๑,๓๖๕ ถอดบทเรียน ตรรกะผิดๆของฝ่ายอนุรักษ์นิยม จาก FB บรรยง วิทยวีรศักดิ์


ผมคิดว่าประเทศเจริญ ต้องเกิดจากการแข่งขันอย่างการสร้างสรรค์ ให้มีการหาเสียงอย่างเสรี ใครชนะ ผู้แพ้ก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ให้โอกาสเขาทำงาน แล้วผลงานจะเป็นตัวตัดสินว่า เขาทำดีหรือไม่ดี แล้วสมัยหน้าก็เลือกตั้งกันใหม่ อย่าไปมโนเองว่า ถ้าพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาล ฟ้าจะถล่มทลายในวันถัดไป มีแต่การเสี้ยมให้ผู้คนแตกแยกเท่านั้นแหละ ที่ทำให้สังคมวุ่นวาย

ตอนแรก ผมคิดว่าจะหยุดเขียนเรื่องการเมืองแล้ว ไม่อยากเป็นสายล่อฟ้า แต่ผมคิดว่าถ้าไม่เขียน ฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่วัยเดียวกับผม จะประเมินสถานการณ์ผิดพลาด จนหลงไปในโลกจินตนาการ สู้อย่างไรก็ไม่ชนะ แล้วชี้หน้าโทษแต่คนอื่นอยู่ร่ำไป

ผมเป็นคนชอบอ่าน และเนื้อหาที่ส่งกันในโซเชี่ยลมีเดียที่ผมอ่าน มักมาจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนในวัยเดียวกัน คือวัยเกษียณอายุ มีการโจมตีกันไปมา

แต่แทนที่ผมจะคล้อยตามกลุ่มอนุรักษ์นิยม ผมกลับตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับข้อมูลที่ออกมา มันฟังดูไม่น่าเชื่อถือเลย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผมพบว่ามีตรรกะที่ผิดๆอยู่มาก จึงอยากจะอธิบายว่าทำไม มันจึงไม่มีเหตุผลในข่าวสารเหล่านั้น ดังนี้

1. พวกที่เลือกก้าวไกลมีแต่เด็กๆ

การตีโจทย์ผิด ทำให้เราหลงทาง เพราะเท่าที่ถามดู มีคนจำนวนมากที่เลือกพรรคก้าวไกล ทั้งที่พวกเขามีอายุ 40 ปี 50 ปี ไปจนถึง 60 ปีขึ้นไป แต่ละคนเลือกด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ไม่อยากให้ทหารผูกขาดอำนาจ มีการทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลลุงตู่ ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน แต่พวกเขาเลือกพรรคก้าวไกลเป็นความหวังเดียวกัน

2. พวกวัยรุ่นยังไม่มีวุฒิภาวะ

ผมทราบข่าวจากเพื่อนรุ่นเดียวกันว่า ลูกของเขาที่เป็นหมอบ้าง วิศวกรบ้าง หรือเป็นนักกฎหมาย อายุก็ราวๆ 30 ปี ต่างเลือกพรรคก้าวไกลกันทั้งสิ้น ถ้าบุคลากรระดับนี้ เรายังคิดว่าเขายังไม่มีวุฒิภาวะ ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะหาใครที่มีมันสมอง วิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีเท่าพวกเขา อย่างน้อยก็ดีกว่าค่าเฉลี่ยของชาวบ้านทั่วไปอยู่มาก ที่สำคัญ พวกเขาไม่ขายเสียง

3. วัยรุ่นถูกปั่นหัวด้วย IO หรือข้อมูลที่ปรุงแต่ง

เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่รู้วิธีในการตรวจสอบข้อมูลได้ดีกว่าพวกเรา เมื่อเขาสงสัยเขาจะคลิกหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทันที ผมทราบมาว่า มีน้องที่เป็นนักกฏหมาย พอได้ยินเรื่องข่าวว่าจะมีการยกเลิกบำนาญ เขาคลิกเข้าไปฟังเนื้อหาการอภิปรายฉบับเต็ม เพื่อตรวจสอบว่ามีพรรคก้าวไกลเจตนายกเลิกบำนาญจริงหรือไม่ ก็พบว่า ข่าวถูกเสริมแต่งให้เกินความจริง เพื่อโจมตีพรรคก้าวไกล นี่ยังไม่รวมถึงล่าสุดที่มีการกุข่าวแเรื่องพรรคก้าวไกลจะยกเลิกองคมนตรี ริบทรัพย์สินบางส่วนของพระมหากษัตริย์ หรือยุบกำนันผู้ใหญ่บ้าน การให้ข่าวเท็จอยู่บ่อยๆ ทำลายความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าว จนเด็กๆต่างหัวเราะขบขันกับคนที่เชื่อข่าวเหล่านี้

4. พวกที่เลือกก้าวไกลคือพวกล้มเจ้า

ผมไม่เถียงว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่คิดไกลไปถึงเรื่องของการลดฐานะของกษัตริย์ลงมา แต่ก็เป็นคนส่วนน้อย เพราะเท่าที่สอบถามมา คนจำนวนมากเลือกพรรคก้าวไกลเข้ามาแก้ปัญหา แต่ไม่อยากให้ไปแตะ ม.112  ถ้าแตะเมื่อไร พวกเขาพร้อมจะเลิกสนับสนุน สำหรับตัวผมเอง ก็คิดว่าปัญหาของประเทศมีสารพัดปัญหา ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องนี้ รังแต่จะเป็นสายล่อฟ้า ฆ่าตัวตายเปล่าๆ พรรคควรจะประกาศชัดเจนไปเลยว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ขอแก้ปัญหาประเทศก่อน อย่ามัวแต่มีอีโก้ เอาใจพวกฮาร์ดคอร์ ที่ทำให้เสียมวลชนส่วนใหญ่ไปเสียเปล่า

5. คนรุ่นใหม่จะเลิกนับถือพ่อแม่

มีการปล่อยคลิปวัยรุ่นที่ออกมาพูดว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกตัญญูพ่อแม่ เพราะพ่อแม่เลี้ยงเราเนื่องจากเป็นหน้าที่ ไม่ใช่ความรัก ขอให้พวกเราอย่าไปหลงกับภาพที่ปรุงแต่งเหล่านี้ เพราะคนในคลิปไม่ใช่ตัวแทนของคนส่วนใหญ่ เหมือนกับถ้าเอาภาพของคนรุ่นใหม่ที่ติดยาเสพติดมาแสดง ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นใหม่ทุกคนจะเสพยาทุกคน ปัญหาเรื่องการกตัญญูต่อพ่อแม่นั้น อยู่ที่วิธีการเลี้ยงดู ถ้าเราใส่ใจลูก แสดงความรักลูก อบรมลูกดี ลูกก็จะมีความกตัญญู แต่ถ้าเราเลี้ยงเขาแบบทิ้งๆขว้างๆ ให้เขาไปมีสังคมที่เลวร้าย เขาก็จะไปซึมซับแบบอย่างที่ไม่ดี ถ้าใครดูคลิปนี้แล้วเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสอนลูกหลานของเราให้อกตัญญูพ่อแม่ ก็ควรทบทวนวิจารณญาณของตนเองว่า คิดไปไกลถึงขนาดนั้นได้อย่างไร

6. ลุงตู่มีผลงานเยอะ แต่ไม่โฆษณา

ผมไม่เถียงว่ารัฐบาลลุงตู่มีผลงานเยอะ แต่การมองด้านเดียวโดยไม่มองจุดบกพร่องของตัวเอง ทำให้เราหลงทาง จนไม่คิดที่จะแก้ไขจุดอ่อนของตนเอง ที่จริงแล้ว รัฐบาลลุงตู่ก็มีจุดอ่อนมากมาย ข่าวการทุจริตคอรัปชั่น (อาจจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล) จนขนาดคุณคีรี กาญจนพาสน์ เจ้าของรถไฟฟ้า BTS ต้องออกมาพูดว่า ไม่มีครั้งใดที่การคอรัปชั่นสูงถึงขนาดนี้ หรือข่าวที่รัฐบาลลุงตู่อนุมัติงบประมาณสำหรับการผลิตไฟฟ้าทั้งที่ไฟล้นทะลัก ก่อนการยุบสภาหนึ่งวัน ซึ่งทำให้คนเสื่อมศรัทธาลุงตู่ เพราะในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ลุงตู่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ 

การไม่ตรวจสอบจุดอ่อนของตนเอง ก็ไม่ต่างกับร้านอาหารมากมายที่เอาแต่บ่นว่าขายไม่ดี แล้วโทษว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี โดยไม่ได้ดูว่าคุณภาพของร้านตนเองลดลง ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอาหารหรือสภาพร้านที่เก่าทรุดโทรม ลูกค้าจึงหนีไปซื้อกับร้านอื่น หรือไปทานอาหารชนิดอื่น ฉันใดก็ฉันนั้น

7. คนหนุ่มสาวไม่มีประสบการณ์ในการบริหาร

เราอาจจะสงสัยในความสามารถของคนหนุ่ม แต่สำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว เขาได้เห็นแบบอย่างในต่างประเทศที่ นายแอมานุแอล มาครง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสด้วยวัย 39 ปี นางจาซินดา อาร์เดิร์น ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ด้วยอายุ 37 ปี พวกเขาได้รับโอกาสขึ้นมาบริหาร ถ้าทำได้ไม่ดี สมัยหน้าก็เลือกตั้งใหม่ตามวงจรของระบอบประชาธิปไตย แต่ประชาชนมีวุฒิภาวะพอที่จะให้โอกาสคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแสดงฝีมือ อย่าลืมว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ นายลีกวนยู ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศและย้ายประชาชนไปอยู่เกาะสิงคโปร์ตอนอายุ 42 ปี ซึ่งเป็นวัยเดียวกับนายพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

8. พิธากับลุงตู่ กระดูกคนละเบอร์

เราอาจจะมองว่าคุณพิธา ยังไม่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ขณะที่ลุงตู่ทำมาแล้วสองสมัย มีผลงานพอสมควร แต่อย่าลืมว่าก่อนที่ลุงตู่จะเข้ามาก็ไม่เคยมาบริหารประเทศมาเช่นเดียวกัน ผมคิดว่าสิ่งที่ประชาชนใช้เป็นจุดตัดสินใจเลือกครั้งนี้คือ การที่คุณพิธาสามารถให้สัมภาษณ์หรือขึ้นดีเบต พูดจาได้อย่างฉะฉาน มีความรู้ จนเป็นที่ประทับใจของคนฟัง ซึ่งไม่แตกต่างจากเหตุการณ์ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกทีวีดีเบตครั้งแรกเป็นที่ประทับใจของคนดู จนทำให้เกิดอภิสิทธิ์ฟีเวอร์ไปทั้งเมือง และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด พวกเราเชื่อหรือไม่ว่า คนที่เลือกก็ไม่ใช่สาวกของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นพลังเงียบ ที่พร้อมสนับสนุนคนที่เขาคิดว่าดี

9. เลือกก้าวไกล จะเปิดช่องให้ทหารต่างชาติเข้ามา

ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่คนกลัวกันมาก และถูกนำมาสร้างภาพจนเกินจริง ผมคิดว่าจู่ๆทหารต่างชาติจะเข้ามาคงไม่ง่าย และคนไทยเราก็จะไม่ยอม เว้นแต่ฝ่ายอนุรักษนิยมจะไปสร้างเงื่อนไขขึ้นเอง นึกภาพเหมือนกีฬาฟุตบอล ถ้าเกมการแข่งขัน แสดงผลชัดเจนว่าฝ่ายหนึ่งแพ้ ฝ่ายหนึ่งชนะ หากฝ่ายที่แพ้ยอมรับกติกา นัดหน้าก็แข่งกันใหม่ มันก็จบ แต่ถ้าฝ่ายที่แพ้ไม่ยอมรับกติกา มีการผลักอกชกต่อยฝ่ายที่ชนะด้วยความไม่พอใจ แถมกรรมการยังลำเอียงเข้าข้าง ไม่แจกใบแดง ก็จะสร้างความโกรธแค้นให้กับคนดูบนอัฒจันทร์ ทำให้เฮโลลงมาในสนามจนเกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าทุกฝ่ายมีน้ำใจนักกีฬา ปฏิบัติตามกติกาทุกคน เกมการแข่งขันก็จบอย่างสร้างสรรค์

อย่าลืมว่า ถึงแม้พรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ยังมีพรรคอื่นที่ร่วมตัดสินใจในเรื่องต่างๆ อีกทั้งยังมีฝ่ายค้าน ส.ว.คอยกำกับดูแลอยู่ มิใช่จะตัดสินใจอะไรบุ่มบ่ามได้ทันที การสร้างภาพที่น่ากลัวนี้ ไม่ต่างอะไรกับช่วงขวาพิฆาตซ้ายในยุค 6 ตุลาคม ที่กุข่าวว่า นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นคอมมิวนิสต์ มีอุโมงค์ซ่องสุมอาวุธ มีทหารเวียดนามหนุนหลังอยู่ จนนำไปสู่การนองเลือด ที่คนไทยฆ่าฟันกันเอง

10. ก้าวไกลวางแผนทำลายชาติด้วยการยกเลิกเกณฑ์ทหาร

มีฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางคน ออกมากล่าวหาพรรคก้าวไกลว่า ต้องการทำลายชาติ จึงออกนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อให้กองทัพอ่อนแอ ต่างชาติจะได้บุกเข้ามาได้ง่าย ผมคิดว่านี่คือตรรกะวิบัติขนานแท้ คิดกันไปได้ขนาดนั้น ดีที่ไม่บอกว่าคนที่เลือกพรรคก้าวไกลก็ร่วมวางแผนทำลายชาติอย่างตั้งใจด้วยกัน การโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะนี้ ตอนนี้เราอาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ถ้าเวลาผ่านไป 20 ปี แล้วมองย้อนกลับมา เราจะรู้ว่าเป็นเรื่องน่าขัน เหมือนกับเรามองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ที่ปลุกปั่นให้คนไทยฆ่ากันเอง ด้วยใส่ร้ายที่เกินจริง ฟังแล้วน่าสังเวชใจ

ข้อกล่าวหาต่างๆข้างบนนี้ ผมได้ยินได้ฟังได้อ่านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมส่งต่อๆกันมา ผมไม่เชื่อ ผมใช้ตรรกะของผมเองในการตอบคำถามเหล่านี้ แล้วผมคิดว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลงทาง จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง

ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่สาวกของพรรคสีส้ม ผมไม่รู้จักกรรมการหรือผู้ปฏิบัติงานพรรคก้าวไกลแม้แต่คนเดียว ไม่เคยฟังเขาหาเสียง แต่พยายามมองสถานการณ์อย่างเป็นจริง  อ้อ แล้วอย่าไปตีขลุมว่าคนที่เลือกก้าวไกลทั้งหมดเป็นพวกเสรีนิยม ลิเบอรัล ด้วยล่ะ นั่นเท่ากับเป็นการแยกมวลชน ผลักคนส่วนใหญ่ไปเป็นฝ่ายตรงข้าม พวกเขาก็รักเมืองไทยเหมือนเรา เพียงแต่พวกเขาแค่อยากเปลี่ยนประเทศไทยให้ไปในแนวทางที่ดีขึ้น มีความหวังมากขึ้น

ผมคิดว่าประเทศเจริญ ต้องเกิดจากการแข่งขันอย่างการสร้างสรรค์ ให้มีการหาเสียงอย่างเสรี ใครชนะ ผู้แพ้ก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ให้โอกาสเขาทำงาน แล้วผลงานจะเป็นตัวตัดสินว่า เขาทำดีหรือไม่ดี แล้วสมัยหน้าก็เลือกตั้งกันใหม่ 

อย่าไปมโนเองว่า ถ้าพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาล ฟ้าจะถล่มทลายในวันถัดไป มีแต่การเสี้ยมให้ผู้คนแตกแยกเท่านั้นแหละ ที่ทำให้สังคมวุ่นวาย

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๔  พฤษภาคม  ๒๕๖๖

ภาพประกอบ บรรยากาศในโรงเรียนบ้านหนองผือ โรงเรียนขนาดเล็กที่ได้รับพระบารมีและน้ำพระทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ พระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้..ทำให้ผมและครอบครัวจักจงรักภักดีสถาบันอันยิ่งใหญ่นี้ตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ผมไม่ใช่สาวก..พรรคก้าวไกล ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะคลั่งไคล้ไหลหลง แต่ที่ต้องติดตามและศึกษา เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และนี่คือผลพวงจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริงและบริสุทธิ์ยุติธรรมแล้ว เราต้องใจกว้าง ต้องอดทนและรอคอย ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ทำงาน ๔ ปีนี้ จะเป็นบทพิสูจน์..ไม่นานหรอกเราก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด…ยังมีเวลาได้ตัดสินใจและสรุปบทเรียนว่าแท้หรือเทียม

หมายเลขบันทึก: 712917เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2023 19:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2023 19:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง (ที่คนทั่วไปดูเป็นเรื่องไม่น่าพูดถึง ไม่ต่างกับการพูดเรื่องอัปมงคลต่างๆ ) และสนับสนุนการแสดงตัวตนอย่างเปิดเผย พร้อมข้อมูล และที่สำคัญต้องไม่ใช้อารมณ์ แต่ผมก็ไม่อยากให้คนที่คิดต่างอยู่เฉยเสียทีเดียว ขอให้แสดงความจริงใจในการมีข้อมูลที่มีเหตุผลมาโต้แย้ง และไม่ใช่เป็นการฟังเขามาเล่าต่อ ยิ่งในกรณีเรื่อง”ช้างป่วย” (ขออภัยที่ต้องอ้าง เพื่อท้าพิสูจน์น่ะครับ) ขอให้ไปฟังคลิปที่บันทึกการอภิปรายทั้งหมด ก่อนตัดสินใจว่า เราเป็นช้างป่วยอย่างที่เขากล่าวหาหรือพาดพิงหรือไม่ ฯลฯ เพราะผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้จัก “กาลามสูตร” เหมือนผม และเราจะต้องไม่ทะเลาะกัน เหมือนอย่างที่เขาห้ามกันมาว่า อย่าพูดเรื่องการเมืองจะวงแตก…วิโรจน์ ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท