ชีวิตราชการที่เหลือน้อยเต็มที พอได้นับถอยหลัง ก็ย่อมจะเจอะเจอคำว่า “ครั้งสุดท้าย”อย่างหนีไม่พ้น พอคิดได้และทำได้ จึงต้องลงมือทำอย่างเต็มที่และทำอย่างดีที่สุด
อย่างเช่นงานวัดที่ผ่านมา ณ วัดโบสถ์สระจิกด่าน หรือวัดโบสถ์เก่า อ.เลาขวัญ งานบุญกฐินสามัคคีครั้งยิ่งใหญ่ของวัด เพื่อสมทบทุนสร้างศูนย์ฟอกไตประจำอำเภอ
ด้วยวิสัยทัศน์ของท่านเจ้าอาวาส ที่ไม่อาจทนเห็นความทุกข์ยากของญาติโยมที่ป่วยด้วยโรคไต ต้องเดินทางไกลไปถึงตัวจังหวัด ทำให้หมดเปลืองทั้งชีวิตและทรัพย์สินมิใช่น้อย
แทนที่ท่านจะนำเงินไปพัฒนาศาสนสถานให้อลังการเหมือนวัดต่างๆ แต่ท่านหันมาใส่ใจชุมชนและสังคม ท่านห่วงใยสุขภาพของญาติโยมมากกว่าอะไรทั้งหมด
ผมจึงไม่แปลกใจ ที่ทำไมต้องศรัทธาท่านเจ้าอาวาสมานานหลายปี มีกฐินครั้งคราใดต้องให้ครูและนักเรียนมาร่วมด้วยช่วยทำบุญ และมิได้มามือเปล่า แต่นำคณะกลองยาวมาด้วยทุกครั้ง
ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ท่านเจ้าอาวาสมีพระคุณกับโรงเรียน ท่านเมตตาโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ทั้งข้าวสารอาหารแห้งและทุนการศึกษา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
กฐินปีนี้ผมจึงขอจัดเต็ม ทิ้งทวนงานบุญใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนหลุดพ้นจากงานราชการ ด้วยการนำดนตรีไทยและวงดุริยางค์ รวมทั้งกลองยาวมาขับกล่อมบนศาลาการเปรียญ
ร่วมสร้างบรรยากาศให้คึกคัก ตื่นตาตื่นใจไม่เงียบเหงา นักเรียนได้เวทีเสริมประสบการณ์ ส่วนคณะครูกับผู้ปกครองก็ร่วมจัดกองผ้าป่า มาร่วมทำบุญสมทบทุนให้ทางวัดบรรลุวัตถุประสงค์
ผ่านพ้นเทศกาลงานบุญกฐิน ก็ต่อด้วยงาน”ลอยกระทง” ณ บ้านเลาขวัญ ที่ทางเทศบาลเป็นแม่งาน ปีที่แล้วต้องยกเลิกไป พอมาปีนี้จึงจัดยิ่งใหญ่แบบชดเชย เพื่อคืนความสุขให้ชุมชน
โรงเรียนก็ไม่เคยพลาด ได้รับเชิญให้ส่งชุดการแสดงไปร่วมทุกครั้ง ถึงแม้ว่าโรงเรียนไม่ได้อยู่ในสังกัดของเทศบาล แต่งบประมาณอาหารกลางวันและอาหารเสริม(นม) เทศบาลยังต้องดูแล ซึ่งโรงเรียนก็รู้สึกชื่นชมในความตรงไปตรงมาของเทศบาล ที่บริหารจัดการงบประมาณได้ดีเยี่ยม
โรงเรียนต้องการพัฒนาสภาพแวดล้อม ซ่อมแซมและติดตั้งระบบไฟฟ้า เทศบาลก็จะมาช่วยเหลือ ช่วงโควิดได้เข้ามาดูแลอำนวยความสะดวกอยู่ตลอด ก่อนเปิดเรียนทุกครั้งจะออกมาฉีดหมอกควันป้องกันยุงลายในโรงเรียนอยู่เสมอ
ดังนั้น...งานลอยกระทง..ครั้งสุดท้าย จึงไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเครื่องดนตรีไทยประยุกต์วงใหญ่ เครื่องไม้เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ขนกันไปเต็มเวที เหนื่อยแต่ก็สนุกไปอีกแบบ
เหมือนได้จัดคอนเสิร์ตนักเรียนบนเวทีใหญ่ ท่ามกลางคนดูที่เป็นผู้นำชุมชนท้องถิ่นและผู้ปกครองในตลาด แสงสีเสียงอลังการ แบบยิ่งใหญ่ไฟกระพริบตลอดเวลา
ตอนแรกคิดว่านักเรียนจะตื่นเต้น เมื่อประกาศชื่อนักดนตรีและชื่อชุดการแสดง “รื่นเริงปี่พาทย์กลองยาว” ผมเห็นเด็กๆยิ้มแย้มแจ่มใส ทำหน้ารื่นเริงบันเทิงใจไปจนจบการแสดง ผมหายใจอย่างโล่งอก ที่การบรรเลงเพลงไม่ล่มกลางคัน
ผ่านไปด้วยดีทั้งสองรายการ งานบุญและงานสังคมชุมชนจิตอาสา ที่น่าจดจำประทับใจ เป็นครั้งสุดท้าย...ปิดม่าน..งานการกุศลทั้งหลายทั้งปวงที่ไปเป็นหมู่คณะ มานานนับ ๑๐ ปี
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
ไม่มีความเห็น