เมื่อวานบ่ายหลังกินก๋วยเตี๋ยวแวะตลาดสด เพื่อซื้อผักมาไว้ทำกับข้าวช่วงสองสามวันที่จะมีฝน ตั้งใจคงไม่ออกไปไหนแล้ว เพราะไม่สะดวก อีกทั้งเส้นทางเข้าออกที่เฉอะแฉะ เป็นหลุมเป็นบ่อ ตั้งแต่ค่าก๋วยเตี๋ยวซึ่งกลายเป็นความปกติไปแล้ว สองคนมื้อละสองสามร้อย ขึ้นอยู่ว่ากินมาก กินน้อย ร้านแพงหรือไม่แพง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน สมัยลูกสองคนยังเล็ก มื้อหนึ่งสี่คนพ่อแม่ลูกร้อยเดียวหรือร้อยกว่า ๆ ก็อิ่มแปล้ทั้งหมด ต่อ ๆ มาเป็นมื้อละสองร้อยหรือสองร้อยขึ้น ปัจจุบันถ้าอยู่กันครบอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดียว หรืออาหารตามสั่งธรรมดา ๆ ตกมื้อละสามสี่ร้อยหรือห้าร้อยขึ้นไปโน่นเลย
สรุปได้ผักที่กินประจำมาสามสี่อย่าง ถั่วฝักยาว แตงกวา หอมผักชีฝอย ซึ่งเดี๋ยวนี้ถุงละหรือมัดละห้าบาทสิบบาทไม่มีแล้ว อีกอย่างขนาดต้องกลั้นใจซื้อมาเลยคือบล็อคโคลี่ เห็นดอกสด ๆ ใหม่ ๆ แล้ว นึกอยากผัดกับสันคอหมู ใส่น้ำมันหอย กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คงจะหวานอร่อย
เลือกบล็อคโคลี่ส่งให้แม่ค้าชั่งสองดอก ขนาดไม่ใหญ่นัก คะเนว่าผัดแล้วคงได้จานใหญ่ ๆ "แปดสิบบาทค่ะ" ตกตะลึงพรึงเพริด อกอีแป้นจะแตก ราคาขนาดนั้นเลยหรือนี่? ละล่ำละลักบอกแม่ค้าไป "เดี๋ยว ๆ" ช้าก่อนแม่นาง (ฮา) แล้วกะหล่ำดอกที่วางคู่กันนั่นล่ะ? ราคาพอ ๆ กันค่ะ..บล็อคโคลี่ก็บล็อคโคลี่ เฮ้อ!
ค่าแรงเตรียมขึ้นเป็นวันละ ๔๐๐ บาท เมื่อก่อนไม่เคยตระหนัก รายได้ควรปรับขึ้นไว้ก่อน..แต่มาถึงวันนี้ เศรษฐกิจอย่างนี้ รายได้ที่ไม่เพิ่ม ค่าเงินที่ถูกลง ราคาสินค้า ทั้งของกินของใช้ขยับสูงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะหลังการระบาดของโควิด-19 โลกเราก็จ่อเข้าสู่ภาวะสงครามเสียอีก เหล่านี้เป็นปัจจัยก่อให้เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง
ด้วยความเกี่ยวข้อง ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามักตีฆ้องร้องป่าวถึงการควบคุมราคาสินค้าด้วยเสมอ เมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรง ค่าจ้าง หรือการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ทว่าความเป็นจริง รายได้ที่ถูกปรับแม้จะสูงขึ้นเท่าใดก็ตาม ก็ไม่เคยไล่ทันรายจ่ายสักที ข่าวคราวหนี้สินครัวเรือนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์น่าจะช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ดี
บ่นไปกินไปครับ ผัดบล็อคโคลี่วันนี้ไม่ค่อยเอร็ดอร่อยอย่างที่คิด..อาจด้วยประการฉะนี้ (ฮา)
(กาญจนา:ภาพ)
ไม่มีความเห็น