รีวิว Prey (2022) เพรดเดเตอร์ ปะทะ โคแมนซี

รีวิว Prey (2022) นานมาแล้วว่ากันว่ามีอสูรเคยมาที่นี่" นี่คือเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเล่าขาน ของนักรบมากฝีมือในโคแมนซี ที่มุ่งหมายจะปกป้องผู้คนในเผ่าของเธอ จากนักล่าสุดอันตราย ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย และนี่ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าระหว่างนักล่าจากเผ่าโคแมนซี กับ Predator สุดยอดนักล่าระดับตำนาน ใครจะเป็นผู้อยู่สูงสุดของพีระมิดแห่งนักล่ากันแน่ เชิญรับชมรับฟังได้เลยครับ

ดูคลิปรีวิวที่นี่ 
 

#เปิดเผยเนื้อหาช่วงต้นเรื่อง
หนังเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปกว่าสามร้อยปีก่อนในสมัยที่ชนเผ่าพื้นเมืองในทวีปอเมริกายังเป็นอิสระเสรี ไม่มีชาวยุโรปเข้าไปเหยียบแผ่นดิน

นารู วัยรุ่นสาวที่เบื่อหน่ายหน้าที่ของผู้หญิงกับการหาเผือกหามันหาสมุนไพร อยากเป็นนักล่าแบบพี่ชาย เธอก็มักจะแอบหนีไปซ้อมขว้างขวานยิงธนูจนแม่นยำช่ำชองอยู่เป็นนิจ

วันหนึ่งขณะที่นารูกำลังเล็งธนูไปที่กวางตัว และในขณะกำลังง้างสายธนู เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างแหวกอากาศดังสนั่น เจ้ากวางก็เลยวิ่งหนีไป เธอก็ไล่ตามไปเรื่อย ๆ แต่กวางก็หลุดมือเธอไป เธอได้ยินเสียแหวกอากาศอีกครั้ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็เห็นบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่ไฟลุกไหม้ท่วมกำลังพุ่งแหวกอากาศผ่านเมฆไป แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป

มีอยู่วันหนึ่งนารูออกล่าสิงโตกับคนในเผ่า ซึ่งคนในเผ่าเชื่อว่าเจ้าสิงโตตัวนี้กำลังสร้างความเดือดร้อนให้ แต่ครั้งนี้นานูต้องล่าให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นนักล่ามากกว่าหญิงสาวเก็บสมุนไพร แต่เธอก็พลาดในการล่าสิงโต สร้างความเจ็บช้ำใจเข้าไปอีกเมื่อพี่เธอเป็นคนล่าอละตัดหัวสิงโตมาได้ แต่เธอก็รู้ว่าสิงโตตัวนี้ไม่ใช่ปัญหาของชนเผ่า เพราะปัญหานั้นก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทที่มีรอยเท้าใหญ่กว่าหมีซะอีก

ในระหว่างการล่าสัตว์ที่นารูก็ไม่รู้ว่าคือตัวอะไร เธอกลับถูกหมีตัวใหญ่ล่าไล่ซะเอง เธอก็พยายามหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต ระหว่างที่กำลังจะจวนตัวนั้น เจ้าหมีตัวนั้นก็ล้มลงแน่นิ่ง แล้วเธอก็เห็นบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่เรืองแสง ยกร่างเจ้าหมีนั้นชูขึ้นเหนือหัว นั้นคืออสูรร้ายนักล่าที่มาจากนอกโลกที่เรารู้จักกันในนาม Predator

แล้วเจ้า Predator ก็ไล่ล่านารู พี่ชายของเธอ และทุกคนในเผ่า ซึ่งเธอจะต่อกรกับเจ้า Predator นักล่าในตำนานอย่างไร เชิญติดตามรับชม Prey ต่อได้ทาง Disney plus Hotstar ได้เลยครับ

#ความรู้สึกหลังดู
Prey กำกับโดย แดน แทคเทินเบิร์ก (Dan Trachtenberg) ที่เคยฝากผลงานมาแล้วกับหนังระทึกขวัญเรื่อง 10 Cloverfield Lane (2016) ว่าด้วยเรื่องราวของชายคนหนึ่งจับหญิงสาวมาขังไว้ในห้องใต้ดินที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างแน่นหนาโดยเฉพาะ ก็นับว่าเป็นหนังที่ลุ้นระทึกและสนุกมาก แถมยังหักมุมอีกด้วย แต่เสียดายที่ โปสเตอร์หนังสปอยหนังเกินไป จนความเซอร์ไพรส์หายไปเยอะ

โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องวิธีการต่อสู้หรือการไล่ล่าทั้งหมดก็นับว่าสนุกดี มีการไล่ล่ากันไปมา ระหว่างนักล่าของชนเผ่ากับ Predator หนังสามารถสร้างความสนุกความลุ้นระทึกให้กับเราได้อย่างมากก็เพราะว่า Predator มันคือนักล่าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและให้อาวุธสุดไฮเทค แต่นารูและชายนักล่าชนเผ่าของพวกเธอ ก็มีเพียงแค่ธนูหน้าไม้ ขวาน และหอกเพียงเท่านั้น การที่ทำให้มีความห่างชั้นมากขนาดนี้ มันก็เลยทำให้เราเอาใจช่วยนารูและพวกพ้องอยากมาก ๆ และขอบอกว่าฉากไล่ล่า ฉากการต่อสู้นั้น มีให้เราชมได้อย่างจุใจ

แต่อย่างไรก็ตามหนังก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่านักล่าทั้งสองสายพันธุ์นี้มันห่างชั้นกันเกินไปนัก เพราะหนังเขาได้ให้ไอเทมสุดกับนารูมามาก ราวกับว่าเราจ่ายเงินเติมเกมซื้อไอเทมขั้นสุดให้กับตัวละครที่เราเล่นจนหมดเงินไปเป็นล้านนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ด้านสมุนไพรที่สามารถเอามาใช้รักษาแผลหรืออาการบาดเจ็บได้อย่างทันท่วง ความสามารถในการแกะรอย ความสามารถในการขยับตัวเคลื่อนไหวเข้าข้องว่องไว หลบหนีได้รวดเร็ว ความสามารถในการขว้างขวานได้อย่างแม่นยำ ความสามารถในการยิงธนูได้ราวกับจับวาง และที่สำคัญคือให้ความสามารถในด้านการช่างสังเกตการคิดวิเคราะห์ ดังนั้นมันจึงเป็นการเปรียบเทียบการต่อสู้ระหว่างเทคโนโลยีสุดล้ำกับมันสมองและความสามารถเฉพาะบุคคลว่าสิ่งไหนจะเป็นฝ่ายชนะ

นอกจากเนื้อเรื่องที่ทำให้เราลุ้นระทึกแล้ว ก็ต้องขอชื่นชมทีมงานในการเลือกโลเคชั่นในการถ่ายทำ ซึ่งถือว่าสวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวภูเขา ป่า แม่น้ำ ผนวกกับการถ่ายภาพที่สวยงาม ให้เห็นภาพพื้นที่ในมุมกว้างก็เพิ่มความสวยงามให้กับหนังมากขึ้นไปอีกทวีคูณ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า เราเข้าไปอยู่ในช่วงกว่า 300 ปีในแผ่นดินอเมริกาจริง ๆ และต้องชมว่า CG สมจริงสมจังมาก เรียกได้ว่าด้าน Production ของ Prey ไม่แพ้ภาพยนตร์เรื่องใดเลย

และยังเพิ่มความสมจริงให้กับหนังเข้าไปอีกก็คือ การใช้นักแสดงที่มีเชื้อสายเป็นชนพื้นเมืองของชาวอเมริกา หรือจะเรียกเหมาเหมาว่าชาวอินเดียแดง ก็ได้ มันก็ทำให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในช่วงเวลาหนังที่เขากำลังนำเสนอได้แบบจริง ๆ

แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือสาส์นสำคัญหรือปรัชญาสำคัญของเรื่องนั้นเอง

#สาส์นและปรัชญาสำคัญ
หนังได้พูดเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับห่วงโซ่ของนักล่าว่า นักล่าสูงสุดชนิดใดที่จะอยู่บนยอดของพีระมิด  ไม่ว่าจะเป็นคนล่าสัตว์ สัตว์ล่าคน หนูล่ามด งูล่าหนู Predator ล่าคน คนล่า Predator และมันก็ไม่แน่เสมอไปว่าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงสุดของห่วงโซ่นักล่าแล้วจะเป็นผู้ล่าคนอื่นเสมอไป  อาจจะเป็นเหยื่อที่ถูกนักล่าชนิดอื่นมาล่าเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นเราจึงได้เห็นปรัชญาระดับชั้นของผู้ล่าหรือห่วงโซ่ของผู้ล่าแทบตลอดทั้งเรื่อง

หนังได้พูดปรัชญาของการพิสูจน์ตัวเอง เหมือนที่นารูต้องการจะพิสูจน์ว่าตนก็เป็นนักล่าเช่นชายทุกคนในเผ่าหนือแม้แต่พี่ชาย แต่ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงจึงถูกสั่งสอนมาให้ทำอีกแบบคือเก็บสนุนไพร แถมยังถูกพี่ชายและแม่เป่าหูอยู่ตลอดเวลาว่าเธอไม่สามารถทำได้ เธอจึงมีความกระหายในการอยากล่าสัตว์เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเธอนั้นก็เป็นนักล่าที่เก่งไม่แพ้พี่ชาย

ซึ่งการพิสูจน์ตัวเองของสังคมสมัยโบราณนั้นก็เปรียบเสมือนกับพิธีกรรมผ่านภาวะ (rite of passage) หากมีการล่าสัตว์ใหญ่หรือที่ดุร้ายได้ก็จะเป็นที่ยอมรับของผู้คนในกลุ่ม และเสมือนว่าผ่านจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งวัฒนธรรมเช่นนี้ก็มีอยู่ทั่วไปทุกมุมโลก

หากเราลองสังเกตให้ดีภาพยนตร์ชุด Predator ก็ได้อธิบายถึงการพิสูจน์ตัวเองเอาไว้ ก่อนหน้านี้ก็คือ Predater vs Alien ซึ่งเหล่า Predator นำเจ้า Alien มาปล่อยบนโลก ใช้สำหรับให้ Predator ใช้ล่า ใช้ซ้อมการต่อสู้ และถ้าล่าได้ Predator ก็จะกลายเป็นนักรบและนักล่าที่แท้จริง

แต่ปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับการล่าและการพิสูจน์ตัวเองนี้ ใน Prey เหนือชั้นกว่าตรงที่แม่ได้พูดกับนารูว่า หัวใจของการล่าที่แท้จริงก็เพื่อการเอาตัวรอดต่างหาก

#การให้คะแนน
เอาเป็นว่า Prey คือหนึ่งในหนังจากเฟรนไซน์ของ Predater ที่ดีงามที่สุดในด้านความหมายและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่ผู้ล่า ส่วนในด้านความสนุกและความลุ้นระทึกนั้นก็เป็นรองเพียงแค่ Predator: คนไม่ใช่คน (1987) ฉบับที่อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์แสดงนำก็เท่านั้นเอง 
 
8/10
@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel
#Prey2022
#Predator