"กุยบุรีที่รัก 2 "........" ด้วยมิตรภาพนำพา ข้ามขอบฟ้ามาพบกัน" ตอนที่ 4


      หลังจากน้องไต๋พาพวกเราอำลาจากเกาะง่ามใหญ่ แล้วมุ่งสู่สะพานปลาเก่า และทิ้งหมู่เกาะชุมพรทั้งสามที่พวกเราไปทักทายมาไว้เบื้องหลัง  พวกเราขึ้นจากเรือแล้วกล่าวอำลาน้องไต๋ จากนั้น น้องอร น้องเอิร์ล หลานโชกุน หลานแก้มใส ก็ขึ้นรถของน้องอร ส่วนน้องเล็ก และน้องฮานอย ก็ขับมอเตอร์ไซค์ล่วงหน้าไปก่อน  ตามด้วยรถของน้องอร และของคุณมะเดื่อ น้องอรบอกคุณมะเดื่อก่อนที่จะขึ้นรถกลับแล้วว่า  จะพาไปพักคลายเหนื่อยที่รีสอร์ทของพี่สาวก่อน เพื่อให้บรรดาผู้ที่สวมเสื้อผ้าเปียกทั้งหลาย ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะเดินทางไปชมป่าชายเลน และกลับมาที่รีสอร์ทเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ก่อนที่คุณมะเดื่อจะเดินทางต่อไป

 

             

     รีสอร์ทที่ “ พี่ตู๋” (ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ) ญาติผู้พี่ของน้องอรเป็นเจ้าของ เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ จำนวน 5 หลังที่ปลูกอยู่ริมทะเล 

      จำได้ว่ารีสอร์ทของพี่ตู๋ ชื่อ “ Coconut Caza” มีบรรยากาศที่สบาย ๆ เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัว

 

                        

      

          ในขณะที่คุณมะเดื่อกับคณะ พักรอคณะของน้องอรที่รีสอร์ทของพี่ตู๋ ก็ได้มีโอกาสสนทนากับพี่ตู๋ด้วย พี่ตู๋เป็นผู้มีอัธยาศัยดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง เหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารของรีสอร์ทที่ต้องให้การต้อนรับและบริการผู้ที่มาพัก  น้องแทนนักสำรวจ ขอออกไปเดินดูที่ชายหาดเพราะมองเห็นมีลานหินที่มีหอยนางรมเกาะอยู่เต็มไปหมด เดินดูโน่นดูนี่ตามความสนใจ

                 

                  

 

      สักพักหนึ่ง น้องอรกับคณะ (แต่คุณน้องเอิร์ลไม่ได้ไปด้วย ขอตัวพักเนื่อยที่บ้านก่อน) ก็มาทำหน้าที่ “ไกด์กิตติมศักดิ์” นำพาคุณมะเดื่อและคณะมุ่งหน้าสู่ “ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร” ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับหาดทรายรี  และเป็นสถานที่ที่จะไปเดินสะพานชมป่าชายเลน

      ไม่นานนัก ก็มาถึงบริเวณที่ทำการของอุทยาน ฯ เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว น้องอรจึงไปแจ้งความประสงค์ในการขอเข้าชมสถานที่ โดยยื่นบัตรเข้าชมปะการังที่เกาะทั้งสามเมื่อตอนเช้า ซึ่งใช้ในการเข้าชมทุกสถานที่ในบริเวณอุทยานได้ จากนั้นน้องอรก็นำหน้าพาพวกเราตรงไปยังทางขึ้นสะพานเดินชมป่าชายเลย แต่แวะชมห้องนิทรรศการที่ทางอุทยานจัดไว้ตรงบริเวณเชิงสะพานก่อน เพื่อศึกษข้อมูลทั่ว ๆ ไปก่อน โดยมีน้องเจ้าหน้าที่ของอุทยานให้ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่พวกเราซักถาม

 

                  

       คุณมะเดื่อ ได้ทราบข้อมูลของอุทยาน ฯ โดยเฉพาะป่าชายเลนที่มีแต่ต้นโกงกาง  แสม และอื่น ๆ ยืนต้นสูงใหญ่มาก ๆ ดูร่มรื่นมาก

            “ ป่าชายเลนที่นี่เป็นป่าปลูก 100 เปอร์เซ็นต์ครับ นับแต่ปลูกจนถึงปีนี้ 35 ปีแล้ว”  นี่เป็นข้อมูลที่ได้รับจากน้องเจ้าหน้าที่

           “  อุทยานเขาสามร้อยยอดก็มีป่าชายเลนนะ ก็เป็นทั้งป่าธรรมชาติและป่าปลูก แต่ทำไมต้นไม้ไม่โตเท่านี้เลย”  คุณมะเดื่อสงสัย

            “ ที่นั่นก็มารับต้นกล้าไม้ที่นี่นะครับ  แต่ ดินที่นั่นยังไม่ดีเหมือนที่นี่ สังเกตได้จาก ยังมีผักชะครามขึ้นอยู่ สภาพดินจึงยังไม่สมบูรณ์ครับ” 

           “ เหรอจ๊ะ ”   เป็นความรู้ใหม่จริง ๆ สำหรับเรื่องที่ได้ฟังจากน้องเจ้าหน้าที่ เพราะสังเกตเห็นจริงตามนั้น

         

                   

            

 

      พวกเราเดินไปตามสะพานไม้เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่ทอดยาว ลดเลี้ยวไปตามป่าชายเลนที่ร่มรื่น และมีช่วงที่เป็นสะพานไม้แขวนทอดข้ามคลอง (น้องเล็กบอกชื่อคลองเหมือนกัน แต่คุณมะเดื่อลืมไปแล้ว) อันเป็นจุดถ่ายภาพและชมวิวเบื้องล่างที่สวยงาม  มีเรือของชาวบ้านแล่นเข้า-ออก อยู่บ้าง ช่วยเพิ่มสีสันให้กับลำคลองให้น่าดูยิ่งขึ้น  

        ดูเหมือนว่า พวกเราแทบจะไม่ได้คำนึงถึงเวลาที่บ่ายคล้อยลงไปทุกขณะเลย  เพราะแทบทุกย่างก้าว จะมีการบันทึกภาพกันไปตลอด  ดูได้จากแรก ๆ พวกเราก็เดินไปเป็นกลุ่ม  แต่เดินไปเดินมา ก็กลายเป็นเดินเป็นคู่ และเดินเดี่ยว กันไปเลย

 

     ตลอดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เราพบลิงแสมที่ลงจากต้นไม้มาหาอาหารอยู่ตามโคนต้นไม้ เนื่องจากเป็นเวลาน้ำลง  นอกจากนี้ก็ยังมี “ปลาตีน”  หรือบางที่อาจเรียกว่า “ปลาโฉม”  ขึ้นมานอนอาบแดดอยู่บนพื้นโคลน นอกจากนี้ก็จะมีนกแปลก ๆ ให้ได้เห็น (แต่ถ่ายภาพไม่ทัน)  และอีกสิ่งหนึ่งที่จะได้ยินตลอดเวลาที่พวกเราเดินไปตามสะพานไม้ ก็คือเสียง “โป๊ะ..! โป๊ะ !” ซึ่งเมื่อคุณมะเดื่อถามเจ้าหน้าที่ของอุทยาน ฯ ก็ได้คำตอบว่า

      “ เสียงกุ้งดีดขันครับ ตัวของมันจะขนาดเท่านิ้วก้อยเท่านั้น”

       “ เหรอ !  แล้วทำไมเสียงของมันจึงดังก้องป่าอย่างนั้น” 

       “ครับ เสียงของมันดัง เพราะในป่ามันเงียบด้วยครับ”  น้องเจ้าหน้าที่อธิบาย   แล้ว น้องแทนก็เสริมความรู้เรื่องเจ้ากุ้งดีดขันนี้ ซึ่ง น้องเจ้าหน้าที่พยักหน้าว่าเป็นความจริงด้วยว่า  

        “มันเป็นกุ้งตัวผู้นะ  ส่วนใหญ่มันจะแสดงอำนาจเป็นหัวหน้า มันทำเสียงขู่  แล้วก็เรียกตัวเมีย  มันมีก้ามใหญ่แต่ก้ามของมันจะโพรง”…

 

     

 

         พวกเราเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่นี่จนเวลาใกล้บ่ายสามโมงแล้ว จึงออกจากป่าชายเลน เพื่อกลับไปรับประทานมื้อเย็นที่รีสอร์ทของพี่ตู๋ตามคำเชิญของน้องอร และหลังจากนั้น คุณมะเดื่อและคณะก็จะต้องเดินทางต่อไปยัง พะโต๊ะต่อไป

                                         

 

                          (โปรดติดตาม ตอนที่ 5 ต่อไป)

หมายเลขบันทึก: 712460เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2023 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2023 10:26 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท