งานที่ชอบและใช่เป็นแบบไหน (passion at work?)


วันหนึ่งขณะที่สอนระดับปริญญาเอกและกำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเกี่ยวกับความเป็นมืออาขีพ และการได้ทำงานที่เราชอบเกี่ยวข้องกันไหม ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจและน่าทำวิจัยไม่น้อยครับ 

แต่ประเด็นที่นักศึกษาคนหนึ่งถามคือ ‘เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราชอบอะไรจริงๆ หรือ มี​ passion’ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นข้อสงสัย และแสวงหากันอยู่ไม่น้อยครับ ทั้งเกณฑ์ตรวจสอบ และความรู้สึกที่ใช่ในสิ่งที่เราทำอยู่ 

ผมไม่รู้ว่าผู้อ่านใช้อะไรเป็นตัววัดว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ใช่และชอบหรือไม่ แต่ผมวัดใจผมด้วยอาการที่ว่า ‘สิ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งนั้นทุกวัน ทำให้ดีที่สุด และอยากเห็นพัฒนาการในสิ่งที่ผมทำ’ 

ที่สำคัญคือ เราจะต้องไม่รู้สึกว่าต้องใช้พลังทั้งใจและกายอย่างมากในการที่จะทำสิ่งนั้น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วต้องใช้พลังอย่างยิ่งในการที่จะทำสิ่งนั้น 

ผมมีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังครับ คือ ก่อนปี 2523 ผมคิดว่าผมชอบภาษาอังกฤษ จะเอาดีด้านภาษา และประกอบอาชีพโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และแล้วขณะที่ผมได้ทุนไปเรียนภาษาศาสตร์ประยุกต์ที่ประเทศสิงคโปร์นั่นแหละผมจึงพบว่าจริง ๆ แล้วผมไม่ได้ชอบภาษาอังกฤษ และเป็นครูภาษาอังกฤษ เพราะผมเป็นทุกข์ค่อนข้างมากในการที่จะเรียนภาษาศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าใจภาษา และสอนภาษา แต่ด้วยศักดิ์ศรีนักเรียนทุน ก็ทนเรียนจนได้ประกาศนียบัตรบัณฑิต แต่ไม่เรียนต่อให้ได้ปริญญาโทครับ

พอกลับมาถึงเมืองไทยก็เปลี่ยนสาขาวิชาที่จะเรียนต่อในระดับสูงต่อไปทันทีคือ สมัครเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาวิชานิเทศการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรที่จุฬาลงกรณ์เลยครับ และนั่นคือจุดเปลี่ยนจากครูภาษาอ้งกฤษ เป็นนักนิเทศการศึกษาและพัฒนาหลักสูตร และเรียนต่อปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษาในเวลาต่อมา และเปลี่ยนเส้นทางสู่การเป็นนักการศึกษา และอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

แต่ก็ต้องขอบคุณตัวเองที่เคยคิดว่าชอบภาษาอังกฤษ เพราะด้วยพื้นฐานและประสบการณ์ด้านภาษอังกฤษนั่นเองที่ทำให้ผมได้กุญแจดอกสำคัญในการศึกษาค้นคว้าและท่องโลกวิชาการได้อย่างไม่มีข้อจำกัดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 

แปลว่าทุกสิ่งที่เรียน ทุกประสบการณ์ที่ได้รับ และทุกบทเรียนของชีวิตที่มี ล้วนแล้วแต่มีคุณค่ากับเราทั้งสิ้น ถ้าเรารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่การที่พบว่าอะไรที่เราน่าจะชอบ และสุขมากกว่า แล้วมีโอกาสก็ขอให้เร่ิ่มต้นใหม่ โดยไม่ต้องไปเสียใจ หรือรู้สึกว่าเสียเวลากับสิ่งที่ผ่านมานะครับ 

ส่วนที่ช่วงต้นชีวิตของผมที่นำให้ผมเชื่อว่าผมชอบภาษาอังกฤษนั้นเริ่มมาจากที่ผมอยากไปเรียนต่างประเทศครับ และคนที่มีต้นทุนทางทรัพย์น้อย สิ่งที่จะให้โอกาสก็คือทุน และจะได้ทุนก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษ และถ้าอยากเก่งอะไรก็ต้องชอบสิ่งนั้นครับ และความเก่งก็จะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดี และส่งผลต่อโดกาสต่อไป 

ซึ่งจริง ๆ ก็น่าจะลงเอยเช่นนั้น แต่การเรียนภาษาอังกฤษได้ดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะสอนภาษาอังกฤษได้ดีด้วยนะครับ ปัญหาของผมเริ่มเกิดเมื่อต้องสอนภาษาอังกฤษให้ดีนั่นเอง (ผมว่า) แต่ถ้าสอนไม่ดี ก็คงไม่เป็นสุขเพราะเรารู้และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี แต่สอนภาษาอังกฤษไม่ได้ดี ก็เลยเกิดความขัดแย้ง และไม่ลงตัวจนต้องคิดใหม่ ดังกล่าวมาแล้ว 

แต่บังเอิญผมโโชคดีที่มีทางเลือก ก็แล้วทำให้ได้โอกาสดี ๆ และได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ เลยเหมือนได้อาชีพที่ขอบและใช่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ 

เลยอยากแชร์กับทุกคนครับ 

สมาน อัศวภูมิ 

16 พฤษศจิกายน 2565

หมายเลขบันทึก: 710389เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2022 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2022 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ใช่เลยครับ 2 ประเด็น ประเด็นแรกภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสำคัญในการเจาะลึกเข้าไปถึงเรื่องราวและความรู้ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ประการที่สองการเป็นผู้เรียนและนำมาสอนได้ดีนั้นๆ ต้องเรียนวิชาการด้านการศึกษาอย่างถ่องแท้ และอาจเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ได้ แต่ก็อาจจะไม่ครบถ้วน หรืออาจย่อหย่อนได้ไม่มากก็น้อย ตามแต่ศักยภาพของคนๆ นั้นครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท