิบระยับ ต้อนรับพวกเราอยู่   นั่นคือคำตอบที่เรากำลังค้นหา  คำตอบที่ว่าเราจะค้นหาผู้รู้ในท้องถิ่นได้อย่างครบถ้วนกระบวนการได้อย่างไร                      

               
ชุมชนเม็กดำ  มีป่าใหญ่โคกจิก เป็นห้องอาหารมาช้านานและมีคำกล่าวขานกันว่า ณ ที่กลางป่าเรียกชื่อว่า  ดงจิก  มีต้นเหลี่ยม  ขนาดใหญ่ ผู้คนใช้เป็นร่มเงาพักพิงยามแดดฝนและที่สำคัญคือทุกคนรู้ว่า ณ  ที่แห่งนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ ชนิดไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และด้วยพลังแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน  พวกเราตกลงกันทั้งชุมชนว่า ป่าของเราต้องศาลให้เจ้าป่าเจ้าเขาได้สถิตย์ 
                                    

              
ดังนั้นกิจกรรมตั้งศาลเจ้าป่าใหญ่โคกจิก จึงเริ่มขึ้น การร่วมคิด ร่วมวางแผน  ร่วมปฎิบัติ  จึงเกิดตามมา  จากนั้นสิ่งที่พวกเราใฝ่หาก็เดินออกมาให้เห็น  ผู้รู้ในท้องถิ่นทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง  รุ่นเล็ก ได้แสดงตัวพร้อมตั้งใจเต็มที่ที่จะให้มีศาลเจ้าป่า  สิ่งที่พวกเราสร้างเครื่องมือเข้าไปค้นหาได้มาค้นพบในป่านี่เอง  การตั้งศาลเจ้าป่าได้นำพาให้พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ แสดงความรู้ที่มีอยู่ในตัวท่านออกมาแบบที่พวกเราไม่ต้องถาม
                   


                          
ผมกำลังแลกเปลี่ยนกับท่านว่าผมได้ใช้กิจกรรมตั้งศาลเจ้าป่าใหญ่โคกจิก เป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหาผู้รู้ในท้องถิ่น ปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ผลดีเกินคาด ขนาดพ่อใหญ่อายุร่วมร้อยปี  ได้เมตตาพวกเราในกิจกรรมนี้ด้วย  อยากเสนอแนวคิดเช่นนี้ถึงนักวิจัยทุกท่าน ลองหันมาออกแบบเครื่องมือวิจัยที่ใช้คนเป็นฐาน ผลงานที่ได้จะเกิดประโยชน์แก่ผู้คน  จะน่าสนใจกว่าวิจัยที่ใช้กระดาษเป็นฐานไหมครับ  
                    
  
การเรียนรู้กับผู้เฒ่า ผู้แก่ ในชุมชน  ส่งผลให้สุขใจ ด้วยการเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
                                       เพียงแค่พานพบก็อบอุ่น…..ครับ   

หมายเลขบันทึก: 71950เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 22:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • ป่าชุมชนยังเต็มไปด้วยข้อขลำหรือเปล่าครับอาจารย์
  • และป่าที่นั่นยังคงมีสภาพเป็นเสมือน "ซุปเปอร์มาเก็ตชุมชน"  อยู่หรือไม่
  • ผมเติบโตและเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าป่า หรือดอนปู่ตาคือดินแดนอีกดินแดนหนึ่งที่ดูขรึมขลัง ลึกลับ แต่แฝงด้วยความอบอุ่น โดยเฉพาะเมื่อพ่อบอกว่าที่ตรงนี้คือที่พำนักของผู้ปกปักรักษาพวกเรา.....
  • ในมุมมองการอนุรักษ์  ผมชอบปลูกต้นไม้ แต่ก็แปลกแยกในใจเสมอว่า  ปลูกแล้วมีกระบวนการดูแลอย่างไร ...คำถามนี้มีอยู่เสมอ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมปลูกป่ากับชาวบ้าน
  • เมื่อครั้งเป็นนิสิต  เคยเคลื่อนไหวเรื่องป่าโคกใหญ่ที่วาปีปทุม...แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ติดตามเลย

 

เรียน คุณแผ่นดิน

  • ในป่ามีข้อขลำ มากขนาดที่หาคนปวดหนัก ปวดเบา แทบไม่มี
  • ที่เม็กดำ เราคิดและบอกเด็กๆว่า ปลูกป่ามีวิธีดีๆที่ไม่ต้องปลูกและต้องไม่ทำอะไรกับป่า เราจึงเรียนรู้ข้อขลำป่ามากกว่าปลูกป่า (ตั้งใจจะลงรูปแต่ รูปไม่ยอมลงให้ พรุ่งนี้จะเรียนใหม่ )
  • ป่าใหญ่โคกจิก เนื้อที่ 1400 ไร่ ให้อาหารชาวเม็กดำ มาโดยตลอด
  • ป่าโคกใหญ่ ที่วาปีปทุม  ได้รับรางว้ลลูกโลกสีเขียว และธงพิทักษ์ป่า  แล้วครับ
  • ก่อนปีใหม่ เม็กดำ พาเด็กไปเข้าค่ายที่ป่าโคกใหญ่  3  วัน  สนุกดีครับ
  • มาสนับสนุนการวิจัยที่เน้นชุมชนเป็นฐาน
  • งานวิจัยเราไกลตัวคนเกินไป
  • ทำอย่างไรจะวิจัยเรื่องใกล้ตัว ชุมชนได้เกิดองค์ความรู้

เรียน คุณขจิต

        หลายวันก่อนนั่งคุยกับพ่อใหญ่ หลายคน ท่านบอกว่า ต้นไม้ที่ป่าใหญ่โคกจิก โดยรวมจะเลื่อนวันออกดอกออกผลไปจากเดิมประมาณ 7  วัน

        ข้อมูลแบบนี้แสดงว่าชาวบ้านกำลังวิจัยเรื่องผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน  ได้ไหมครับ

การเลื่อนวันออกดอกออกผลไปจากเดิมประมาณ 7 วันของต้นไม้ในป่าโคกจิก เป็นโจทย์สำหรับชาวบ้านทั้งในประเด็นโลกร้อนแต่คงแก้ยากเพราะเกี่ยวพันกันทั้งโลก แต่ถ้าให้ใกล้ตัวน่าจะออกแบบวิธีการที่เหมาะสมสำหรับให้ต้นไม้ออกดอกออกผลตามฤดูกาลที่ป่าใหญ่โคกจิก  จะง่ายกว่าไหมค่ะ ผอ.
  • ผมเองยุคนั้นได้รวมเอานิสิตนักศึกษา 8 สถาบันลงไปกินนอนในป่าโคกใหญ่ และเป็นกำลังใจให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะพ่อบุญเรือง ยางเครือ
  • และเคยพาน้อง ๆ นิสิตไปปลูกป่ากันที่นั่น
  • ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับข่าวคราวแห่งความปลื้มปิติ
  • ขอชื่นชมครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่ ผอ.เม็กดำ1 บันทึกมาเพื่อแบ่งปันความรู้และความสุขครับ
ส่งภาพการเข้าค่าย"เยาวชนกับคนพิทักษ์ป่า" ที่ป่าโคกใหญ่ วาปีปทุมมาให้คุณแผ่นดิน

ขอขอบคุณท่านอาจารย์เม็กดำ1...

  • ได้ข้อคิดหลายอย่างจากบันทึกของอาจารย์
  • ขอขอบคุณครับ

ผมอ่านแล้วขนลุกซุ่เลยว่า

นี่คือพลังที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างมากมายทั่วเมืองไทย

เมื่อไหร่เราจะตื่นมาดูว่าเรามีอะไรในบ้านเราบ้าง ตอนนี้เรามัวแต่วิ่งไปดูงานแห่นอกบ้าน ลืมไปเลยว่าเรามีบ้าน และ

  • มีอะไรในบ้าน
  • มีอะไรหลังบ้าน
  • มีอะไรในห้องเก็บของ
  • มีอะไรในครัว
  • มีอะไรในห้องนอน
  • มีอะไรที่สวนที่เราปลูกทิ้งไว้แล้วยังไม่เคยไปเยี่ยม
  • และ เพื่อนบ้านเขามองบ้านเราว่าอย่างไร
  • ฯลฯ

โอ้ย เยอะแยะไปหมดเลย

โทษทีผมตื่นเต้นมาก จนคุมความฝันไม่อยู่ครับ

"Real Love are not for Love somebody, It for Everybody & Nobody”

 

สุขสันต์วันแห่งครอบครัวครับ

 

รักคุณบุญรักษา ^^

สวัสดีค่ะ  ผอ.

  • ครูอ้อยมาขอแอบชื่นชมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
  • อยากให้ ผอ.ทั้งประเทศมีความใฝ่ในการทำงานในรูปแบบนี้ค่ะ
  • ครูน้อยจะได้มีความสุขบนพื้นฐานแห่งความจริงค่ะ

ขอบคุณค่ะ ... ท่าน ผอ.เป็น blogger หน้าใหม่ของครูอ้อยแล้วล่ะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท