ตายเมื่อพร้อม จิตสั่งได้ แม้ไม่เคยปฎิบัติธรรม ภาค 2 จบ


จากภาคแรกเปิ้ลออกจากไอซียูกลับมาแข็งแรง เดินได้ กินอาหารทุกอย่างได้ปกติ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ช่วงเวลานี้ผมให้เธออยู่บ้าน และทำกิจกรรมต่างๆ ตามที่อยากทำ  วันที่คุยกันวันนั้น (จากภาค1) ก็ได้ปลดกังวลเปิ้ลเรื่องงาน เรื่องรายได้ของเปิ้ล โดยเจเสนอให้เธอไม่ต้องทำงานแต่รับเงินเดือนต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่ง  ปกติเธอเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ ชีวิตคืองานอะไรแบบนั้น แต่คราวนี้เธอโอเค และเธอเองก็คงมีอะไรหลายๆ อย่างที่อยากทำ 

ขอขยายความเรื่องที่เธอเป็นครูภาคปฎิบัติให้ผม เพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพสักเล็กน้อย  ในช่วงที่เปิ้ลป่วยหนัก และเราคุยกันผ่านไลน์ มีช่วงหนึ่งผมถามเธอว่า มันทรมานมากไหม? เธอบอกว่า ทรมานสิ บางครั้งเหมือนจะตายให้ได้เลย แต่ถ้าปวดมากก็จะขอมอฟีนจากหมอ แต่เธอบอกว่าเธอโชคดีมากๆ ที่มันไม่เล่นงานสมองของเธอ เธอยังมีสติ รับรู้ทุกอย่าง แล้วพอผมถามว่า คิดอะไรอยู่เหรอตอนที่ฟื้นและมีสติ (เธอจะหลับยาวและฟื้นเป็นช่วงๆ)  เธอบอกว่า คิดแค่ว่าวันนี้ยังหายใจอยู่ ยังไม่ตาย  ยังตายไม่ได้ ผมถามไปอย่างคนสนิทกันว่า แล้วทำใจได้ยังไง เห็นสภาพตัวเองแบบนี้  เธอบอกว่าความคิดเธอสลับไปมาตลอด ช่วงที่ปวดมากหรือเบลอมากๆ เธอก็จะรู้สึกทรมาน แต่ไม่เคยคิดจะอยากตายๆ ให้พ้นจากการทรมาน คำที่เธอพูดคือ ปลง ไม่ได้อยากตาย แต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะหายได้ยังไง เหมือนยอมรับอย่างโดยดีไปวันต่อวัน  บทสนทนากับเปิ้ลทำให้ผมคิดถึงตัวเอง คิดว่าถ้าเราอยู่ในสภาพที่ต้องทนทุกข์ด้วยโรคภัยร้ายแรงเล่นงานขนาดนั้น จิตใจเราจะเข้มแข็งพอที่จะ “ปลง” ได้จริงๆไหม?

ในเรื่องความเข้มแข็งของเปิ้ล จะขอขยายตอนที่เธอออกมาพักฟื้นที่บ้านใหม่ๆ แม้ตอนนั้นเธอยังเดินไม่ได้ เธอก็ยังพยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองทุกเรื่อง ใช้มือใช้แขนพาตัวเองไปห้องน้ำ พยายามกายภาพเท้าทั้งสอง จนเริ่มยืนได้ จนเริ่มเดินได้  มีมุขตลกเล็กๆที่เธอเล่าให้ฟังว่า วันนึงเธอเพิ่งเริ่มเดินได้ เธอแต่งตัวสวยขับรถไป 7-eleven เธอค่อยเดินลงรถและจะก้าวขึ้นบันใดเล็กๆ 2 ขั้นหน้าเซเว่น แต่เธอไม่มีแรงที่จะยกตัวขึ้น เธอบอกว่าเธอก็คลานขึ้นไปและพยุงตัวลุกขึ้นจนได้ มีคนมาช่วยเธอด้วย เปิ้ลบอกว่าอายมากเลย เล่าไปก็หัวเราะไปด้วย  ผมฟังแล้วผมยอมใจเธอจริงๆ เรื่องความเข้มแข็งของเธอ

คนเราพบกันก็เพื่อจาก  ไม่จากเป็นก็จากตาย  เป็นเช่นนั้นจริงๆ  หลังจากที่เธอเดินและกินได้ปกติ ราว 3 เดือน เธอก็เข้าสู่ภาวะเบื่ออาหาร  และไม่อยากพูดอยากคุยกับใคร  บางครั้งข้อความที่ผมส่งไป เกือบ 1 สัปดาห์เธอจึงตอบ เธอบอกว่าขอโทษนะพี่ เปิ้ลไม่อยากคุยกับใครเลย ไม่ได้โกรธอะไรพี่นะ (ผมถามว่าทำไมหายไปเลยมีอะไรที่ผมทำผิดไปไหม) เปิ้ลรู้สึกดีกับพี่มากๆ แต่เปิ้ลไม่อยากคุยกับใครเลยจริงๆ   นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เราได้คุยกัน  เธอไม่กิน ไม่พูด และไม่ไปไหน อยู่แต่ในบ้าน

ครั้งนี้เธอคงพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปยังโลกหน้า ไปอย่างเข้มแข็ง ทรนง ยากนักที่จะหาใครที่มีหัวใจแบบเธอ

ก่อนที่เธอจะจากไป 1 วัน เธอส่งข้อความไปบอกช่างทำผมประจำตัวว่า “ถ้าเธอตายช่วยแต่งหน้าศพให้สวยๆนะ” นั่นเป็นข้อความสุดท้ายจริงๆ ที่ส่งออกจากเธอ 

วันสุดท้ายในกายมนุษย์ของเธอ (ฟังจากคำบอกเล่าของคนในครอบครัว) เธอผอมมาก และมีอาการหายใจลำบาก วันนั้นทางบ้านให้รถพยาบาลมารับ เธอขอมอฟีน  ปฎิเสธการรักษาใดๆ  และจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

ครั้งนี้เธอจากไปจริงๆแล้ว และผมได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากเธอ ผมคิดว่าเธอปฎิบัติต่อโรคร้าย และความตายที่เข้ามาได้อย่างกล้าหาญที่สุด ….. และรู้สึกเหมือนเธอบอกว่า  เปิ้ลไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ก็ตามมา ตอนจะตายพี่ทำอย่างเปิ้ลให้ได้นะ  รู้สึกแบบนั้นเลยจริงๆ  ขอกราบหัวใจเปิ้ล  และอุทิศบุญทุกบุญที่ผมได้ทำมาดีแล้วให้เธอได้อนุโมทนา ขอให้บุญพาเธอไปสู่ภพภูมิที่ดี … ลาก่อนนะเปิ้ล

ด้วยความรัก ความนับถือในหัวใจที่แข็งแกร่ง ขอบคุณที่เราได้มาเจอกัน     

I love Bright 

หมายเลขบันทึก: 711910เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2023 17:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม 2023 15:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท