ปัญหาทุกปัญหา ย่อมจะมีทางออกเสมอ


ยุคที่โลกเจริญด้วยสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย และพัฒนาการของเชื้อไวรัสโตวิด-19 ที่เป็นเชื้อโรคที่อันตรายประดุจอาวุธนิวเคลียร์ สมัยก่อนโลกต่อสู้กันด้วยยุทโธปกรณ์ที่มีแสนยานุภาพ เช่น ปรมาณู นิวเคลียร์ ซึ่งสามารถทำลายมนุษย์ได้ทีละมาก ๆ ในชั่วพริบตาเดียว แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ อาจจะมีวิธีการปล่อยเชื้อโรคร้ายที่เป็นอันตรายมาทำร้ายมนุษย์อย่างเลือดเย็นแบบเชือดนิ่ม ๆ ค่อย ๆ ทำลายไปที่ละน้อย ๆ และก็ลุกลามไปถึงจุดตาย เช่น ระบบหายใจ การเต้นของหัวใจ เหมือนไวรัสโควิด 19 ถ้าลามไปถึงปอดก็จะเป็นอันตราย และสามารถปลิดชีพมนุษย์เราอย่างง่ายดาย การแก้ปัญหา ควรแก้ด้วยเมตตาธรรม มากกว่าการทำร้ายกันด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นอันตราย นำสมัย และร้ายแรง มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาดมากกว่าสัตว์ใด ๆ ในโลก จึงจะเอาชนะ ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างที่จะตามมา

ปัญหาทุกปัญหา ย่อมจะมีทางออกเสมอ

 

ปัญหาทุกปัญหา ย่อมจะมีทางออกเสมอ

ดร.ถวิล  อรัญเวศ

          ยุคที่โลกเจริญด้วยสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย และพัฒนาการของเชื้อไวรัสโตวิด-19  ที่เป็นเชื้อโรคที่อันตรายประดุจอาวุธนิวเคลียร์ สมัยก่อนโลกต่อสู้กันด้วยยุทโธปกรณ์ที่มีแสนยานุภาพเช่น ปรมาณู นิวเคลียร์ ซึ่งสามารถทำลายมนุษย์ได้ทีละมาก ๆ  ในชั่วพริบตาเดียว แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ อาจจะมีวิธีการปล่อยเชื้อโรคร้ายที่เป็นอันตรายมาทำร้ายมนุษย์อย่างเลือดเย็นแบบเชือดนิ่ม ๆ ค่อย ๆ ทำลายไปที่ละน้อย ๆ และก็ลุกลามไปถึงจุดตาย เช่น ระบบหายใจ การเต้นของหัวใจ เหมือนไวรัสโควิด 19 ถ้าลามไปถึงปอดก็จะเป็นอันตราย และสามารถปลิดชีพมนุษย์เราอย่างง่ายดาย

        ที่กล่าวมาเพียงอยากสะท้อนให้เห็นว่า โลกเรากำลังเปลี่ยนไป ต้องรู้เท่ารู้ทัน รู้กัน รู้แก้ รู้แพ้

รู้ชนะ และให้อภัยกันได้ เราจึงจะอยู่ในโลกใบนี้อย่างร่มเย็นเป็นสุข เวร ย่อมย่อมจะระงับไปด้วย

การไม่จองเวร  บุญคุณต้องทดแทน แค้น ต้องให้อภัย นี้คือความคิดที่น่าจะรับฟัง และนำมาเป็น

แนวปฏิบัติ

        การแก้ปัญหา ควรแก้ด้วยเมตตาธรรม มากกว่าการทำร้ายกันด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นอันตราย นำสมัย และร้ายแรง

       มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาดมากกว่าสัตว์ใด ๆ ในโลก จึงจะเอาชนะ

ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ  อย่างที่จะตามมา

       หลายประเทศคงได้บทเรียนมาแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สอนให้ชาวโลกได้รู้ว่า ผลร้ายจากอาวุธนิวเคลียร์ที่มนุษย์สร้างมากับมือ ท้ายที่สุดเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดก็จะมาทำลายโลกมนุษย์เราเอง เป็นการฉลาดหรือไม่ที่เราจะนำอาวุธที่เลวร้ายมาต่อสู้ห้ำหั่นกันเองเพียงไม่พอใจใครบางคน แต่ผู้คนต้องถูกปลิดชีวิตล้มตายไปคนแล้วคนเล่า ควรทบทวนการกระทำเพื่อสนองความต้องการหรือความอยากของใครบางคน

ปัญหาที่พบย่อมมีทางออก ขอเพียงต้องพูดจากภาษากันให้รู้เรื่อง คือ

๑.      ภาษาใจ

               เราเข้าใจกันดีแล้วหรือยัง จูนกันได้หรือยัง คิดว่าคนไทยทุกคนคงรักประเทศชาติ

เหมือนกันทุกคน เพราะประเทศไทยเสมือนหมู่บ้านหรือชุมชนขนาดใหญ่ ที่พ่อแม่ได้แบ่งโฉนดให้

ไปคนละผืน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ตามที่เราได้ไขว่คว้าหามา เพราะฉะนั้น เมื่อประเทศไทย

เป็นเสมือน ชุมชนขนนาดใหญ่ ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ทำให้คนไทยได้มีที่อาศัย เราควร

จะหวงแหน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ต้องเข้าใจกัน ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องที่

สามารถแก้ไขได้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ควรทำตนเป็นขุนดัน คือคนไม่ยอมฟังใคร

คิดว่าตนเองถูกเสมอ มุทะลุดุดัน อันตรายมากครับ ถ้าเป็นประเภทพวกขุนดันยิ่งเป็นขุนดันตนเองยังไม่พอ ชักจูงให้คนอื่นเป็นขุนดันไปด้วย ยิ่งอันตรายมากครับ

             สรุป ต้องหันมาทำความเข้าใจกัน ไม่ใช่ว่า จะไม่ยอมใคร พูดกันอย่างกัลยาณมิตร ชีวิตจะ

พบแต่ความสุข

๒.      ภาษาความเห็น หรือความเชื่อ

ในทางพุทธศาสนา สอนไว้ว่า ความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งถ้าเป็นความเห็นที่ไม่

ถูกต้อง หรือมิจฉาทิฐิแล้ว เช่น เห็นว่า บุญบาปไม่มี พ่อแม่ ไม่มีบุญคุณ เราเกิดมาเพราะตัณหาของท่าน ก็ถือว่าเป็นกรรมหนัก ถึงกับห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เป็นบาปกรรมที่ต้องตกนรกหมกไหม้หลายร้อยกัลป์ ไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น เราต้องหันมาทำความเห็นให้ตรงกันก่อนครับจึงจะทำให้การแก้ปัญหาชาติบ้านบ้านเมืองเดินไปได้

            สรุป เราต้องทำความเห็นที่ไม่ตรงกัน ให้ตรงกันหรือแม้เห็นต่าง แต่ก็ไม่สร้างความแตกแยกให้กับชาติบ้านเมือง หลักความถูกต้อง  ต้องมาก่อนความถูกใจ ไม่ใช่ เอาความถูกใจมาก่อน

ความถูกต้อง ถูกใจเป็นรอง  ถูกต้อง ต้องเป็นหลักเสมอ

๓.      ภาษาหน้าที่

เราทำหน้าที่กันได้ถูกต้องหรือยังที่ผ่านมา  อีกไม่นานจะได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทน

ของปวงชนในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รักชาติ รักประชาธิปไตยต้องพร้อมใจกันไปเลือกตั้งแบบ

ไม่ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ปี 2566 ราวเดือน เมษายน -พฤษภาคม 2566 เราก็จะได้ทำหน้าที่คัดกรอง

ผู้แทนของปวงชนขาวไทย เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู่แทนราษฎร ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 29

            การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา คือการเลือกตั้งเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ก็ใกล้จะครบ 4 ปี ในวันที่ 24 มีนาคม 2566 แล้ว เพราะ ส.ส.นั้นมีวาระ 4 ปี และมีผลตั้งแต่วันเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง คราวนี้ ได้มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเชตเลิอกตั้ง และบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และในการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายขื่อเดิมให้หารด้วย 500 คะแนนอาจจะไม่มากก็ได้เป็น ส.ส. ได้ แต่การเลือกตั้งปี 2566 จะหารด้วย 100 พรรคต้องได้คะแนนมากพอ จึงจะได้รับการแบ่งสันปันส่วน ส.ส. แบบบัญชีรายนชื่อมาก ต้องรอให้ กกต.ประกาศกำหนดเขตเลิอกตั้ง และวันเลือกตั้งก่อน

        อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมทการบ้านไว้ คือ

        1. ให้ศึกษาพรรคการเมืองที่ผ่านมาว่า ผลงานเป็นอย่างไร สมกับได้หาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง ปี 2562 ไหม นโยบายพรรค เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด นโยบายบรรลุเป้าหมายมากน้อยเพียงใด

        2. ศึกษาผลงานของ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งไปแล้วเมื่อ ปี 2562 ว่าได้เข้าไปทำบทบาทหน้าที่ของ ส.ส.ได้มากน้อยเพียงใด มีการขาดประชุม ส.ส. บ่อยครั้งเพียงใด โดยไม่มีสาเหตุหรือเหตุสุดวิสัย เช่น เจ็บป่วย เป็นต้น

       3. ศึกษาว่า ส.สที่ได้รับเลือกตั้งไปแล้วเมื่อปี 2562 มีพฤติกรรมมัวหมอง หรือมลทินมัวหมองในตำแหน่งหน้าที่ ส.ส.ไหม เช่น การขายตัวในการลงคะแนนเสียงในการลงมติไม่ไว้ว่างใจ  การทำผิดจริยธรรม ของ ส.ส. หรือนักการเมือง เป็นต้น

 

คนดีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ควรเลือกเป็น ส.ส.

        ในการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น ต้องยอมรับว่า พรรคเลือกคน ประชาชน อาจจะเลือกพรรค หรือคน หรือเลือกทั้งพรรคและคนก็ได้ ดังคำที่ว่า “เลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ แต่ถ้าจะให้รอบคอบ ควรชอบทั้งพรรคและคน” เว้นแต่ไม่มีในใจจริง ๆ คอยกาในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน

         ในการเลือกพรรค หรือคน นั้น ถ้าคิดว่า นโยบายพรรค ไม่ดี หรือเฟ้อฝันจนเกินไป ไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างแท้จริง หรือคนที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง มีประวัติด่างพร้อย หรือมีมลทินมัวหมองด้านการทุริตหรือประพฤติมอชอบตามกฎหมายบ้านเมืองมาก่อน ผลงานไม่มี ประชาชนไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม เป็นต้น ประชาชนอาจจะไม่เลือกก็ได้เพราะมีช่องที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้กา ก็มีระบุไว้ในบัติเลือกตั้ง

        บุคคลที่ประชาชนควรเลือกตั้งเป็น ส.ส. เช่น

         1. เป็นผู้มีการศึกษาดีพอที่จะไปออกกฎหมาย หรือเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือต่อชาติบ้านเมืองได้

         2. เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยมีประวัติคดโกงมาก่อน หรือไม่เคยถูกลงโทษจำคุกในข้อหาทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือถูกจำคุกหรือถูกไล่ออกจากงานไม่ว่างานเอกชน งานราชการในข้อหาผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติดให้โทษ เช่น ยาบ้า ยาอี เป็นต้น หรือถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าเป็นบุคคที่ทุจริตต่อหน้าที่การงานอย่างชัดเจนเปีนรูปธรรม

         3. เป็นผู้ที่มีประวัติการทำงานหรือผลงานที่ผ่านมาดีพอและเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้

         4. เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมและรู้จักเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ

         5. เป็นผู้ที่เข้าถึงประชาชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ประชาชนเข้าหาได้ง่าย ติดดิน เข้าใจคน

รากหญ้า เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นและนำมาแก้ไข โดยเสนอเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

         6. เป็นแบบอย่างของการรู้จักรักษาประโยชน์ของส่วนรวมไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง เช่น แจกเงินหรือสิ่งของเพื่อให้ผู้ใดลงคะแนนให้ตนเอง หรือไม่ลงคะแนนให้กับผู้สมัครอื่น หรือพรรคอื่นๆ

        7. เป็นผู้ที่รับผิดชอบในการประชุม และเลือกเข้าไปแล้วสามารถหน้าที่ ส.ส. คือเข้าประชุมเพื่อพิจารณาข้อกฎหมายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ขาดประชุมโดยไม่มีสาเหตุ หรือเหตุสุดวิสัย

        8. เป็นผู้ที่เชื่อได้ว่า ไม่ยอมให้ใครมาซื้อตัวหรือตำแหน่ง ส.ส.เพื่อทำการที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ส.ส.

        9.  อื่น ๆ ที่คิดว่า เป็นสิ่งที่ดีต่อชาติบ้านเมือง

 

พรรคการเมืองที่ดี ที่ควรเลือกทำหน้าที่ในสภาฯ 

         ควรมีลักษณะที่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เช่น

        1. มีนโยบายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และมีแนวทางปฏิบัติให้สามารถเป็นจริงได้

        2. ในการกำหนดนโยบายของพรรค ต้องมุ่งแก้ปัญหาความกินดีอยู่ดี หรือปากท้องของประชาชน นโยบายด้านการเกษตร พืชผลของชาวไร่ชาวนา การส่งเสริมการทำนา การจำหน่ายผลผลิตของชาวนาชาวไร่ การแทรกแซงประกันราคาให้ตามสมควร

        3. มีนโยบายด้านการศึกษาและด้านการสาธารณสุขที่ชัดเจนทำอย่างไรจึงจะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประชาชนได้ทำอย่างไรจึงจะสามารถให้ประชาชนเข้าถึงการบริการด้านสาธารณาสุข ได้อย่างถ้วนหน้า เป็นต้น

        4. มีนโยบายด้านการทหารที่ชัดเชน เช่น ทำอย่างไรจึงจะทำให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพ ทำอย่างไรจึงจะส่งเสริมกำลังทัพเพื่อป้องกันอริราชศัตรู ทำอย่างไรจึงจะไม่ทำให้ทหารมีการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งที่ผ่านมายังเป็นวงจรยังไม่รู้จบ

        5. อื่น ๆ ที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อชาติบ้านเมือง

 

หมายเหตุ

        พรรคหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งให้เงิน หรือสิ่งของ แต่เราไม่เลือก เป็นบาปไหม ?

        คำตอบ คือ ไม่บาป เพราะเราไม่ได้ไปขโมยของเขามา เขาให้เราเอง

        หน้าที่คนไทย คือ ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช้กฎหมู่มาเหนือกฎหมาย ไม่ใช้กำลังกาย ไปทำร้ายคนอื่น คงไม่ถูกต้อง ถ้าเรารักชาติจริง ๆ ต้องช่วยกันหา

ทางออกให้ดี ไม่เป็นอันตราต่อชาติบ้านเมือง

        อีกประการหนึ่งควรเป็นหูเป็นตาให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ใครคิดไม่ดี ทำไม่ดี ควรส่งข้อมูลไปยังอัยการ ศาล หรือองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคนทำผิด และผู้มีหน้าที่นำคนทำผิดมาลงโทษ เราไม่ควรมาตัดสินกันเอง หรือใช้กำลังประลองกัน ใครกำลังเหนือกว่า ก็ห้ำหั่นกัน เพื่อชัยชนะ

อย่างนี้ไม่น่าจะถูกต้อง

        สรุป เราต้องรู้หน้าที่ ถ้ารักประเทศชาติ จริงๆ ก็ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ใครทำผิดก็รวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ส่งอัยการฟ้องศาล หรือส่งผู้มีหน้าที่นำคนทำผิดมาลงโทษ เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป ทำอย่างนี้น่าจะดีกว่า และในการทำหน้าที่เลือกผู้แทน เลือกพรรคการเมือง

เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ต้องใช้ระบบคัดกรอง กลั่นกรองคน และพรรคให้รอบคอบก่อน

๔.      ต้องใช้หลัก “ยอม”

หลักยอม ถือว่าสำคัญมากครับ  ถ้าเราทำได้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

(๑)   ยิ้มให้กัน  ยืดหยุ่นให้กัน

ไม่ควรสุดโต่ง เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้ดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป

แต่ก็ไม่หย่อนจนเกินไป  ให้สามารถทำได้เป็นปกติวิสัยที่มนุษย์พึงกระทำ เพราะตึงเกินไปก็จะทำให้ขาด  หย่อนเกินไป ก็จะทำให้ดูไม่ดี เป็นเสมือนคนขาดความรับผิดชอบ

(๒)   อ่อนน้อมให้กัน

พูดกันไพเราะ แสดงกิริยาสุภาพชน  เห็นกันทักทายและยกมือไหว้  และหันมา

เจรจาหาทางออกที่เป็นวัฒนธรรมที่ดี ยึดในระเบียบ กฎหมายของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง

(๓)   เป็นมิตรกัน  

หาทางออกร่วมกันด้วยไมตรีจิตและมิตรภาพร่วมกัน  หรือกลับมาผูกเสี่ยวกัน

เพราะมิตรที่ดี คือมิตรที่ไม่ดีแต่พูด  ไม่หัวประจบ  ไม่ปอกลอก มิตรแนะนำแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์สำหรับการหาทางแก้ปัญหาเมื่อพบปัญหาช่วยกันหาทางออกให้กัน ไม่ทิ้งกันเพื่อให้แก้ปัญหาโดดเดี่ยว

              สรุป  ยิ้มให้กัน อ่อนน้อมให้กัน และเป็นไมตรีจิตและมิตรภาพต่อกัน จะทำให้บ้านเมือง

ร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าจ้องจะทำร้ายก้น บ้านเมืองจะวุ่นวาย เดือนร้อน

             ปัญหาทุกปัญหา ย่อมจะมีทางออกเสมอ ไม่มีคำว่าถึงทางตัน ถ้าพร้อมใจกันแก้ปัญหา

อย่างสันติวิธี และเข้าใจในปัญหา ควรใช้หลักอริยสัจ 4 เป็นแนวทาง

            ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล คิดว่าคงไม่เป็นอุดมการณ์ เฟ้อฝัน  คงจะเป็นสิ่งที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้ในวิสัยของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูงส่งได้ว  ขอพวกเราคอยเป็นหูเป็นตา ช่วยกันตรวจสอบถ่วงดุลให้กับประเทศชาติด้วย...จะเป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่

            ซี่งหลายคนก็เริ่มตื่นตัวแล้ว ดังจะเห็นตามข่าวที่ได้รับชมรับฟังจากวิทยุโทรทัศน์  ก็ขอชื่นชมในความกล้าหาญชาญชัยด้วยครับ ถ้าเราไม่มีคนกล้า เราก็จะพบปัญหาและสามารถแก้ปัญหาได้ยากมาก เราจะไม่เป็นขุนพลอยพยักกันอีกต่อไปแล้ว ขอให้มีสุขสวัสดิ์ สุขกาย สุขใจ ไร้โควิด 19 ตลอดไป

 

 

 

 

----------------------------


 

หมายเลขบันทึก: 711018เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2022 02:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม 2022 02:58 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท