๒๒๗. ครอบครัว...ครู


          ผมรอลูกชายคนเล็กอีกคนหนึ่ง ที่เพิ่งจบปริญญาตรี เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ ในสาขาวิชาชีพครู วิชาเอกนาฎศิลป์ (โขน) จังหวะเหมาะเคราะห์ดี ได้มีโอกาสสอบบรรจุเข้ารับราชการครูในปีนี้

          การสอบบรรจุพร้อมกันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ที่ผ่านมา หลักสูตรการสอบมีภาค ก.และ ข. ที่เรียกกันว่าภาคความรู้ความสามารถทั่วไป ระเบียบกฎหมายและวิชาเอก

          ส่วนการสอบสัมภาษณ์ ในวันเสาร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖  ผู้เข้าสอบที่สอบผ่านรอบแรกทั้งหมดจะถูกเรียงลำดับใหม่ ซึ่งการสอบในรอบนี้ จะไม่มีใครสอบไม่ผ่าน เขาจะนำขึ้นบัญชีไว้ทั้งหมด 

          ผมยอมรับเลยว่า หนักใจแทนลูกชาย จากที่ผ่านมามีผลการเรียนไม่ค่อยจะดีนัก ไม่ชอบอ่านหนังสือ สนใจแต่กีฬาและพระเครื่อง เรื่องงานและกิจกรรมของสถาบันฯจะมุ่งมั่นเป็นพิเศษ

          ภาพที่เห็นจนชินตา ตอนที่ลูกชายกลับมาบ้าน หรือวันที่ผมไปเยี่ยมเยือนที่หอพัก ผมไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่าลูกชายจะอ่านหนังสือ สร้างความหนักใจให้แก่ผมมิใช่น้อย

          ชอบนอนดึกเป็นประจำ เพราะดูฟุตบอลที่ถ่ายทอดสดจากทุกมุมโลก โดยเฉพาะทีมโปรดในฟุตบอลอังกฤษ คลั่งไคล้ใหลหลงถึงขนาดรู้จักชื่อนักฟุตบอลทุกคน ค่าตัวเท่าไหร่และเล่นตำแหน่งอะไร

          จนผมรู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าจะนำเงินที่ผมส่งเรียนไปเล่นการพนันฟุตบอล ในแต่ละเดือนผมส่งเงินให้ใช้เยอะมากๆ ต้องการให้เขาเรียนอย่างมีความสุข สนุกกับการเรียนแบบที่ไม่ต้องขัดสนเงินทอง

          ผมบันทึกค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรปริญญาตรี ที่ลูกชายต้องเรียน ๕ ปี พบว่า...มากกว่าผมที่เรียนปริญญาตรีและโทรวมกันเสียอีก ผมจึงรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยในการใช้จ่ายเงินของลูกชายอยู่เสมอ

          แต่ไม่เคยพูดว่ากระไรให้เสียความรู้สึก บอกแต่เพียงว่า พยายามเรียนให้จบเหมือนเพื่อนๆ จะได้เกรดอะไรก็ได้ ไม่ต้องกังวลใจ พ่อรับได้หมด พ่อเองก็เคยเรียนไม่ดีมาก่อนเหมือนกัน

          วันที่เรียนจบและขนย้ายของออกจากหอพัก ผมจึงรู้ว่าเงินที่ผมส่งให้ใช้ ส่วนหนึ่งที่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยนั้น ลูกชายหมดไปกับการเช่าบูชาพระเครื่องและการเดินทางท่องเที่ยวไปตามวัดวาอารามต่างๆ

          ลูกชายขนย้ายกล่องขนาดใหญ่หลายกล่องเข้าบ้าน ข้างในกล่องจัดเรียงพระเครื่องที่เป็นเกจิอาจารย์จากทั่วทุกสารทิศอัดมาจนแน่นกล่อง ผมประเมินด้วยสายตาแล้ว เชื่อว่าน่าจะหมดค่าเช่าบูชาหลายหมื่นบาทอย่างแน่นอน

          เมื่อลูกชายใช้เวลาหมดไปกับกีฬา(ฟุตบอล)และพระเครื่อง...ผมก็เลยต้องพูดตรงๆ ว่า"ลูกเอ๋ย..การสอบบรรจุครูสมัยนี้นั้นยากหนักหนา ต้องมีความรู้แม่นยำและหลากหลาย ต้องแข่งขันกับคนอีกเป็นจำนวนมาก หากลูกไม่พร้อม..ลูกก็จะไม่ได้เป็นครู ตามที่มุ่งหวังไว้..นะ"

          ลูกชายยอมรับว่าไม่พร้อมจริงๆ งุนงงไปหมดไม่รู้จะเริ่มดูหนังสืออย่างไร ผมจึงต้องลงทุนครั้งใหญ่ โดยให้ลูกชายเดินทางไปติวกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ๒ ครั้งในเดือนเมษายน ครั้งละหลายวัน หมดค่าโรงแรม ค่าอาหารและค่าเดินทางไปมิใช่น้อย

          พอกลับมาจากการติว ผมรู้สึกว่าลูกชายจะเปลี่ยนไป มีความมุ่งมั่นขยันขันแข็งในการท่องตำรับตำรา ผมก็เลยให้กำลังใจ แบบกดดันนิดนึง ประมาณว่า..”คนจะเรียนเก่งเรียนอ่อนแค่ไหนไม่สำคัญ จะวัดกันที่การสอบเข้าทำงานนี่แหละ ที่จะพิสูจน์ตัวตนได้ชัดเจนที่สุด”

          สุดท้ายผมก็บอกว่า.".พ่อจะเกษียณแล้วนะ หลังเกษียณพ่อจะมีรายได้ที่ลดลง ดังนั้นต่อไปนี้ลูกต้องพึ่งพาตนเอง จึงถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด..."

          วันนี้ ผลการสอบอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ลูกชายสอบได้ที่ ๑  ผมก็เลยชมว่า เก่งมากที่ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส นำพาความสำเร็จมาสู่ครอบครัวเรา จะได้เป็นครูกันทุกคน รวมทั้งลูกสะใภ้อีก ๒ คนก็เป็นครูด้วยเหมือนกัน จึงถือว่าพวกเราเป็นครอบครัวครูอย่างแท้จริง

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

 

  

     

 

หมายเลขบันทึก: 713382เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2023 21:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2023 18:00 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท