วันวิสาขบูชา เป็นหนึ่งในวันที่สำคัญที่สุดในปฏิทินทางพุทธศาสนา คือวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันหยุดราชการในประเทศไทย
วันวิสาขบูชาและได้รับการยกย่องจากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็น "วันมรดกโลก" การยอมรับวันวิสาขบูชาโดยองค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2542 ด้วยความพยายามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาในขณะนั้น นายลักษมัน กาดีร์กามาร์ องค์การสหประชาชาติจึงมีมติให้นานาชาติถือเอาวันวิสาขบูชา โดยเน้นย้ำถึงความเกี่ยวข้องที่ยั่งยืนของวันวิสาขบูชา คำสอนของพระพุทธเจ้าในการแสวงหาสันติภาพในศตวรรษที่ 21
วันวิสาขบูชา 2566 ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
พระพุทธเจ้า ทรงพระนามเดิมว่า สิทธัตถะ หมายถึง ผู้ที่สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว เป็นโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะกษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ และพระนางสิริมหามายา พระราชธิดาของกษัตรย์ราชสกุลโกลิยวงค์แห่งกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ
พระพุทธเจ้าประสูติที่ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินี ประเทศเนปาล พระพุทธเจ้าประสูติแล้วทรงเดินได้ 7 ก้าว และมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน พระมารดาก็เสด็จสวรรคาลัย
หลังจากประสูติแล้ว พราหมณ์ก็ได้ทำนายว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่หรือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะปลดปล่อยสรรพสัตว์จากการเกิดและการตาย พระราชบิดาของสิทธัตถะทรงปกป้องพระองค์จากความทุกข์ทรมานทางโลกและตามใจพระองค์ด้วยความหรูหราด้วยความกระตือรือร้นที่จะให้พระราชโอรสขึ้นเป็นกษัตริย์
เมื่อพระชนมายุ 16 ปี ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพาหรือยโสธรา พระธิดาของเจ้ากรุงเทวทหะ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะอายุ 29 พรรษา พระนางพิมพาได้ประสูติพระราชโอรส มีพระนามว่า “ราหุล” หมายถึง “บ่วง”
แม้พระราชบิดาจะพยายามปกป้องพระองค์จากความจริงอันโหดร้ายในชีวิต แต่สิทธัตถะก็ได้พบกับ ชายชรา คนป่วย คนตาย และนักบวช การมองเห็นเหล่านี้ปลุกพระองค์ให้ตื่นรู้ถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความเป็นไปแห่งหนทางพ้นทุกข์เหล่านี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังผนวชแล้ว พระองค์มุ่งไปที่แม่น้ำคยา แคว้นมคธ แสวงหาทางพ้นทุกข์ โดยการศึกษาค้นคว้าทดลอง ที่สำนักอาฬารดาบส กาลามโครตร และอุทกดาบส รามบุตร เรียนจบ 2 สำนัก ทรงเห็นว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
เสด็จต่อไปที่แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยการขบฟันกลั้นหายใจ และอดอาหารจนร่างกายซูบผอมโดยทดลอง 6 ปี ทรงเห็นว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางใหม่คือ 'ทางสายกลาง' ซึ่งเป็นเส้นทางแห่งความพอประมาณที่ห่างไกลจากการตามใจตนเองสุดโต่งและการทรมานตนเอง
สิทธัตถะทรงบำเพ็ญสมาธิใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ณ อุรุเวลาเสนานิคม เมืองพาราณสี หลังจากทำสมาธิอย่างลึกซึ้งเป็นเวลา 49 วัน เมื่ออายุได้ 35 ปี พระองค์ทรงบรรลุ 'ตรัสรู้' และได้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงรู้แจ้งอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ (ทุกข์) เหตุแห่งทุกข์ (สมุทัย) ความดับทุกข์ (นิโรธ) และทางพ้นทุกข์ (มรรค)
พระพุทธเจ้าก็ได้เสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ท้ัง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยา มหานามะ และอัสสซิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งเป็นการแสดงธรรมคร้ังแรก ที่พระองค์แสดงธรรม เรียกว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”
หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงใช้ชีวิตที่เหลือของพระองค์เพื่อสั่งสอนธรรม ซึ่งเป็นกฎสากลที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ทรงสอนเรื่องอริยสัจ 4 และอริยมรรคมีองค์ 8 คือ ความเข้าใจถูกต้อง ความคิดชอบ การพูดถูกต้อง การกระทำถูกต้อง การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามถูกต้อง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ การปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์และการบรรลุความรู้แจ้งแห่งตน
พระพุทธเจ้าปรินิพพานเมื่ออายุได้ 80 ปี ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย ใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ คำพูดสุดท้ายที่พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกคือ “สิ่งปรุงแต่งทั้งหลายล้วนเสื่อมสลาย จงพยายามเพื่อความหลุดพ้นด้วยความพากเพียร”
1. เมตตา
คุณธรรมที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่เน้นย้ำในช่วงวิสาขบูชาคือความเมตตา ความเมตตา คือความปรารถนาที่จะบรรเทาความทุกข์ของผู้อื่น มักจะแสดงออกผ่านการแสดงความเอื้ออาทรและความปรารถนาดี เช่น การให้ทานแก่คนยากไร้ การแสดงความเมตตาต่อสัตว์ และการแสดงความรักต่อทุกคน
2. ปัญญา
วันวิสาขบูชายังเป็นวันเฉลิมฉลองการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตรัสรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของการดำรงอยู่ ชาวพุทธใช้วันนี้เพื่อทำความเข้าใจคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ปัญญาในพระพุทธศาสนา คือ การเข้าใจความจริงของความไม่เที่ยง ทุกข์ และอนัตตา
3. ความอดทน
ชาวพุทธถือว่าวิสาขบูชาเป็นช่วงเวลาแห่งการฝึกความอดทน คุณธรรมนี้ไม่ใช่แค่การอดทนต่อความยากลำบากหรือความรำคาญ แต่เป็นการรักษาความสงบภายใน การหมั่นอดทนในการทำการเจริญสติ
4. ความเอื้ออาทร
ทาน หรือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นอีกหนึ่งคุณธรรมที่สำคัญในวันวิสาขบูชา ชาวพุทธหลายคนให้ความสำคัญกับการให้ทานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทานแก่พระสงฆ์ การบริจาคเพื่อการกุศล การให้ทานเป็นหนทางหนึ่งในการลดความยึดติดกับทรัพย์สินทางวัตถุและปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งความไม่เห็นแก่ตัว
5. ศีล
วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนจะยืนยันความยึดมั่นในศีลธรรมอันดีงามตามหลักศีล 5 คือการละเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การโกหก และของมึนเมา ศีลเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตที่ลดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
6. สติและสมาธิ
การเจริญสติและการทำสมาธิเป็นหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนา และเน้นเป็นพิเศษในวันวิสาขบูชา โดยการทำสมาธิ ชาวพุทธมุ่งปลูกฝังจิตใจที่ปลอดโปร่งและสงบ ซึ่งสามารถเข้าใจธรรมชาติของความเป็นจริงได้ดีขึ้น และลดความทุกข์
วันวิสาขบูชาในประเทศไทยมักจะเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ โดยชาวพุทธจะไปวัดเพื่อถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์และฟังธรรมเทศนา
การแสดงสัญลักษณ์ของการตักบาตรไม่ใช่แค่การให้สิ่งของทางวัตถุเท่านั้น แต่เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ทางจิตใจ การทำบุญ และการยอมรับบทบาทของพระสงฆ์ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลังจากบิณฑบาตตอนเช้าแล้ว พุทธศาสนิกชนจำนวนมากจะใช้เวลาทั้งวันในการเข้าวัด นั่งสมาธิ และทำบุญ
ตามประเพณี ชาวพุทธไทยมีส่วนร่วมในการปฏิบัติทำบุญ ได้แก่การบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ในห้องน้ำ ยารักษาโรค แก่พระสงฆ์ ในบางวัดอาจมีการปลดปล่อยสัตว์ที่ถูกกักขัง เช่น นกหรือเต่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยตามคำสอนของศาสนาพุทธ
ในช่วงเย็นจะมีพิธีกรรมพิเศษที่เรียกว่า "เวียนเทียน" พุทธศาสนิกชนต่างถือพานดอกไม้ธูปเทียน เดินเวียนประทักษิณรอบพระอุโบสถ 3 รอบ เป็นการแสดงความเคารพบูชาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์สาวก
ไม่มีความเห็น