ในช่วงนี้เป็นบรรยากาศของการลอยกระทง แม้จะยังไม่ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 12 ก็ตาม แต่ทุกจังหวัดต่างก็เริ่มจัดกิจกรรมวันลอยกระทงกันแล้ว
ที่จังหวัดตากแม้น้ำปิงอันกว้างใหญ่ กับสายน้ำที่ไหลอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากมีเขื่อนภูมิพลหรือเขื่อนยันฮี
เก็บกักน้ำไว้และปล่อยออกมาเป็นระยะๆ
ริมฝั่งแม่น้ำปิงจึงเป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างดี
กับทิวทัศน์ที่สวยงาม ลมที่พัดเย็นอยู่เป็นระยะๆ
ในตัวเมืองตาก
ทางเทศบาลได้จัดทำเป็นที่นั่งพักผ่อนริมน้ำที่สร้างความสะดวกสบายแต่ก็ได้สูญเสียธรรมชาติริมฝั่งน้ำไปบ้าง
มีการจัดเวทีกลางน้ำขนาดใหญ่เพื่อจัดกิจกรรมลอยกระทงสาย
ไหลประทีปพันดวง
ซึ่งสวยสดงดงามตระการตาจากการลอยกระทงกะลาที่มีแสงไฟในค่ำคืนที่ปล่อยลอยเป็นสายติดกัน
ในช่วง 2-3 ปีนี้
ประเพณีการลอยกระทงสายของจังหวัดตากจึงมีนักทองเที่ยวหลั่งไหลกันมาชมมากจนที่พักไม่เพียงพอ
แออัดอย่างมาก
ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยได้ไปชมเท่าไหร่นักเพราะจะรอดูในทีวีมากกว่าเนื่องจากขี้เกียจเบียดเสียดผู้คน
หรือแม้แต่ลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟของสุโขทัยจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยไปชมทั้งที่เป็นคนสุโขทัย
ผมจะรอชมในทีวีเป็นส่วนใหญ่
ส่วนใหญ่ในแต่ละปีก็พาลูกๆไปชมสักพักหนึ่งแล้วก็กลับบ้าน
มาลอยกระทงที่ลำน้ำปิงที่ท่าน้ำบ้านตากกันทั้งครอบครัว
กิจกรรมวันลอยกระทงของจังหวัดตากเริ่มแล้วเมื่อวันที่ 12
พฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วยการมีขบวนแห่งนางนพมาศและขบวนการแสดงต่างๆที่น่าดู
สวยงาม มีการนำกิจกรรมแบบสมัยก่อนมาจำลองให้ดู ผมก็พาภรรยาและลูกๆ 3
คน ไปร่วมดูขบวนแห่ด้วย เด็กๆสนใจอยู่พักเดียว
ก็ไปเดินซื้อของแล้วก็กลับบ้าน
ผมคำนวณดูแล้วแต่ละขบวนไม่น่าใช้เงินต่ำกว่า 1 แสนบาท
ในการจัดทำและจัดเตรียม หรือน่าจะเกินกว่านั้นด้วยซ้ำ
คิดในใจแบบขวางโลกหน่อยก็คือถ้าเงิน 1
แสนบาทนี้ส่งไปให้โรงเรียนในสังกัดน่าจะสามารถพัฒนาการเรียนการสอนได้มาก
ผมเชื่อว่าในทุกจังหวัด อำเภอ ตำบลของประเทศไทยต่างก็จัดงานลอยกระทงกันทุกพื้นที่ มีขบวนแห่นางนพมาศ มีการประกวดเหมือนๆกัน ดังนั้นงบประมาณของท้องถิ่นในการจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีลอยกระทงหรือประเพณีอื่นๆที่มีอยู่ทั้งปี น่าจะเป็นร้อยล้านบาท คนไทยชอบสนุกสนาน จึงได้มีการจัดประเพณีต่างๆตามวิถีชีวิตขึ้นมา แล้วนำสิ่งที่หาได้ในท้องถิ่นช่วงนั้นๆมาประกอบการจัดกิจกรรมรื่นเริง ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทง สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา ดังนั้นงานประเพณีต่างๆจึงเป็นสิ่งสะท้อนวิถีชีวิตและความเป็นชุมชนของคนไทย
สมัยผมเป็นเด็ก กิจกรรมต่างๆในงานประเพณีเหล่านี้
ชาวบ้านจะร่วมกันจัดขึ้นโดยไม่มีงบประมาณมาให้ เป็นการลงขัน ลงแรง
ร่วมแรงร่วมใจกันของแต่ละหมู่บ้าน
เอาสิ่งที่มีอยู่ในชุมชนออกมาประดิษฐ์ประดอย ประกับประดา
ตามแต่จะหาได้ ไม่เน้นที่การประกวดเพื่อแย่งชิงรางวัล แต่เป็นการบูชา
เป็นการปฏิบัติตามธรรมเนียมไทยที่เป้าหมายอยู่ที่การบูชาแม่พระคงคาหรือบูชาพุทธศาสนามากกว่า
ทุกสิ่งที่ทำ
ทุกอย่างที่เห็นจึงได้สะท้อนวิถีชีวิตแห่งความเป็นไทยอย่างชัดเจน
ลึกซึ้ง ตรึงในความรู้สึก สร้างสำนึกผูกพันได้อย่างดี
ในหมู่บ้านผู้ชายออกไปเตรียมของหมู่บ้าน
ผู้หญิงจัดเตรียมในบ้านของตนเอง เด็กๆได้เรียนรู้จากพ่อแม่
ปู่ยาตายาย พอถึงเวลาค่ำๆก็นำชะลอมผ้าป่าไปถวายพระก่อน
เสร็จแล้วกลับมาชุมนุมกันที่ริมฝั่งน้ำ
ร้องเพลงรำวงกันอย่างสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่
แล้วจึงลอยกระทงร่วมกันทั้งคนในครอบครัวและในหมู่บ้าน
สมัยนี้ มีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น มีงบประมาณมาให้เพื่อธำรงไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันดี แต่เมื่อเงินมาวิถีประชาก็หายไป เอาเงินมาซื้อวัสดุเพื่อจัดทำ จ้างทำ เอาการเลียนแบบที่อื่นมาใช้ ปล่อยให้ความเป็นไทยเฉพาะที่สูญเสียไป บางทีแม้แต่นางนพมาศบางตำบลยังต้องไปขอยืมตัวมาจากที่อื่น ทำเหมือนสาวงามในหมู่บ้านตนเองไม่มีแล้ว เมื่อมีเงินมาให้ แกนนำเป็นพนักงานท้องถิ่นมีเงินเดือน เมื่อจะมาทำเรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นว่าเป็นงานคุณ ไม่ใช่งานเรา คุณมีเงินเดือนคุณก็ทำไป ยิ่งหากมีการแตกแยกมาจากการเลือกตั้งด้วยแล้ว ความร่วมมือจะเกิดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ความช่วยเหลือโดยรวมจะลดลงเพราะเกิดการได้หน้าได้ตา ดังนั้นสิ่งที่เห็นในประเพณีต่างๆในปัจจุบันจึงเป็นเสมือนการจ้างให้มาแสดงกิจกรรมประเพณีให้คนได้ดู คนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นคนแสดง คนอื่นๆกลายเป็นคนดู เหมือนเป็นคนละพวก เหมือนไปดูมหรสพที่มีคนเล่นกับคนดู แปลกแยกแตกกลุ่มกัน กลายเป็นตอนนี้ต้องใช้เงินจ้างให้มาแสดงตามประเพณีวัฒนธรรมเดิมๆ หากไม่มีเงินก็ไม่ร่วม ทั้งที่แต่เดิมทุกบ้านต่างก็ต้องทำกิจกรรมตามประเพณีนี้อยู่แล้ว
ทำอย่างไรจึงจะทำให้การแสดงที่ดีๆเหล่านี้
กลับเข้ามาเป็นวิถีชีวิตจริงของคนไทย ไม่มีคนแสดง ไม่มีคนดู
เพราะทุกคนต่างก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้เพราะมันเป็นวิถีชีวิต
เป็นประเพณี
เป็นวัฒนธรรมที่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนในตัวที่ต้องการให้คนไทยเราได้ใช้โอกาสสำคัญในการกตัญญูเวทิตาต่อแม่น้ำ
ได้พักผ่อนรื่นเริง ได้รวมกลุ่มสมาคมกันเมื่อพักจากงาน
ได้สร้างสามัคคีกัน เป็นระยะๆ ตามกิจกรรมของประเพณีที่เกิดขึ้น
เลิกดึงคนของหมู่บ้านให้เข้าไปรวมตัวกันเพื่อเป็นผู้ชมในตัวเมืองนานๆ
หลายวันหลายคืน
ทำให้เวลาที่จะมาคิดมาร่วมกิจกรรมประเพณีเล็กๆในหมู่บ้านถูกตัดทอนลง
คุณค่าของการลงขันทางปัญญา ลงแรงลงใจของคนในชุมชนจะได้กลับมา
สร้างความเข้มแข็งความสามัคคีให้ชุมชนไทยต่อไป
คงไม่ใช่แค่ลอยกระทงอย่างเดียว น่าจะเป็นทุกเทศกาล
ทุกประเพณีของไทยที่มีอยู่
เพราะไม่อย่างนั้นอีกหน่อยเราต้องไปดูวิถีไทยกันตามโรงละคร
ดูตามโรงแรมที่มีการแสดงเกี่ยวข้าว ไถนา ให้นักท่องเที่ยวดู
ซึ่งแบบนี้จะไม่ยั่งยืนเพราะเมื่อไม่มีคนดู
การแสดงนั้นต้องเลิกไป
แต่ถ้าเป็นวิถีชีวิตก็จะไม่ใส่ใจว่าใครจะดูหรือไม่ก็ตาม
แต่ก็จะทำเพราะมันคือชีวิตปะจำวัน