รีวิว Thor​ : Love​ and​ Thunder​ : ด้วยรักและอัสนี (2022)


รีวิว Thor​ : Love​ and​ Thunder​ : ด้วยรักและอัสนี (2022) ในครึ่งปีที่ผ่านมา Marvel Cinematic Universe ได้ปล่อยซีรีส์และหนังออกมาหลายเรื่อง แต่หลัง Avengers End Game จบลงก็มีความรู้สึกว่ามันขยายจักรวาลออกไปกว้างมาก ทั้งเรื่องของมัลติเวิร์สและเรื่องของเทพเจ้า จนมีความรู้สึกว่าเมื่อสเกลกว้างขนาดนี้ เขาจะมาขมวดรวมกันได้อย่างไร ซึ่งว่ากันว่า​ Thor​ : Love​ and​ Thunder​ จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ ที่จะเริ่มทำให้เส้นที่มันแตกออกไปกลับเข้ามารวมกันได้ใหม่อีกครั้ง

ดูคลิปรีวิวที่นี่
 

Thor​ : Love​ and​ Thunder​ เป็นหนังลำดับที่ 29 อย่างเป็นทางการของ Marvel Studio ภายใต้การควบคุมงานของเควิน​ ไฟกี​ และได้ไทก้า​ ไวตีติ​มาเป็นผู้กำกับ ที่หลังจากเข้ามาควบคุมดูแลธอร์ตั้งแต่ภาค Ragnarok  ก็ได้กำหนดแนวทางของธอร์ในแบบที่ถือว่าลงตัว และเป็นที่ชื่นชอบของคนดูไม่น้อย

หนังยังได้คริส แฮมเวิร์ธ​ มารับบท​ ธอร์​ และนาตาลี​ พอร์ทแมน​ ที่กลับมาสู้จักรวาลมาร์เวลอีกครั้งในบทไมตี้ธอร์​ สมทบด้วยเทสซา ธอมสัน​ในบทวัลคีรี​ และ คริสเตียน​ เบล​ ที่เปลี่ยนจากฮีโร่ฝั่ง D.C. มาสู่บทตัวร้ายฝั่ง Marvel ในบท กอร์ เดอะก็อดบุชเชอร์ หรือผู้สังหารเทพ​ และยังได้ดาราใหญ่อย่าง รัสเซล  โครว์​ มารับบทซุสอีกด้วย เรียกได้ว่า Thor​ : Love​ and​ Thunder คือศูนย์รวมดาราระดับคุณภาพอย่างแท้จริง

หนังเล่าเรื่องของธอร์ หลังจากเหตุการณ์ Avengers End Game เขาได้ออกร่วมกับทีม Guardians of the Galaxy เพื่อไปช่วยพิทักษ์จักรวาล จนวันหนึ่งเขาได้รับสารขอความช่วยเหลือว่า มีผู้ที่ออกตามล่าและสังหารเทพเจ้า ธอร์จึงออกตามล่าว่าใครเป็นผู้ที่ไลล่าสังหารเทพเจ้า​ จนนำพาเขากลับมาสู่นิวอัสการ์ดบนโลก และได้เจอเข้ากับสิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ ค้อนโยเนียร์ที่กลับมามีชีวิตชีวาพร้อมกับเจน​ ฟอสเตอร์​ หญิงสาวที่เคยเป็นคนรักของเขาในฐานะไมตี้ธอร์​ ธอร์​ และเจน​ ได้ร่วมกับ วัลคีรี ออกตามล่าผู้สังหารเทพเจ้าด้วย

ในการรีวิวครั้งนี้ผมจะขอรีวิวในลักษณะของจุดสังเกตบางประการที่น่าสนใจเป็นพิเศษแล้วกันนะครับ

อย่างแรกคือตอนเปิดเรื่อง มีการเล่าประวัติของตัวร้ายของเรื่องซึ่งจะมี ที่มาคล้าย ๆ กับในคอมมิคพอสมควรแม้จะก็ไม่เหมือนเป๊ะก็ตามที เป็นการอธิบายว่า ทำไม กอร์ เดอะก็อดบุชเชอร์ ถึง ได้รังเกียจรังชังเทพเจ้ายิ่งนัก และทำไมต้องออกล่าสังหารเทพเจ้าแบบให้ศูนย์พันธุ์กันไปเลย  ซึ่งนี่จะกลายเป็นปมสำคัญที่จะไปเคลียร์ปมในตอนท้ายเรื่องครับ

การเล่าเรื่องในภาคนี้ยังคงมีแนวทางเช่นเดียวกับภาค Ragnarok คือเน้นความฮาและความสนุกสนาน มีทั้งมุกที่ใส่มาให้ฮาแบบโครมใหญ่ และมุก 5 บาท 10 บาทที่หยอดมาเรื่อย ๆ ที่ผมถือว่าทำได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ คือดูสนุกได้ตลอดทั้งเรื่อง ในขณะที่การเล่าเรื่องในมุมของความดราม่าและการดึงอารมณ์ก็ทำได้ดีเช่นกัน ถึงแม้ว่าตัวผมเองจะรู้สึกว่ามันยังไม่สุดและไปได้มากกว่านี้​ก็ตาม

ประเด็นการได้พลังของเจน​ ฟอสเตอร์ ที่กลายมาเป็นไมตี้ธอร์​ เป็นการให้เหตุผลที่มีความน่าสนใจและน่าจะได้ ไอเดียส่วนหนึ่งมาจากในคอมมิค​ ซึ่งมันจะส่งผลต่อตัวของเจน ฟอสเตอร์เอง และจะกลายเป็นปมสำคัญในตอนท้ายเรื่องด้วย

อีกหนึ่งอย่างคือการปูความสัมพันธ์ของธอร์​กับฉากโรแมนติกของเรื่อง​ ผมว่าลงตัวกำลังดีเลย​ ที่สำคัญคือ​ นาตาลี​ พอร์ตแมน​ สวยมากกก​ และเทห์มาก​ ฉากเธอเจอธอร์มันให้ความรู้สึกถึงคนรักที่เคยห่างไกลได้กลับมาเจอกันจริง ๆ

มีการใช้เฉดสีในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจตั้งแต่การใช้โปสเตอร์โปรโมทจนถึงการใช้เฉดสีกับตัวละคร ที่มีความแตกต่างกันระหว่างฝั่งพระเอกที่ใช้สีสันมาก และการใช้สีขาวดำของฝั่งตัวร้าย ตรงนี้หนัง create ออกมาได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะฉากมิติของกอร์ ที่ได้พลังออกมาจากดาบสีดำที่ชื่อ​ "เนโคลสวอช" ซึ่งเป็นอาวุธที่ตัวร้ายในภาคนี้ใช้ มันโคตรเทห์​

โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นระหว่างอาวุธสายฟ้าของฝั่งธอร์กับอาวุธของฝั่งกอร์ทำออกมาได้โคตรสนุก

หนังมีจุดที่ควรจะต้องสังเกตเป็นพิเศษซึ่งเป็นจุดที่ผมเชื่อว่ามันจะเป็นการขมวดปมของหนังและซีรี่ส์หลายเรื่องจากค่าย ซึ่งตอนนี้มันกำลังกระจายออกไปในเรื่องของเทพเจ้าในซีรีส์และหนังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทพอียิปต์ใน Moon Night หรือรายละเอียดของ Eternal รวมถึงเรื่องของมิติทับซ้อน ถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้บอกโดยตรงว่ามันมีความเชื่อมโยงกันหมดหรือมีส่วนเชื่อมโยงยังไง อันนี้ต้องไปดูในหนังนะครับ

ตรงนี้ผมไม่ถือว่าสปอยล์นะ เพราะว่าในตัวอย่างมีอยู่คือจังหวะที่ธอร์​ไปพบกับซุส ตรงนั้นจะมีเทพจำนวนมากปรากฏร่วมอยู่ด้วย เรียกว่าเทพทั่วจักรวาลเลย​ก็ว่าได้ ตรงนี้ถ้าใครมีความรู้เกี่ยวกับเทพปกรณัมจะพอสังเกตได้ว่ามีเทพอะไรบ้าง​ แม้เทพเหล่านั้นจะไม่มีบทอะไร แต่จะมีการกล่าวถึงและคาดว่าในอนาคตน่าจะมีบทเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

และที่สำคัญมันจะมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า Celestials ซึ่งน่าจะเชื่อมไปถึงเรื่องราวของ Eternal ด้วย แม้จะไม่ได้บอกและพูดถึงโดยตรง แต่มันเป็นรายละเอียดในหนังที่เราจะต้องสังเกต​

ฉากเซอร์ไพรส์ในตอนไคลแมกซ์ของเรื่อง ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์จริง ๆ คือฉากตอนที่ธอร์ตามไปจัดการกับกอร์ในก่อนที่กอร์จะทำภารกิจของเขาสำเร็จ​ หนังได้ทำอะไรบางอย่างที่ผมถือว่าเซอร์ไพรส์มากและผมรู้สึกว่าชอบมากกกกก และเป็นอะไรที่ create สุด ๆ ตรงนี้คืออะไรต้องไปดูเอานะครับ​

ในส่วนของการดึงอารมณ์ในตอนสุดท้ายของ​หนัง​ ธอร์ก็ยังคง Concept ของความเป็นธอร์ที่ผมไม่ขอบอกนะครับว่ามันเป็นยังไง ถ้าบอกไปเดี๋ยวจะสปอยล์อีก

ในส่วนของตอนจบของเรื่อง อาจมีความรู้สึกขัดใจคนดูอยู่บ้าง ในส่วนตัวผมรู้สึกชอบที่จบแบบนี้ มันเป็นการต่อยอดและเติมเต็มที่ผมมีความรู้สึกว่ามันลงตัวได้พอดี และมันทำให้หนังของธอร์สามารถเดินไปต่อได้ และมันจะนำไปสู่ภาคต่อไปที่ดี

โดยสรุปนะครับ​ Thor​ : Love​ and​ Thunder​ ยังเป็นหนังที่สามารถต่อยอดมาจากภาค Ragnarok ได้ดี และยังคงความเป็นเอกลักษณ์ เล่าเรื่องด้วยความสนุกสนาน​ การเล่าเรื่องความรักและความดราม่าในตอนไคลแม็กซ์ของเรื่อง ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัวแม้จะรู้สึกไม่สุดก็ตาม การใช้เฉดสีในการเล่าเรื่องและการ create ฉากต่อสู้และอาวุธในภาคนี้ผมถือว่าทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก ตัวหนังถึงแม้จะไม่ได้มีการกล่าวถึงการขมวดปมจักรวาลโดยตรง แต่เราพอจะรู้แนวทางว่าในอนาคตหนังของ Marvel จะเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งซีรีส์และหนังของ Marvel​ โดยเฉพาะประเด็นของมัลติเวิร์สและเรื่องของเทพเจ้าในหนังเรื่องนี้ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไป หากใครเป็นแฟนมาร์เวลหรือไม่ใช่ แล้วอยากจะซึมซับความสนุกให้ได้มากที่สุด ผมบอกเลยว่าต้องไปดูในโรงเท่านั้นครับ

เรื่องนี้ผมให้​ 9/10 ครับ
@Sampan yingyut

ปล.​ End Credit มี 2 ตัวนะครับ ตัวที่ 1 จะเป็นการเปิดตัวตัวละครใหม่  ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงไปถึงหนังภาคต่อไปของธอร์แน่นอน ซึ่งอันนี้ต้องดู ส่วนตัวที่ 2 จริง ๆ ไม่ต้องดูก็ได้ แต่ผมไม่สามารถบอกตรงได้ เพราะถ้าบอกไปมันจะสปอยล์ตอนจบของหนัง​ครับ

#SuperReviewChannel
#ThorLoveAndThunder
#ด้วยรักและอัสนี

หมายเลขบันทึก: 705015เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 01:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 01:10 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท