เลือกตั้งชนะขาด แต่การตั้งรัฐบาลมีปัญหา? (Election is a supper win, but government formulation is the problem?)


ผมตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมืองตามนิยามการเมืองของผมที่ว่า การเมืองเป็นกระบวนการตัดสินใจสาธารณะ (อ่าน GotoKnow 22/04/2566) ซึ่งการตัดสินใจเหล่านั้นจะส่งผมต่อทุกคนในประเทศครับ โดยเฉพาะการตัดสินใจทางการเมืองของผู้เกี่ยวข้องครั้งนี้จะส่งผลสำคัญต่อประเทศไทยทุกด้าน และกับคนไทยทุกคนตลอดไปครับ  ผมจึงต้องเขียนเรื่องนี้วันนี้ครับ 

จริงๆ แล้วผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านถือว่าพรรคการเมืองในฝ่ายค้านเดิมน้ันชนะขาด 310 กว่าเสียงต่อ 290 เสียงโดยประมาณ และอย่างไม่เป็นทางการครับ ซึ่งถ้าเป็นกติกาสากลทั่วไป และที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่ผ่านมา ก็จะไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลครับ แต่ด้วยบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญของไทยฉบับปี พ.ศ.​2560 มาตรา 269 ได้กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. มีอำนาจในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นโจทย์ทางการเมืองในการตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จึงเปลี่ยนไป คือฝ่ายผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ตั้ง สว. 250 คนนั้นต้องการคะแนนเสียงอีกเพียง 126 คน ก็ชนะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ตอนนี้มี 290 เสียง จึงเป็นแต้มต่อ (ที่น่ารังเกียจ) ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครับ

ขณะเดียวกัน สว. จำนวนหนึ่งก็เริ่มออกมาส่งเสียงแล้วว่าจะไม่โหวตตามเสียงของประชาชน และก่อนเลือกตั้งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายคือ ศ. ดร. วิษณุ เครืองาม ก็ส่งสัญญาณไว้ล่วงหน้าแล้วว่าการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรมีความเป็นไปได้ และเดียวก็จะโตขึ้นเอง สถานการณ์และสัญญาณเหล่านี้นำไปสู่ประเด็นชวนคิดที่ทุกฝ่ายควรพิจารณาเพื่อผ่าวิกฤติการเมืองของประเทศในครั้งนี้ครับ 

ประเด็นคือ การที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะที่พรรคได้คะแนนสนับสนุนจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ออกมาประกาศชัดเจนว่าจะจัดตั้งรัฐบาลโดยอาศัยคะแนนเสียงจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิมรวมกัน ซึ่งตอนนี้มี 310 เสียงนั้นนำมาซึ่งการถกเถียงและเสนอแนะกันอย่างกว้างขวาง

สำหรับผมเองนั้นเห็นด้วยและสนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของหัวหน้าพรรคก้าวไกลอย่างยิ่ง และเป็นความกล้าหาญทางจริยธรรมของคนที่เป็นหัวหน้าพรรค และที่จะเป็นนายกของประเทศไทยคนต่อไปครับ เพราะที่ประชนชนเทคะแนนให้ฝั่งฝ่ายค้านเดิมนั้น น่าจะหมายความว่าประชาชนต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง และมีรัฐบาลในฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลเดิม แม้ว่านักวิชาการและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง (รวมทั้ง สว.) จะเสนอว่าควรดึงพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งก็จะทำให้ได้เสียงข้างมาก เพียงพอจะปิดสวิทย์ สว.ได้แล้ว แต่ผมก็ยังยืนกรานว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำอย่างยิ่ง (ดังที่เขียนไว้ใน​ GotoKnow เมื่อวาน) เพราะจะเป็นการทรยศต่อเสียงประชาชนอย่างไม่น่าให้อภัยครับ 

ถ้ามีคำถามว่า ถ้าประชาชนต้องการให้ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลจริงๆ ทำไมไม่เลือกฝ่ายค้านเดิมเกิน 376 เสียง ซึ่งก็จะเป็นการปิดสวิทย์ สว. ไปในตัวโดยไม่ต้องอาศัยเสียงจากพรรคฝ่ายรัฐบาลเลย 

เดียวครับ ประเด็นนี้ต้องคิดกันให้ละเอียดและรอบครอบนะครับ กล่าวคือ แม้ว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น และพยายามเป็นที่สุดแล้ว แต่การลงคะแนนเลือกตั้งเป็นสิทธิ์เฉพาะคน ไม่สามารถปรึกษาหารือและตกลงกันเป็นคณะได้ จึงไม่รู้ว่าใครจะเลือกใคร ผลสุดท้ายก็ออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งถ้าพิจารณาด้วยเหตุและผล และกติกาสากลแล้ว คะแนน 310 เสียงจาก 500 เสียงก็น่าจะเพียงพอที่จะอนุมาณได้ว่าเป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่นะครับ ตอนนี้ก็อยู่ที่ท่าน สว. ละครับว่าจะเอาอย่างไร และที่สำคัญกว่านั้นคือ ท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเอาอย่างไรครับ งานนี้  เพราะถ้า สว. 250 จะยืนกรานที่โหวตแบบที่ สว. บางท่านออกมาพูดนั้น การตั้งรัฐบาลครั้งนี้ก็จะเป็นไปไม่ได้ครับ ส่วนเหตุผลการโหวตของท่านจะสวยหรูอย่างไรก็พูดได้ แต่ผมเชื่อว่าในใจของท่านรู้ดีว่าคืออะไร 

จุดเปลี่ยนในเรื่องนี้ที่สำคัญคือการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาครับ ถ้าท่านประกาศว่าจะวางมือทางการเมือง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าท่านไม่ทำอะไร ท่านก็จะรักษาการไปแบบนี้ตามรัฐธรรมนูญครับ อีกทางหนึ่ง ถ้าท่านประกาศสู้และตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วรอสมาชิกสภาผู้แทน (สส.) อีกฝ่ายจะย้ายฝั่ง ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดก็ตามนั้น ก็ตามใจท่านครับ แต่ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในการทำเช่นนั้น ท่านและคณะอย่างมาโทษว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะพรรคฝ่ายค้านที่ไม่เอาพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลเอง  และเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด ซึ่งการกล่าวหากันแบบนี้ก็ทำได้ แต่ปฐมเหตุจริงๆ นั้นมาจากมาตรา 269 ครับ ส่วนจะโทษใครเรื่องนี้ก็ศีกษาดูไม่ยากครับ  ดังนั้นจีงไม่ควรโยนบาปให้พรรคฝ่ายค้านเดิมที่กำลังตั้งรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน 

 ผมยืนยันอีกครั้งว่าผมสนับสนุนจุดยืนของพรรคฝ่ายค้านที่จะตั้งรัฐบาล 310 เสียงครับ แม้จะมีอุปสรรคจนไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ในขณะนี้ ก็ขอให้อดทนสู้เพียง  1  ปีครับ รอจนกระท้่ง สว. ชุดนี้จะหมดวาระตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญครับ แล้วค่อยว่ากันอีกที ประเด็นสำคัญคือ สส.ฝ่ายค้านในปัจจุบันทั้ง 310 เสียงนี้อย่าหิวกล้วยแล้วแตกแถวครับ เท่านี้เองท่านก็จะเป็นต่อ  และตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด  เพราะงานนี้เป็นการวัดความอึดของแต่ละฝ่าย ว่าใครจะอดทนมากกว่ากัน เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ ครับ 

และถ้าจะบอกว่าผมเสนอให้เล่นเกมการเมืองแบบนี้ทำไม เพราะคนที่รับเคราะห์คือประชาชนและประเทศชาติ  แต่ผมอยากให้คิดกันอีกทีว่า เกมนี้ใครเขียนกติกาครับ ถ้าไม่มี สว. 250 คน มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี แล้วจะเกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยูหรือไม่ครับ 

ผมบอกได้อย่างเดียวว่างานนี้ ถ้าฝ่ายค้านที่กำลังตั้งรัฐบาลอยู่ในตอนนี้เปลี่ยนใจเอาพรรคภูมิใจไทยมาร่วมตั้ืงรัฐบาลนะครับ ​‘เกมโอเวอร์’ ผมไม่ได้บอกว่าพรรคภูมิใจไทยจะสร้างปัญหา หรือผมเองมีปัญหากับพรรคภูมิใจไทยนะครับ เพียงแต่คราวที่แล้วท่านเลือกและอยู่ข้างรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เท่านั้น ดังนั้นการที่พรรคฝ่ายที่ประชาชนส่วนใหญ่ไว้วางใจให้เป็นรัฐบาล แล้วยังเชิญท่านเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว ทุกอย่างก็จบเห่ครับ 

เมื่อเป็นเช่นนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมก็ต้องทำแบบนี้ แม้ว่าอาจจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ นอกจาก สส. ที่แม้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ฝ่ายที่กำลังตั้งรัฐบาลอยู่ แต่เห็นแก่บ้านเมือง และอยากช่วยประเทศแก้ปัญหา ก็เสียสละร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดีครับ แต่ถ้าสิ่งมหัศจรรย์นี้ไม่เกิด พรรคฝ่ายค้านที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบันและประชาชนที่สนับสนุนก็ต้องอดทนไปอีกเพียง 1 ปี ครับ หมดวาระ สว.250 คนนี้แล้ว ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงคร้้งใหญ่ และจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้ตลอดไปแน่นอนครับ 

ไหนๆ เราก็ทนลำบากกันมาได้แปดเก้าปี ถ้าจะทนต่อไปอีกสัก 1 ปี คงพอทนได้นะครับ ให้กำลังใจทุกคนครับ 

สมาน อ้ศวภูมิ

16 พ.ค. 2566

หมายเลขบันทึก: 712788เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2023 11:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2023 14:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท