ดร.เขียน ธีรวิทย์ "เขียนจากความจริง มิใช่ตำราตะวันตก"


คนไทยทั้งหลาย จงอย่าหลงไหลคลั่งไคล้ กับระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้ง ให้พวกเรา ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ แม้ผ่านประชามติจากประชาชนแล้วก็ตาม แท้จริงแล้ว คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพ ของไทย มีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ นักการเมือง จึงต้องการผูกขาด อำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุด ของประเทศ แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม คนดีๆ ที่มีความสามารถมากมาย จึงไม่อยากไป แย่งตำแหน่งนั้น กับนักการเมืองหรอก บางคน แม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญ ก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ ถ้าไม่คิดไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ คิดได้หรือไม่ว่า ท่านกำลังเรียกร้อง ให้คนไทยทั่วประเทศ ให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพอื่นมากกว่า 99% มิให้เขา ได้ผู้นำ ที่ดี ท่ีมีความสามารถสูง เพราะเขาไม่ยอมสมัคร เลือกตั้ง เป็น ส.ส. หรือ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว �“คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม? กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม? ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร? ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ? ท่านกลัวทหาร เอารถถัง มาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ? ทุกวันนี้ ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องกลัวทหาร. ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมาย มากกว่า เพราะ คนไม่เคารพกฎหมาย ทำให้ผมเดือดร้อนด้วย �แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก” เราควร มาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทย อย่าแบ่งแยก “คนใน” “คนนอก” ดีกว่า มาคอยต่อต้าน นายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ กฎหมาย และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด น่าจะดีกว่าด้วย

โดย ดร.เขียน ธีรวิทย์

ต้องอ่านให้ได้ เขียนจากความจริง มิใช่ตำราตะวันตก

�เมื่อผมเรียนวิชารัฐศาสตร์จบปริญญาตรี-เอกใหม่ๆ ผมเชื่อว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีเลิศ ผมไม่ได้สนใจ ที่จะเรียนรู้พฤติกรรมในการเลือกตั้งของไทยว่า เขาเลือกผู้แทนกันมาอย่างไร

ผมเคยเขียนบทความ ลงในวารสารต่างๆ ยืนหยัดความเชื่อของผมว่า

การทำรัฐประหาร เป็นงานเลวร้าย ที่จะอ้างเหตุผลใดๆ มาลบล้างไม่ได้ทั้งสิ้น

�เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้ว ผมเห็นคนพันธุ์ทักษิณ ยึดอำนาจรัฐในไทย โดย ผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและ รัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตน และ พรรคพวก จนที่สุด ผมได้ข้อสรุปว่า คนไทยจะแตกแยกกันทุกหย่อมหญ้า และ ประเทศชาติจะล่มจมในที่สุด ถ้าหากเราจะหวังลมๆ แล้งๆ รอคอย พระสยามเทวาธิราชมา กอบกู้สถานการณ์ให้

การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยทหาร เป็นทางออกที่เลวร้ายน้อยที่สุด

แล้วสถานการณ์ ก็บังคับให้ทหาร ทำรัฐประหารจริงๆ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งผมก็เห็นชอบด้วย นั่นคือ ผมได้เปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองอย่างชัดเจน

จากเดิมที่ว่า ทหารต้องห้ามในการทำรัฐประหาร มาเป็นทหาร มีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้ ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอม ที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ

�สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผมมีเวลาวิเคราะห์ปัญหาการเมืองไทยมากขึ้น ผมดูจากของจริงมากกว่าเชื่อตามตำรา

ผมเห็นคนไทย ในวงการวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหว ทางการเมือง และนักการเมืองจำนวนมาก มีทัศนคติทางการเมือง เหมือนผมสมัยมันสมองยังไม่โต โดยไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ ว่าแล้วใครจะได้อะไร จะเอาระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นใหญ่ แล้วได้ประชาธิปไตยจอมปลอม ที่ใครเป็นใหญ่กันแน่ รณรงค์ชวนคนอื่นให้ออกเสียง ไม่รับช่วงรัฐธรรมนูญ โดยไม่คิดให้รอบคอบว่า ถ้าไม่รับฉบับนี้แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร

�ปัจจุบัน มีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลายว่า นายกรัฐมนตรี จะต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแชมป์ล่าสุด ที่ออกมาสอนคนให้เชื่อเช่นนั้น

ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่ม และ ฟุ้งซ่านประชาธิปไตย ในแผ่นกระดาษ นั้น

ผม ก็ตกหลุม ตำราวิชาการฝรั่ง เหมือนกับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์

เรามีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีนายกรัฐมนตรี 9 คน (ไม่รวมที่เป็นไม่เกิน 2 เดือน) เป็น “คนนอก” 5 คน ได้แก่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วนที่เป็น “คนใน” มี 9 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เราเห็นแล้วยังว่า ใครทำประโยชน์ให้แก่ช่าติ ใครทำลายประเทศชาติ มากกว่ากัน

�มีใครมองไม่เห็นบ้าง “นายกฯ คนนอก” เช่น พลเอกเปรม และคุณอานันท์ นั้นมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากเพียงใด พลเอกประยุทธ์ใช้เวลา 2 ปีเศษกอบกู้ประเทศเรา ซึ่งจมปลักอยู่กับกองเพลิงแห่งความขัดแย้ง ให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้

เรียกว่า เป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น เรายังมองไม่เห็น

ส่วน “นายกฯ คนใน” นั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติกอบกู้ชื่อเสียง ของนักการเมืองในสายตาของผม มีคนเดียว คือ คุณชวน หลีกภัย

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้นพูดเก่ง มีหลักการ-หลักวิชา เหมาะกับการเป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยตะวันตก

ท่านมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจ ในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ ทางการเมือง

กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน + 6 ที่โรงแรมรอยอลคลิฟบิชรีสอร์ท ที่พัทยา (10 เมษายน 2552) ซึ่งถูกม็อบเสื้อแดง บุกขับไล่อภิสิทธิ์ และ ผู้นำต่างประเทศหนีกระเจิง ตั้งแต่วันแรก และ ต้องล้มเลิกการประชุมคราวนั้น

ประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวง อย่างประเมินค่ามิได้ การประชุมที่สำคัญยิ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าภาพ จะต้องมีข้อมูล ที่ทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน

ถ้าไม่มี ก็ต้องถือว่าบริหารงานข่าวกรองไม่เป็น ท่านน่าจะรู้ว่า ลำพังกำลังตำรวจนั้น เชื่อถือไม่ได้ และ งานสำคัญเช่นนั้น จะเลื่อน หรือ ยกเลิกก็ไม่ได้

ทำไมท่านไม่ขอกำลังทหารมาช่วย แต่ ท่านมัวกังวลใจว่า เอาทหารมาใช้งานรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็หมายความว่า ท่านเอาหลักวิชาประชาธิปไตย มาประยุกต์ใช้ กับประเทศไม่เป็น

เช่นเดียวกับ ที่ท่านถูกม็อบเสื้อแดง ไล่ต้อนให้ท่านต้องแอบซุกรถหนี ออกมาจากกระทรวงมหาดไทย และ การสั่งสลายการชุมนุม ที่ยืดเยื้อของม็อบเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ ในเดือน พฤษภาคม 2553 ที่กระทำไม่ถูกจังหวะ ซึ่งเป็น เพราะท่านตัดสินใจ แก้ปัญหาไม่เป็น นั่นเอง

�สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเห็นภัย จากระบอบประชาธิปไตยสามานย์ มากขึ้น

สหรัฐฯ ได้ชื่อว่า เป็น แชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือน ในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ทั่วโลก เท่าที่สหรัฐกระทำ

ใครเป็นผู้นำไล่ล่าสังหารซัดดัม ฮุสเซ็นของอิรัก ใครไปโค่นล้มรัฐบาลมูอัมมาร์ อัล กัดคาฟี่ของลิเบีย ที่ทำให้ 2 ประเทศนี้ ประสบภาวะสงครามกลางเมืองแหลกลาน ล่มจมจนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังมีอัฟกานิสถาน ซีเรีย และ ประเทศอื่นๆ อีกมากมาย

ฉะนั้น คนไทยทั้งหลาย จงอย่าหลงไหลคลั่งไคล้ กับระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย

มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้ง ให้พวกเรา ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ แม้ผ่านประชามติจากประชาชนแล้วก็ตาม

แท้จริงแล้ว คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพ ของไทย มีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ

นักการเมือง จึงต้องการผูกขาด อำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุด ของประเทศ

แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม

คนดีๆ ที่มีความสามารถมากมาย จึงไม่อยากไป แย่งตำแหน่งนั้น กับนักการเมืองหรอก บางคน แม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญ ก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ ถ้าไม่คิดไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

คิดได้หรือไม่ว่า ท่านกำลังเรียกร้อง ให้คนไทยทั่วประเทศ ให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพอื่นมากกว่า 99% มิให้เขา ได้ผู้นำ ที่ดี ท่ีมีความสามารถสูง เพราะเขาไม่ยอมสมัคร เลือกตั้ง เป็น ส.ส. หรือ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว

�“คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม? กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม? ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร? ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ?

ท่านกลัวทหาร เอารถถัง มาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ?

ทุกวันนี้ ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องกลัวทหาร. ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมาย มากกว่า

เพราะ คนไม่เคารพกฎหมาย ทำให้ผมเดือดร้อนด้วย

�แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก” เราควร มาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทย อย่าแบ่งแยก “คนใน” “คนนอก” ดีกว่า มาคอยต่อต้าน นายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ กฎหมาย และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมาย

อย่างเคร่งครัด น่าจะดีกว่าด้วย

Cr. ดร. เขียน ธีระวิทย์

 

 

 


 

หมายเลขบันทึก: 710466เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2022 20:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2022 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท