จอร์เจีย ไข่มุกแห่งเทือกเขาคอเคซัส (4) วิหารสเวติสโคเวลีแห่งเมืองมิทสเคต้าา


จอร์เจีย ไข่มุกแห่งเทือกเขาคอเคซัส (4) วิหารสเวติสโคเวลีแห่งเมืองมิทสเคต้า

เมืองมิทสเคต้า (Mtsketa) อดีตเมืองหลวงสมัยโบราณของจอร์เจีย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3-5 เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางจิตใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของชาวจอร์เจีย ทำให้เมืองนี้มีอาคารรูปแบบโบราณให้เดินเที่ยวชมอยู่ทั่วไป มิทสเคด้าอยู่ห่างจากเมืองทบิลิซี่เมืองหลวงในปัจจุบันเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น

เมืองมิทสเคต้า Mtskheta เป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์ นิกายจอร์เจียออโธด็อกซ์ของประเทศจอร์เจีย เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจีย ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร อิเบเรีย (Iberia Kingdom) ซึ่งเป็นราชอาณาจักรของจอร์เจียในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาลถึงปีค.ศ.500 ปัจจุบันนี้ไม่มีสิ่งใดในสมัยนั้นหลงเหลือตกทอดมาเลย ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแผ่ในเมืองนี้ช่วงศตวรรษที่ 4 และองค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งเมืองมิทสเคต้าเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994

เมื่อมาถึงมิทสเคต้าเมืองหลวงเก่าของจอร์เจียจะได้พบกับบรรยากาศที่อบอุ่น เนื่องจากเป็นเมืองเล็กๆในหุบเขาริมแม่น้ำ Mtkvari ที่รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นที่ปลูกเพื่อการทำไวน์ ดังนั้นจึงไม่ควรพลาดการชิมไวน์และชมเมือง ดูอาคารบ้านเรือนและโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุคกลาง สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้คือโบสถ์ที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ได้แก่ Svetitskhoveli Cathedral, Samtavro Church and Monastery และ Mtskhetis Jvari

วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) หรือ เสาที่มีชีวิต คำว่า Sveti หมายถึง เสา และ Tskhoveli หมายถึง ชีวิต  สร้างโดยสถาปนิกชาวจอร์เจียราวคริสต์ศตวรรษที่ 11ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ภายในมีภาพเขียนสีเฟรสโก้ประดับงดงาม อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อหันมานับถือศาสนาคริสต์ จนกลายเป็นศาสนาประจำชาติเมื่อปี ค.ศ.337

ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสีเฟรสโก้ที่งดงาม ( ภาพเขียนหลายชนิดที่เขียนบนปูนบนผนังหรือเพดาน เทคนิคที่นิยมกัน คือ การวาดภาพบนผนังปูนปลาสเตอร์เปียก (fresco)โดยคำว่า "fresco" มาจากภาษาอิตาลี "affresco" ซึ่งมาจากคำว่า "fresco" หรือ "สด" รากศัพท์มาจากภาษาเยอรมัน ) 

ในตำนานของโบสถ์แห่งนี้ได้จารึกไว้ว่าเป็นที่ฝังศพของนักบุญ St. Sidonia และเชือกที่มัดทรมานพระเยซู หลังจากพระเยซูสิ้นพระชนม์แล้ว Elias เป็นผู้นำเชือกที่มัดพระองค์มาจากทหารโรมันมาที่นี่ แล้วพี่สาวของเขาที่ชื่อ Sidonia มาจับที่เชือกนี้แล้วขาดใจตายทันที และไม่สามารถแกะเชือกออกจากมือเธอได้ เธอจึงถูกฝังไปพร้อมกับเชือก หลังจากนั้นได้เริ่มสร้างโบสถ์ที่บริเวณหลุมศพของเธอแต่มีต้นซีดาร์ขึ้นมากมาย จากนั้นนักบุญนีโน่จึงเลือกสถานที่ที่จะสร้างวิหารนี้โดยใช้เสาไม้ซีดาร์ 7 ต้น ทำเป็นโค้งเสาของโบสถ์ แต่มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นคือเสาต้นที่ 7ลอยขึ้นไปในอากาศ นักบุญนีโน่จึงเดินทางมาสวดมนต์ภาวนาตลอดทั้งคืน ในที่สุดเสาต้นที่ 7 ก็ลงสู่พื้นดิน ทำให้การก่อสร้างดำเนินต่อไปได้จนสำเร็จ จึงได้ชื่อว่าวิหารแห่งเสาที่มีชีวิต

ทางเดินจากบริเวณที่จอดรถมาจนถึงโบสถ์สเวติสโคเวลี ชาวบ้านในชุมชนเปิดบ้านของตนเป็นร้านค้ามากมาย มีทั้งร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ ร้านขายผลไม้สดผลไม้แห้ง ร้านขายของที่ระลึก สินค้าหลากหลายสามารถเลือกซื้อได้ในบริเวณนี้ รวมถึงขนมพื้นเมืองของจอร์เจียที่เรียกว่า Churchkhela  และ  Georgian Wine รวมทั้ง Chacha เครื่องดื่มยอดฮิตของชาวจอร์เจีย

ขอขอบคุณ

  • ทีมทราเวล เซอร์วิสดูแลกรุ๊ปทัวร์อย่างดีตลอดการเดินทาง
  • ภาพบางภาพจากอินเทอร์เน็ต
  • มิตรภาพดีๆจากเพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน

หมายเลขบันทึก: 710235เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2022 22:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2022 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท