เด็กอัจฉริยะ ที่ไม่ได้พัฒนาทักษะทางปฏิสัมพันธ์


 

เป็นข้อความที่ส่งต่อๆ กันมา น่าสนใจมาก

"เพราะพ่อแม่ติดหนี้ผมอย่างใหญ่หลวง"

นี่คือ Zhang Xinyang วัย 28 อดีตเด็กอัจฉริยะชื่อก้องของประเทศจีน ที่วันนี้อยู่บ้านเช่าให้พ่อแม่เลี้ยง และมีเงินติดบัญชีแค่พันกว่าหยวนค่ะคุณ

เกิดอะไรขึ้น?

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ซินยางเกิดในปี 1995 โดยพ่อของเค้า คุณฮุนเซียง เป็นเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานโยธา และแม่ คุณหุยชวน เป็นคุณครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ที่โรงเรียนในมณฑลเหลียวหนิง

เมื่อซินยางอายุได้ 2 ขวบ ในขณะเด็กคนอื่นพูดอุๆแอะๆ เค้าสามารถพูดและจำอักษรจีนได้เป็นพันๆตัว

พ่อซินยางเริ่มเห็นแววลูกชาย และเริ่มจัดแจงให้ลูกชายได้ไปถูกทาง และไปสุดทางทันที

เค้าสอนลูกชายเต็มที่ และมีเคล็ดลับการสอนต่างๆมากมายหลังจากรู้ว่าลูกชายคืออัจฉริยะตามรายการต่างๆ เผื่อพ่อแม่บ้านอื่นอยากสอนลูกเช่นกัน เช่น ต้องมีคนสอนในบ้านแค่คนเดียว ได้ไม่สับสน ไม่สอนกลับไปกลับมา แบบวันนี้คนนี้สอนแล้ว อีกวันอีกคนมาสอนซ้ำอีก ทำให้เด็กงง ซึ่งครอบครัวเมื่อรู้ว่าลูกชายเป็นอัจฉริยะก็ภูมิใจมาก มักจะอวดให้โลกรู้อยู่บ่อยๆว่าพันธุกรรมมันดี

พ่อซินยางบอกว่า การให้ลูกค่อยๆเรียน มันจะทำให้เค้าถูกกดทับความเป็นอัจฉริยะเอาไว้ มันต้องไปแบบก้าวกระโดดสิ ในเมื่อพระเจ้าให้ความสามารถพิเศษนี้มา ก็ต้องใช้ให้เต็มที่

และพ่อเริ่มส่งลูกวัย 5 ขวบ เข้าโรงเรียนประถมศึกษา และเริ่มก้าวกระโดดทันที (ประเทศจีนเริ่มการศึกษาภาคบังคับตอน 6 ขวบ)

ซินยางใช้เวลาแค่ 2 ปี ก็จบหลักสูตรประถมศึกษาแล้ว และในวัย 7 ขวบเค้าเริ่มเรียนในระดับมัธยม แต่ก็มีช่วงที่ต้องพักไป เพราะครอบครัวอ้างว่า ลูกอยากพักเพราะโรงเรียนสอนช้าเกินไป ไม่สนุกแล้ว

ในขณะเดียวกัน สื่อได้ไปสัมภาษณ์คุณครูประจำชั้น และครูบอกว่า ซินยางไม่ได้อยากเรียน ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนใดๆ ที่สำคัญ เค้าไม่รับฟังคำแนะนำใดๆจากครูเลย

ปัญหาของซินยางคือ "อายุ" ค่ะ ในขณะที่เพื่อนอายุสิบกว่าขวบ ซินยางอายุน้อยกว่าเพื่อน 7-8 ปี และในช่วงวัยมัธยมมันคือช่วงวัยหวาน วัยที่หาเพื่อน สนุกกับชีวิต

แต่กับซินยางมันไม่ใช่ เค้ากลายเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก แต่กลับมีปัญหาด้านพฤติกรรม และไม่สามารถที่จะหาเพื่อน และทำให้ครูรักได้เลย

อีกครั้งที่พ่อเข้ามาแล้วบอกว่า โรงเรียนไม่สามารถช่วยอะไรลูกเค้าที่เรียนรู้อย่างรวดเร็วได้ รังแต่จะรั้งให้เด็กไปช้าลง และถ้าลูกยังอยู่กับที่ จะยิ่งแย่

จึงตัดสินใจให้ลูกออกมาเรียนด้วยตัวเอง

ซึ่งในตอนนั้นก็มีหลายเสียงเตือนตลอด บอกว่าเด็กขาดสังคม ขาดการใช้ชีวิตอย่างเด็กจริงๆ เค้าฉลาดอะใช่ แต่การใช้ชีวิตมันไม่ได้ใช้แค่ความฉลาดอย่างเดียวนะ

พ่อยังให้ลูกเดินหน้าต่อ ซินยางในวัย 9 ขวบเรียนจบมัธยมปลายเรียบร้อย และพร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแบบไปต่อไม่รอแล้วนะ

จุดนั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องอายุที่แตกต่าง เรื่องเพื่อนใดๆอีกต่อไปแล้ว เพราะเค้าไม่ได้สนใจ และใส่ใจมันอีกต่อไป...

ซินยางในวัย 10 ขวบ สอบเข้ามหาวิทยาลัยในวันที่เค้าไม่มีแม้แต่บัตรประจำตัว มีแต่ทะเบียนบ้านที่คัดลอกมาจากสถานีตำรวจในการสอบเท่านั้น

ในวันนั้นนี่แหละค่ะ ที่สื่อเริ่มฮือฮาในตัวเด็ก 10 ขวบคนนี้

และซินยางสอบเข้าสถาบันเทคโนโลยีเทียนจินได้ด้วยคะแนนสอบที่สูงลิ่วค่ะคุณ

วันที่สื่อไปสัมภาษณ์ เด็กเฟรชชี่มหาวิทยาลัยคนนี้ ยังนั่งดูการ์ตูนเด็กอยู่เลยคิดดู คุยๆอยู่ก็วิ่งไปเล่นแล้ว ซึ่งพ่อก็บอกว่าลูก 10 ขวบจะไปเรียนมหาลัยเองได้ยังไง ตัวเองก็ต้องออกจากงานสิ เพื่อไปดูแลลูก เพราะลูกดูแลตัวเองไม่เป็น

ลูกไม่กินเนื้อสัตว์ตั้งแต่ 7 ขวบ เพราะไม่อยากรู้สึกว่าฆ่าสัตว์ ทำอะไรเองไม่เป็น พ่อห่วงมากๆก็ปล่อยไปไม่ได้ ดีที่ทางมหาวิทยาลัยช่วยเหลือโดยให้อยู่หอแบบทั้งครอบครัว คุณแม่เลยขอย้ายมาสอนในโรงเรียนแถวมหาลัยด้วยอีกคน เรียกได้ว่าอพยพมาทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

ซินยางในวัย 10 ขวบกับความสำเร็จทางด้านการศึกษาที่เค้าได้รับ ทำให้เค้ากลายเป็นจุดสนใจอย่างมาก และในขณะเดียวกัน มันก็มีคนประเภทที่รอให้เขาตกจากสวรรค์ จะได้เหยียบให้จมดินก็มี

แต่ก็ไม่ค่ะ ซินยางในวัย 13 ปี จบปริญญาตรีเรียบร้อย และต่อโททันทีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

ในขณะเดียวกันด้านจิตใจ แม้เพื่อนบอกว่าซินยางฉลาดมาก ชอบดูแผนที่และจำได้ขนาดชื่อถนนทุกที่ในที่ๆเค้าไม่เคยไป แต่เค้าก็เป็นเด็กที่ขี้กลัว เวลาทะเลาะกับพ่อและพ่อกระแทกประตูใส่ ซินยางหนีมาอยู่กับเพื่อน และไม่อยากกลับไปนอนที่หอตัวเองด้วยความหวาดกลัว

ซินยางในวัย 13 เริ่มเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น เริ่มไม่ได้ตื่นเต้นกับการเรียน ไม่ได้อยากอยู่ต่อหน้าสื่อ ไม่อยากให้ใครสนใจ ไม่ได้ต้องการให้พ่อ ที่อีกครั้ง ต้องมาอยู่ด้วยในหอของมหาลัยต้องมาติดแหง่กกับตัวเอง เค้าเริ่มแสดงอาการชัดเจนว่าไม่ต้องการให้พ่อมาช่วยด้านการเรียน และพ่อก็เข้าใจ ปล่อยให้เค้าเรียนเองต่อจากนั้นมา

แต่ก็นั่นแหละค่ะ เหมือนนกมที่ได้สยายปีกเองครั้งแรก ซินยางได้อิสรภาพมาและใช้มันอย่างเต็มที่ เริ่มติดเกมส์ ไม่ทำการบ้าน ไม่ได้อยากไปเรียน กว่าจะรู้องค์และกลับมาทำวิทยานิพนธ์ได้ ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

ซินยางจึงตัดสินใจกลับมาเช่าบ้านที่เทียนจีน และอยู่กับตัวเอง ที่นั่นเขารู้สึกถึงอิสระเสรีภาพ และความสบายใจ ได้หลีกหนีจากสิ่งที่เค้าต้องเจอมาตลอดคือ การไม่ได้รับการเคารพจากใคร เพราะเห็นว่าตัวเองเด็ก และเค้าก็เรียนจบปริญญาโทได้อย่างสวยงาม

ในปี 2011 ซินหยางเริ่มเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในวันนั้นเค้าได้ขอแกมบังคับพ่อแม่อย่างนึง

"พ่อแม่ต้องซื้อบ้านให้ผมที่ปักกิ่ง"

"ถ้าไม่ซื้อให้ ผมจะเลิกเรียน"

และที่สำคัญคือ หยางบอกพ่อแม่ผ่านสื่อเลยว่า ที่ให้พ่อแม่ซื้อให้ เพราะเค้าทั้งสองคนนั่นแหละ อยากให้ตัวเองอยู่ในปักกิ่งมากกว่าใคร งั้นก็ต้องพยายามให้มันหนักๆให้เค้าหน่อยงั้น

ซินยางในวัย 16 ปีบอกว่า สิ่งที่ตัวเองคิดถึงคำว่าประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นคือ "การมีที่อยู่ถาวรที่ปักกิ่ง และมีงานที่ดีทำ"

และพ่อแม่เลือกที่จะเช่าบ้านที่ปักกิ่งให้ซินยาง แต่หลอกเค้าว่านี่ไง ซื้อบ้านให้แล้ว

เด็กวัยรุ่นในวันนั้นก็โซพราวด์ มีความภูมิใจอย่างบ้าคลั่งมาก เริ่มคอมเมนต์เชิงเหยียดหยาม ดูถูกคนจนต่างๆนานามากมาย จนทัวร์ลงไม่หวาดไม่ไหว จนต้องหายไปจากสื่อเลย

บ้างก็บอกว่า นี่คือปัญหาของซินยาง คือเรียนอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้มีระบบระเบียบ การเรียนรู้การใช้ชีวิต ไม่ได้มีการจัดการทางด้านความคิด คำพูดตั้งแต่เล็กๆเลย

หลังจากเรียนจบ ซินยางหางานไม่ได้ และได้งานแรกหลังจากจบมา 8 ปี และลาออกหลังจากทำงานได้แค่ 2 ปีเท่านั้น

จนทุกวันนี้ทำงานเอาแค่เล็กๆน้อยๆในเซี่ยงไฮ้ เรื่องเงินไม่สนเพราะยังขอพ่อแม่

ซินยางบอกว่า เจอกับความจริงแล้วว่า หัวใจสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุข

"คือการนั่งๆนอนๆเฉยๆ"

เค้าบอกว่าพ่อแม่ติดหนี้เค้าอย่างใหญ่หลวง เพราะวันนั้นโกหกเค้าเรื่องอพาทเมนต์ที่บอกว่าซื้อให้ ซินหยางเจ็บแค้นและบอกว่า ถ้าซื้อจริง ทุกวันนี้ราคามันขึ้นไปจะ 10 เท่าแล้วเอาจริง

แน่นอนค่ะ ทุกคนมุ่งเป้าไปที่พ่อแม่ของซินยาง ที่ภาคภูมิใจกับคำว่าลูกฉลาดมาก อัจฉริยะมากแม่ในวันนั้น จนลืมการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กตามวัยทางใจไป ส่งผลทำให้ซินยางกลายเป็นอย่างทุกวันนี้

นี่แหละค่ะ อ่านแล้วตกตะกอนได้ว่า ทำไมเลี้ยงลูกต้องเลี้ยงทั้งทางกาย และใจไปพร้อมๆกัน การเรียนสำคัญก็จริง แต่ใจสำคัญกว่ามาก สอบตกยังสอบซ่อมได้ แต่ใจด้านจิตใจ ถ้ามันตกเหวไป คุณคะ กว่าจะพากลับมาได้ มันใช้เวลายาวนาน หรือมันอาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้ค่ะคุณ

แม้ลูกเราจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็สามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้นะคะคุณ

https://www.scmp.com/news/people-culture/china-personalities/article/3236064/downfall-prodigy-chinas-youngest-graduate-student-and-phd-candidate-16-still-financially-dependent

คะแนนสอบไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิต    การเรียนรู้ที่แท้มีความซับซ้อน    

วิจารณ์ พานิช

๖ ต.ค. ๖๖

 

หมายเลขบันทึก: 716070เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2023 15:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2023 15:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท