เรียนรู้จาก 9 ข้อผิดพลาด


หนังสือเล่มนี้ แสดงให้คุณเห็นถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย และก้าวไปสู่ทิศทางความฝันของคุณอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลวหรือคำวิจารณ์

เรียนรู้จาก 9 ข้อผิดพลาด

The Book of Mistakes

พลตรี มารวย  ส่งทานินทร์

[email protected]

 27 พฤศจิกายน 2565

บทความเรื่อง เรียนรู้จาก 9 ข้อผิดพลาด ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง The Book of Mistakes ประพันธ์โดย Skip Prichard จัดพิมพ์โดย Center Street เมื่อ February 6th 2018

ผู้ที่ประสงค์อ่านบทความนี้ในรูปแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถศึกษาได้ที่ The Book of Mistakes.pdf (slideshare.net)

เกี่ยวกับผู้ประพันธ์

  • David “Skip” Prichard เป็นผู้บริหารธุรกิจชาวอเมริกันCEO และประธานของOCLC (บริษัทที่ก่อตั้งและดูแลWorldCat ที่ผลิต catalog ซึ่งมีการเข้าถึงแบบสาธารณะทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
  •  Skip Prichard จบการศึกษาจากUniversity of Baltimore School of Law ดำรงตำแหน่งผู้บริหารกับ LexisNexis ระหว่างปี ค.ศ. 1995 ถึง 2003 
  • หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำงานให้กับ ProQuest ซึ่งในที่สุดเขาก็กลายเป็นCEO และเขายังเคยดำรงตำแหน่งเดียวกันที่Ingram Content Group Inc. ก่อนที่จะมาเป็น CEO ของ OCLC

เกริ่นนำ

  • The Book of Mistakes เป็นการอธิบายวิธีที่คนที่ประสบความสำเร็จ แยกแยะตัวเองออกจากคนอื่นๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดหลัก 9 ข้อในชีวิต 
  • หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเล่าของ David และการผจญภัยของเขา หลังจากพบจดหมายที่ลงนามโดยผู้ใจบุญที่มีชื่อเสียง ในจดหมายระบุที่อยู่และเวลาที่เขาจะได้พบกับผู้ใจบุญและเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะให้คำแนะนำตลอดชีวิตแก่เขา 
  • ในหนังสือ อธิบายความผิดพลาดแต่ละข้อโดยละเอียด ที่ชี้ให้เห็นถึงหนทางที่นำไปสู่ความล้มเหลว เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
  • หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากนิทานธุรกิจเรื่องอื่นๆ โดยผสมผสานการเล่าเรื่องสามส่วนคือ เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับนักบวชที่มีภารกิจในอังกฤษปี ค.ศ. 1425 เรื่องที่สองเกี่ยวกับหญิงสาวชื่อ Aria ที่อาศัยอยู่ในอาณานิคมของอเมริกาในปี ค.ศ. 1770 และเรื่องหลักเกี่ยวกับชายหนุ่มที่หดหู่ใจ ชื่อว่า David ที่กำลังดิ้นรนอยู่ในปัจจุบัน
  • ก่อนที่คุณจะคิดว่า "เฮ้ ฉันไม่ได้ต้องการอ่านนวนิยายนะ" ให้อดทนไว้ก่อน เพราะ The Book of Mistakes เป็นเรื่องที่เข้าท่ามาก และแม้ว่าจะมีโครงเรื่องสามเรื่อง คุณก็สามารถติดตามแต่ละตอนได้อย่างง่ายดาย

อังกฤษ ค.ศ. 1425: อารัมภบท 

  • เรื่องแรก ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด 
  • เป็นเรื่องราวของนักบวชที่มีภารกิจและทัศนคติ ที่แม้แต่ Elbert Hubbard ก็ยังยอมรับว่า "ภารกิจที่เขาทำนั้น เกิดขึ้นตามความเป็นจริงในยุคก่อน และมันก็ลึกลับพอๆ กับตัวมนุษย์เอง เขาไม่ถาม หน้าที่ของเขาคือทำตามคำสั่ง และปฏิบัติตามคำปฏิญาณของตนที่ให้ไว้"
  • อะไรคือลักษณะของภารกิจ?
  • ก่อนอื่น ให้บรรจงคัดลอกหนังสือทั้งหมดสิบเล่มอย่างระมัดระวังคือ "หนังสือแห่งปัญญาโบราณ จากดินแดนทะเลทรายทางใต้อันไกลโพ้น เป็นดินแดนแห่งภูเขาหินที่มนุษย์สร้างขึ้นสูงเสียดฟ้า"
  • แล้วแจกจ่ายต้นฉบับแต่ละฉบับ ซึ่งหลังจากสำเร็จภารกิจทั้งสองนี้แล้ว ให้เผาต้นฉบับเดิม 
  • สำเนาสิบชุดที่ถูกแจกจ่ายนั้น ชุดหนึ่งอยู่กับผู้รักษาหนังสือ และอีกเก้าชุดอยู่กับครูทั้งเก้าคน (ผู้ดูแลการเผยแพร่ความรู้ของหนังสือ)
  • "เมื่อใดโลกทั้งใบจะพร้อมรับสติปัญญานี้" นักบวชสงสัย "จะมีสักวันไหมที่พลังด้านมืดจะลดน้อยถอยลง จนทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรี"

Aria ยุคอาณานิคมของอเมริกาในทศวรรษที่ 1770

  • โครงเรื่องอีกสองเรื่องถัดไปเป็นการผสมผสาน หลังจากผ่านไปสองสามบทซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์ในชีวิตของ David ตามมาด้วยบทซึ่งครอบคลุมเรื่องราวของ Aria (เด็กสาวที่อาศัยอยู่ในยุคอาณานิคมของอเมริกาในปีทศวรรษที่ 1770) 
  • Aria ตามคำแนะนำของ Raymond ลุงของเธอ เธอออกเดินทางเพื่อการค้นพบที่เสี่ยงกับอันตราย ในระหว่างนั้น เราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหนังสือ ที่นักบวชเขียนไว้ในโครงเรื่องแรก ตลอดจนเกี่ยวกับเนื้อหาและการแจกจ่ายหนังสือ
  • ในเรื่องเล่านี้ เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของผู้รักษาและครูทั้งเก้า ซึ่งได้คัดเลือกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเผยแพร่ข้อความของหนังสือ 
  • ขณะที่ Aria พยายามดิ้นรนเพื่อรักษาหนังสือลึกลับให้ปลอดภัยจากการตกไปอยู่ในมือคนชั่ว เธอก็ค้นพบกฎสามข้อแห่งความสำเร็จด้วย 
  • เราจะติดตามเรื่องของพวกเขาในอีกสักครู่

David สหรัฐอเมริกา ยุคปัจจุบัน

  • David เป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่า เขาไม่ใช่คนที่มีความสุขเสียทีเดียว เขารู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสงสัยและความกังวลใจ และไม่รู้ว่าควรจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด 
  • วันหนึ่งเขาได้รับข้อความสั้นๆ ที่คาดไม่ถึงจากเจ้านายของเขาว่า "ฉันต้องการพบคุณที่สำนักงาน เวลา 11:00 น." 
  • ด้วยความกลัวว่าเขาจะถูกไล่ออกและเพราะความวิตกกังวล ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสำนักงานของเจ้านาย เขาใช้เวลาช่วงหนึ่งในการอ่านข่าวท้องถิ่น เพื่อให้ความคิดของเขาปลอดโปร่ง
  • ณ ที่นั่น เขาอ่านเรื่องราวของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการยกย่องจากงานการกุศลของเขา 
  • ระหว่างเดินกลับสำนักงาน โดยไม่ทันตั้งตัว เขาเกือบจะสะดุดกับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่พยายามคว้ากระดาษสีเหลืองที่ปลิวจากมือไปตามแรงลม 
  • หลังจากการประชุมกับเจ้านายของเขา (ที่เขาได้รับคำเตือนด้วยวาจา)  David กลับบ้านโดยคิดว่ามันจะสำคัญขนาดไหน
  • เมื่อถึงบ้าน เขาพบกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในกระเป๋า มีข้อความว่า "NORTH CAFÉ 10:00 น. วันศุกร์ที่ 14 กันยายน"
  • และอีกด้านหนึ่งของกระดาษ: 
  • "ความสำเร็จของคุณจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด 9 ประการ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้จนกว่าจะสายเกินไป อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น พบฉันที่บริเวณซุ้มสุดท้ายริมหน้าต่าง และพวกเขารู้ว่าคุณกำลังมา"“
  • จดหมายฉบับนี้ลงนามโดยนักธุรกิจที่กล่าวถึงในหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคของเขา ซึ่งเป็นเรื่องราว "จากยาจกสู่ความร่ำรวย" อย่างแท้จริง 
  • ดังนั้น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้ต้องเป็นของหญิงสาวที่เขาเกือบจะสะดุด David ก็ตัดสินใจที่จะไปพบโดยเชื่อว่าการเชื่อมโยงใดๆ กับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนนี้ อาจทำให้เขามีชื่อเสียงในอนาคต

9 ข้อผิดพลาดที่คุณไม่ควรทำ 

  • David มาถึงที่ North Café และที่นั่นเขาได้พบกับนักธุรกิจที่ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ 
  • เขาพบกับชายชรา ซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่ David คาดหวังเลย เขาสวมกางเกงยีนส์สีซีด เสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ และรองเท้าไม่มีส้น ชายชรามีใบหน้าที่ไม่ได้โกนหนวดและถือหนังสือปกหนังเล่มเล็กๆ 
  • และชายผู้นั้นเปิดเผยกับ David ว่า เขาไม่ได้พบคำเชิญโดยบังเอิญ เพราะเขา อยู่ในสภาพจิตใจที่สมบูรณ์ ที่จะเรียนรู้บทเรียนจากหนังสือ
  • David ตอบ "ตกลง ฉันพร้อมฟัง สอนบทเรียนแก่ฉัน"
  • "คุณคิดว่าฉันจะส่งหนังสือให้คุณได้ไหม" ชายชรากล่าว "ฉันคิดว่าฉันทำได้… แต่พลังไม่ได้อยู่ที่นั่น ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลด้วยซ้ำ"
  • "คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณกำลังจะมีเส้นทางเดินอย่างไร" เขากล่าวต่อไป "ตอนนี้มันได้เริ่มขึ้นแล้ว และแทบจะไม่มีอะไรหยุดมันได้ ในความเป็นจริง ครูจะปรากฏในเวลาที่เหมาะสม และในสถานที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ซึ่งคุณจะได้พบในเร็ว ๆ นี้!"
  • และเป็นจริงตามคำพูดของชายชรา ในสัปดาห์ต่อมา ครูทั้งเก้าคนปรากฏตัวต่อ David แต่ละคนสอนข้อผิดพลาด 9 ข้อ ที่อาจส่งผลถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จแก่เขา

ข้อผิดพลาดที่1: ทำตามความฝันของคนอื่น 

  • ครูคนแรกคือ นักเขียนบทละคร ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นนักแสดง แต่เธอตัดสินใจที่จะเป็นนักเขียนบทละคร เมื่อเธอได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดแรกที่ทุกคนทำนั่นคือ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำตามความฝันของคนอื่น
  • "เมื่อคุณแสดง" เธอกล่าว "คุณแสดงไปตามเรื่องราว เมื่อคุณเขียน คุณกำลังสร้างเรื่องราวด้วยตัวของคุณเอง"
  • ข้อความจากหนังสือ อย่าแสดงบทที่คนอื่นกำหนด คุณคือตัวแทนที่หล่อหลอมโดยเป้าหมายในชีวิตของคุณเอง ชีวิตที่ออกแบบท่าเต้นโดยคนอื่นไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดของเรา จุดประสงค์ของคุณไม่เหมือนใคร ออกแบบชีวิตของคุณ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคุณ

ข้อผิดพลาดที่ 2: การยอมให้คนอื่นกำหนดคุณค่าของคุณ

  • ครูคนที่สองคือ นายธนาคาร ผู้สอน David ว่า เงินเหรียญหนึ่งสตางค์มีค่ามากกว่าหนึ่งสตางค์ หรือที่รู้กันว่า การทำเงินเหรียญหนึ่งสตางค์มีค่าใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งสตางค์
  • บทเรียนพื้นฐาน: อย่าตัดสินหนังสือจากปก 
  • อย่ายอมรับข้อจำกัดที่คนอื่นมอบให้คุณ 
  • แค่ปล่อยให้ตัวเองเป็นตัวของตัวเอง สิ่งนี้จะปลดปล่อยพลังอันน่าอัศจรรย์

ข้อผิดพลาดที่ 3: การยอมรับข้อแก้ตัว 

  • ครูคนที่สามเป็น เทรนเนอร์ ที่โรงยิมประจำของ David 
  • แม้ว่าเขาจะค่อนข้างป่วยมาตลอดชีวิต (และเศร้าเพราะไม่สามารถเป็นนักกีฬาได้) แต่เขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวที่เอาชนะมะเร็ง จนชนะการแข่งขันไตรกีฬา
  • บทเรียน: ข้อแก้ตัวขัดขวางความก้าวหน้าของเรา หลีกเลี่ยงคนที่ชอบแก้ตัว

ข้อผิดพลาดที่ 4: ล้อมรอบตัวคุณด้วยคนที่ไม่ถูกต้อง

  • ครูคนที่สี่คือ บาร์เทนเดอร์ เขาสอน David ว่า "ผู้คนรอบตัวเราส่งผลต่อทุกสิ่ง เพื่อนของเรากำหนดชะตากรรมของเรา"
  • กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า "คนที่คุณอยู่รอบ ๆ ตัว กำหนดว่าคุณจะเป็นอย่างไร" 
  • ดังนั้น เขาจึงสรุปว่า "ให้แทนผู้ที่ปฏิเสธ สงสัย และหมดพลัง ด้วยผู้ที่ให้กำลังใจ ผู้ชนะ และผู้คอยกระตุ้น"
  • นั่นคือหนทางเดียวสู่ความสำเร็จ 

ข้อผิดพลาดที่ 5: อยู่แต่ในขอบเขตที่สบายใจ (Comfort Zone) ของคุณ 

  • ครูคนที่ห้าคือ คนขายหนังสือ เธอบอก David ว่า สิ่งเลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตคือ การถูกกักขังอยู่ในขอบเขตที่สบายใจของคุณ 
  • "ผู้ชนะมองหาสิ่งที่ไม่สบายใจ" เธอกล่าว "ผู้นำมักจะผลักดันตนเอง มากกว่าอยู่อย่างสะดวกสบาย เพื่อมุ่งสู่ระดับใหม่ของความสำเร็จ"
  • ในความเป็นจริง เธอกล่าวเสริมอย่างเป็นเชิงลบว่า "ความธรรมดา เป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการสุขสบายมากเกินไป"

ข้อผิดพลาดที่ 6: การปล่อยให้ความพ่ายแพ้ชั่วคราวกลายเป็นความล้มเหลวถาวร 

  • ครูคนที่หกคือ ผู้ประกอบการ 
  • เขาสอน David ว่า ความคิดไม่ได้กำหนดชะตากรรม และเขาไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ปัจจุบันมากำหนดชะตากรรมของเขา
  • เขาย้ำแนวคิดที่ว่า "ข้อแก้ตัวคือวัชพืชที่พยายามปิดกั้นความก้าวหน้า" และเสริมว่า "คนที่ประสบความสำเร็จมองว่า ความล้มเหลวชั่วคราวเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ"

ข้อผิดพลาดที่ 7: พยายามผสมผสานแทนที่จะโดดเด่น 

  • ครูคนที่เจ็ดคือ วาทยกร ที่สอน David ว่านักเรียนที่ดีที่สุดของเขาโดดเด่นอย่างไร
  •  "ความโดดเด่น" เขากล่าว "เป็นเรื่องง่ายๆ คือการแสดงได้เกินความคาดหวังอย่างสม่ำเสมอ" ที่น่าเศร้าคือ "พวกเราส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเรียนรู้ที่จะผสมผสาน เมื่อความสำเร็จคือการโดดเด่น" ความโดดเด่นนั้นเหมือนกับการเป็นตัวของตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง 
  • มันเหมือนกับการได้สัมผัสกับพรสวรรค์ ที่ไม่เหมือนใครของคุณ

ข้อผิดพลาดที่ 8: คิดว่าความสำเร็จมีจำกัดและมีจำนวนจำกัด 

  • ครูคนที่แปดคือ จิตกร 
  • หลังจากที่ David บอกเธอว่า เขาไม่มีความสามารถในการวาดภาพเลย เธอก็ทำให้เขารู้ว่า โลกนี้มีโอกาสไม่จำกัด
  • กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการวาดภาพของเขา แต่อยู่ที่ความคิดของเขา ซึ่งจำกัดศักยภาพของเขาที่ไม่มีขีดจำกัด 
  • "ข้อจำกัดเดียวที่คุณต้องกังวลคือ ข้อจำกัดในใจของคุณ" เธอสรุป

ข้อผิดพลาดที่ 9: เชื่อว่าคุณมีเวลาเหลือเฟือ

  • ครูคนสุดท้ายคือ หมอและคนไข้ไม่กี่คน 
  • พวกเขาสอน David ถึงความผิดพลาดสุดท้ายที่เราทุกคนทำ นั่นคือ การเชื่อว่าเรายังมีเวลาอีกมากมายในโลกนี้
  • การรู้ว่าชีวิตไม่แน่นอน เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณมุ่งความสนใจไปที่ส่วนที่สำคัญที่สุดของจุดประสงค์ของคุณ
  • David เรียนรู้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จ คือผู้มีความรู้สึกเร่งด่วน

กฎ 3 ข้อที่คุณไม่ควรฝ่าฝืน 

  • ขณะที่ David กำลังคุยกับหมอ มีแขกคนหนึ่งมาเคาะประตู
  • "โอ้ คุณมีผู้มาเยี่ยม" เธอกล่าว "ฉันควรจะกลับมาในภายหลังไหม"
  • David มองหน้าเธอและตระหนักว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนที่เขาเกือบจะสะดุดก่อนเริ่มการเดินทาง 
  • ชื่อของเธอคือ Aria เป็นชื่อที่คงอยู่ในครอบครัวของเธอมาสองสามร้อยปี และนั่นเชื่อมโยงโครงเรื่องของ David ในปัจจุบันกับ Aria ที่มีบรรพบุรุษที่มีชื่อเหมือนกันในปีทศวรรษที่ 1770 
  • ซึ่งเธอเป็นผู้เปิดเผยกฎแห่งความสำเร็จสามข้อ

1. กฎแห่งความปรารถนา (The Law of Desire)

  • กฎแห่งความปรารถนาเป็นกฎข้อแรก 
  • ความปรารถนาคือน้ำพุที่ล้นออกมาเติมเต็มชีวิตของคุณด้วยความดี โอกาสทั้งหมด ความสำเร็จทั้งหมด พลังทั้งหมดจะถูกเปิดใช้งานก่อน จากความปรารถนาอันแรงกล้า 
  • ให้ปรารถนาเป็นผู้สูงศักดิ์ คิดให้สูงไว้ ดื่มด่ำกับความเป็นไปได้มากมาย 
  • ป้องกันการสูญเสียความปรารถนาของคุณ ด้วยการไม่ปรารถนาในสิ่งเล็กน้อยและไม่สำคัญ
  • ก็ต่อเมื่อความปรารถนาของคุณมีมากพอเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดพลังแห่งความสำเร็จ เพื่อขับเคลื่อนคุณไปสู่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 
  • อย่าดำเนินการโดยไม่ได้นึกภาพความปรารถนาของคุณเมื่อบรรลุผลอย่างเต็มที่ ความปรารถนาของคุณเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของคุณ 
  • ความปรารถนาจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นจำกัดหรือตราหน้าคุณอย่างไม่ยุติธรรม ความปรารถนาผลักดันความคิดของคุณไปสู่ระดับใหม่ ซึ่งสูงกว่าที่คุณคิดว่าจะเป็นไปได้ ปล่อยให้ความปรารถนาของคุณเผาไหม้ภายใน เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จของคุณ

2. กฎแห่งความกตัญญูกตเวที (The Law of Gratitude)

  • กฎแห่งความกตัญญูกตเวทีเป็นกฎข้อที่สอง 
  • ความกตัญญูกตเวทีเป็นปุ๋ยแห่งความสำเร็จ เป็นผู้ให้ผลผลิต จิตวิญญาณแห่งความกตัญญูจะดึงดูดผู้คน ความคิด และโอกาส 
  • ด้วยใจที่สำนึกคุณ เราสามารถได้รับพรที่ช่วยข้ามพ้นความขมขื่น ให้ยกมือที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวที ไม่คาดหวัง และเต็มไปด้วยความสุขอย่างล้นเหลือ
  • ในตัวคนที่ขอบคุณ คือความรักและความสุขล้น เราอาจไขความลึกลับภายในด้วยท่าทีขอบคุณอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ จะพบว่าตนเองสดชื่น และได้รับการเติมเต็ม เชื่อในพรของคุณทุกวันจนกว่าความสำเร็จจะเป็นของคุณ
  • ปีกของความกตัญญูกตเวที จะยกผู้ที่สิ้นหวังขึ้นสู่สายลมแห่งความอุดมสมบูรณ์ เพื่อโบยบินเหนือความเจ็บปวดของชีวิต ไปสู่สถานที่แห่งความอุดมสมบูรณ์อันเป็นนิรันดร์ 
  • พูดขอบคุณผู้อื่น แล้วคุณจะได้เติมพลังลึกลับของจิตวิญญาณ

3. กฎแห่งความเชื่อ (The Law of Belief)

  • กฎแห่งความเชื่อเป็นกฎข้อที่สามและข้อสุดท้าย 
  • พระผู้ทรงอำนาจสร้างคุณด้วยจุดประสงค์ จงเชื่อในตัวคุณเอง สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้และไม่น่าเชื่อ เป็นเพียงศัตรูของศักยภาพของคุณเท่านั้น 
  • พัฒนาศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน แน่วแน่ และมั่นคงในความสามารถของคุณ โชคชะตาของคุณจะขยายออกไป เมื่อความเชื่อของคุณขยายออกไปไม่มีข้อจำกัดในสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับคุณ 
  • ปล่อยให้ความเชื่อของคุณโบยบินเหมือนนกอินทรี คุณไม่สามารถสูงขึ้นกว่าความเชื่อของคุณเอง 
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อคุณช่วยปลูกฝังความเชื่อในผู้อื่นด้วย นี่เป็นงานที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อมีความเชื่อเพิ่มขึ้น ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

ความลับ 9 ประการในการสร้างอนาคตที่ประสบความสำเร็จ 

  • ไม่น่าแปลกใจเลยที่ 9 เคล็ดลับแห่งความสำเร็จนั้นตรงกันข้ามกับ 9 ข้อผิดพลาดแห่งความล้มเหลว ตามลำดับ มีดังนี้ 
  • 1. ใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง 
  • 2. ตระหนักถึงคุณค่าโดยธรรมชาติของคุณ
  • 3. ปฏิเสธข้อแก้ตัว 
  • 4. ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่ใช่
  • 5. สำรวจนอกเขตความสะดวกสบายของคุณ 
  • 6. ก้าวไปข้างหน้าผ่านความท้าทายด้วยความมุ่งมั่นและเป้าหมาย 
  • 7. โดดเด่น 
  • 8. ลงมือทำอย่างกล้าหาญด้วยความรู้ที่ว่า ศักยภาพสู่ความสำเร็จของคุณนั้นไร้ขีดจำกัด 
  • 9. ทำตามเป้าหมายของคุณด้วยความเร่งด่วน

บทเรียน 3 ข้อจากหนังสือ

  • 1. การทำตามความฝันของคนอื่น การไม่รู้คุณค่าของตัวเอง และการใช้ชีวิตโดยมีข้อแก้ตัว เป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุด 3 ประการที่คุณสามารถทำได้ (Working on someone else’s dream, not knowing your values, and living by excuses are three of the worst mistakes you can make.)
  • 2. ปล่อยให้คนที่เป็นพิษในแวดวงของคุณ ไม่ออกจากเขตสบาย ๆ ของคุณ และยอมแพ้ง่ายเกินไป คือสิ่งที่คนไม่ประสบความสำเร็จทำ (Allowing toxic people in your circle, not getting out of your comfort zone, and giving up too easily are what unsuccessful people do.)
  • 3. อย่ากลัวที่จะแตกต่าง เรียนรู้ว่าทรัพยากรที่มีค่าที่สุดนั้นมีอยู่อย่างจำกัด และเชื่อมั่นในหัวใจว่าคุณจะประสบความสำเร็จ (Don’t be afraid to be different, learn that the most precious resources are finite, and believe in your heart that you will be successful.)

บทเรียนข้อที่ 1: กำหนดค่านิยมของคุณ ทำงานเพื่อตัวคุณเอง และทิ้งข้อแก้ตัวทั้งหมดของคุณ หากคุณต้องการความสำเร็จ 

  • ข้อแก้ตัวเป็นฆาตกรเงียบของความฝันทั้งหมดของคุณ คุณเคยได้ยินมาก่อนว่า ถ้าฉันมีเงินมากขึ้น หรือฉันมีเวลามากขึ้น หรือถ้าฉันสวยขึ้น/แข็งแรงขึ้น/ฉลาดขึ้น/มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น/ฯลฯ
  • ถ้าโลกนี้แตกต่างออกไป คุณก็สามารถเดินหน้าต่อไปตามความฝันและทำตามเป้าหมายของคุณได้ 
  • คุณไม่สามารถปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นหยุดคุณจากความสำเร็จได้ ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเลือกที่คุณเลือกทุกวัน มันเกี่ยวกับว่าคุณเป็นใครและคุณยืนหยัดเพื่ออะไร ไม่ว่าใครจะคิดหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตาม
  • รู้คุณค่าของคุณให้ดีก่อนสิ่งอื่นใด คุณต้องกำหนดค่านิยมของคุณ (สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ) จากนั้นทำงานตามนั้นทุกวัน อย่าให้ใครบอกคุณเป็นอย่างอื่น! ตัวอย่างเช่น หากคุณวาดภาพชีวิตที่เต็มไปด้วยการเดินทาง อย่าให้โลกบอกคุณว่าคุณต้องทำงาน 9-5 และอยู่ในเมืองเดียวกัน 
  • สุดท้าย ให้แน่ใจว่าได้ทำงานเพื่อความฝันของคุณเอง ไม่ใช่ของคนอื่น 
  • ผู้ประพันธ์รู้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จต่อสู้เพื่อภารกิจของพวกเขา ในขณะที่คนที่ล้มเหลวในการติดอยู่ในชีวิตที่มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น รู้จักความฝันของคุณและลงมือทำเพื่อทำให้เป็นจริง!

บทเรียนข้อที่ 2: คุณต้องออกจากเขตความสะดวกสบาย พบปะผู้คนเชิงบวก และเรียนรู้จากความล้มเหลวของคุณอยู่เสมอ 

  • หากต้องการพบความสำเร็จ คุณต้องกำหนดความฝันและทำงานด้วยตัวคุณเอง ซึ่งได้พิสูจน์แล้ว 
  • แต่ถ้าคนรอบข้างคิดไม่เหมือนกันล่ะ? ที่พวกเขายอมรับแล้วว่าจะใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น 
  • คุณต้องหยุดให้คนเหล่านี้บุกเข้ามาในแวดวงของคุณหรือทำให้คุณผิดหวัง จากสุภาษิตที่ว่า: แอปเปิ้ลที่ไม่ดีหนึ่งผลสามารถทำลายทั้งตะกร้าได้! นั่นใช้กับความสัมพันธ์เช่นกัน แม้ว่าคนที่คิดบวกและสนับสนุนจะช่วยพยุงคุณขึ้น แต่เพื่อนที่เป็นพิษอาจเป็นอันตรายต่อความฝันของคุณ
  • เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง คุณมุ่งความสนใจไปที่การออกจากเขตสะดวกสบายของคุณ นั่นเป็นอีกแง่มุมที่จำเป็นในการฝึกฝนเพื่อความสำเร็จ หากคุณไม่เสี่ยง คุณจะติดอยู่กับความธรรมดาในชีวิตของคุณตลอดไป การเสียใจกับชีวิตบนเตียงมรณะ ไม่ใช่สิ่งที่คนประสบความสำเร็จทำกัน 
  • หลังจากที่คุณออกจากเขตความสะดวกสบายแล้ว ความล้มเหลวมากมายจะเกิดขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตตามธรรมชาติ และคุณควรคาดหวังว่าจะล้มเหลว ถ้าคุณไม่ทำ แสดงว่าคุณไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ในขณะที่คุณล้มเหลว ให้จดบันทึกสิ่งที่นำไปสู่ความล้มเหลวนั้นและเรียนรู้จากมัน ลุกขึ้นและลองใช้วิธีอื่น แต่อย่าท้อแท้ในความสามารถของคุณ

บทเรียนข้อที่ 3: เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่า ดังนั้นจงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแสดงเรื่องราวความสำเร็จของคุณให้โดดเด่น

  • คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวของการที่ Steve Jobs ถูกไล่ออกจากApple ที่เขาถูกไล่ออกเพราะเขาไม่เหมาะกับทีมที่เหลือ แต่เขาไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวนั้นหยุดไม่ให้เขาสร้างหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
  • คุณสามารถเรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้ ความแตกต่างนั้นไม่เป็นไร เมื่อคุณมีความฝันที่คนอื่นไม่เข้าใจ นั่นไม่ได้หมายความว่าความคิดของคุณแย่! 
  • คุณโดดเด่นเพราะคุณมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่าง คนที่ประสบความสำเร็จมักจะพยายามขยายขอบเขต และพวกเขาไม่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคม
  • แนวคิดหลักอีกประการหนึ่งที่ผู้ประพันธ์นำเสนอคือ หากคุณเชื่อว่าความสำเร็จมีจำกัด คุณจะไม่มีทางได้รับสิ่งที่คุณต้องการจากชีวิต (มีความเป็นไปได้ไม่จำกัดจำนวน สำหรับผู้ชนะหลายคน เพียงแต่คุณต้องเต็มใจทำงานหนักพอที่จะหาให้พบ!)
  • และสุดท้าย: อย่าคิดว่าเวลาอยู่ข้างคุณ หากคุณต้องการบางสิ่งที่มากๆ อย่ารอช้า! ดำเนินการทันทีและคิดแก้ปัญหาในภายหลังหากไม่ได้ผลตามที่วางแผนไว้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะยังมีเวลาเหลืออีกมากสำหรับสิ่งอื่นๆ ในชีวิต! 
  • ทรัพยากรที่มีจำกัด เช่นเวลาเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ

สรุป

  • หนังสือเรื่อง The Book of Mistakes จะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นตลอดไป
  • หนังสือเล่มนี้ แสดงให้คุณเห็นถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย และก้าวไปสู่ทิศทางความฝันของคุณอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลวหรือคำวิจารณ์ 
  • ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้กับทุกคน ที่ต้องการดูแลรับผิดชอบชีวิตของตนเอง

****************************

คำสำคัญ (Tags): #mistakes#ข้อผิดพลาด
หมายเลขบันทึก: 710655เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2022 16:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2022 16:16 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

Thank you for reading and pointing the points for us.

You save us time and thinking, we can just learn now.

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท