ชีวิตคนเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นกับวิธีคิดและพฤติกรรมของตัวเราเอง นี่คือความเชื่อของผม
We are what we act.
คนส่วนใหญ่มักสนใจแต่ปัญหาเฉพาะหน้า ภารกิจตรงหน้า ที่จะต้องทุ่มเทดำเนินการให้เกิดผลดี ซึ่งความมุ่งมั่นนี้ไม่ผิด แต่ไม่พอ
นอกจากมุ่งมั่นทำเพื่อเป้าหมายตรงหน้าแล้ว คนเราต้องมีเป้าหมายระยะยาวด้วย และใช้ความพยายาม ความมุ่งมั่นเพื่อการบรรลุเป้าหมายทั้งสองช่วงเวลา โดยที่การลงแรงมีความสมดุล
นี่คือทักษะ (สมรรถนะ) ในการจัดสรรพลังของตนเอง ที่จะต้องเรียนรู้ฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ซึ่งหมายความว่า การศึกษาในโรงเรียน และการเลี้ยงดูในครอบครัว ต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ ผมคิดว่า นี่คือการสร้างนิสัยอย่างหนึ่ง ... นิสัยมองการณ์ไกล
หากโยงสู่คำว่า “มองการณ์ไกล” ผมก็นึกออกว่า ผมบอกตนเองให้ฝึกนิสัยนี้มาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม
ผมถามตนเองว่า อยากมีชีวิตที่เป็นอย่างไร ผมตอบว่า ไม่อยากโด่งดัง แต่อยากเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อครอบครัว และต่อตนเอง อยากให้มากกว่าเอา แล้วใช้คำตอบนี้ให้สติตนเอง ยามยาก และยามรุ่ง
โชคดีที่ผมมีสติอยู่กับอุดมกาณ์นี้อย่างมุ่งมั่น ฝ่าความไม่เห็นพ้องของแม่และเมียมาได้ และเมื่อพิสูจน์ผลถึงจุดหนึ่ง ทั้งเมียและแม่ก็เห็นด้วย ว่าเป็นอุดมการณ์ที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุข รวมทั้งผู้คนโดยรอบก็ได้รับผลดีด้วย
ผมเสนอแนะพ่อให้ไม่ต้องให้สมบัติแก่ผมและน้องอีก ๒ คน ที่เรียนแพทย์ เพราะสมบัติของพ่อแม่ส่วนใหญ่เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร ผมเสนอให้แบ่งให้แก่น้องๆ ๓ คนที่เรียนเกษตรและกลับไปทำการเกษตรเลี้ยงชีพที่บ้าน เพราะคนที่เรียนแพทย์ย่อมทำมาหากินได้ดีอยู่แล้ว แม้แต่ผมที่ตัดสินใจไม่ทำคลินิกหารายได้เพิ่มจากเงินเดือนราชการ ก็มีความมั่นคง เพราะมีเงินเดือนทั้งสามีและภรรยา ข้อเสนอนี้พ่อดำเนินการ นำสู่ความรักสามัคคีในกลุ่มพี่น้อง
เกิดครอบครัวที่สง่างาม ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก เป็นตัวอย่างแก่คนทั่วไป
เป้าหมายตรงหน้ามีความสำคัญอย่างแน่นอน เราต้องทุ่มเทดำเนินการเพื่อบรรลุผลอย่างมีคุณภาพสูง แต่ต้องไม่ลืมเป้าหมายระยะยาว ของตนเองและขององค์กรที่ตนรับผิดชอบ
เป้าหมายขององค์กร/ประเทศ
ผมมีข้อสังเกตว่า คนที่มีตำแหน่งสูงมี ๒ แบบ คือแบบที่มุ่งทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก กับคนที่มุ่งความมั่นคงและความก้าวหน้าในตำแหน่งของตนเป็นหลัก โดยที่คนทั่งไปมักมองออก
ผู้ใหญ่ทั้งสองแบบนี้ แตกต่างกันที่ชีวิตหลังลงจากตำแหน่ง ที่เป็นผลจากการเกษียณอายุงาน หรือจากเหตุผลอื่น คนที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักมักได้รับความยอมรับนับถือต่อเนื่อง ในขณะที่คนที่มุ่งทำเพื่อตนเองจะหายหน้าไป
เอามาปรารภไว้ สำหรับให้อนุชนรุ่นหลังที่มีความสามารถ เป็นคนฉลาด เลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ก.ค. ๖๕
เป็นเรื่องจริงค่ะ แก้วก็ได้เห็นกับตาตนเองมาแล้วว่า
คนที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มักได้รับความยอมรับนับถือต่อเนื่อง ในขณะที่คนที่มุ่งทำเพื่อตนเองจะหายหน้าไป
ตามคำที่อาจารย์บอกเลยค่ะ