ผมสอนมาหลายปี เพิ่งจะพบเจอเด็กธรรมดาทึ่ไม่ธรรมดา เฝ้าสังเกตมาสองเดือนเต็ม เท่านั้นยังไม่พอ ผมตามไปดูถึงที่บ้าน ประจักษ์แจ้งแก่สายตาจริงๆ
โรงเรียนขนาดเล็กในหมู่บ้าน ครูมีโอกาสพบพานนักเรียนที่เป็นเลิศค่อนข้างยาก หากมีสักคนก็ถือว่าดีแล้ว ซึ่งผมพบที่ชั้น ป.๑ ชื่อเด็กชายปั้น ผมคุ้นเคยกับชื่อนี้ ส่วนชื่อจริงผมยังจำไม่ได้เลย ทั้งที่สอนการอ่านเด็กชายปั้นกับเพื่อนๆทุกวัน
ครูประจำชั้นอนุบาล ๓ เมื่อปีที่แล้ว กับครูป.๑ ปีนี้ พูดตรงกันว่า ปั้นออกจะซนและพูดมาก ใจร้อน ผมต้องเรียกให้มานั่งใกล้ๆแล้วคอยปราม เตือนให้ปั้นตั้งใจเรียน
นี่คือความธรรมดาของเด็กป.๑ ที่ผมต้องสนใจเป็นพิเศษ เพื่อให้บรรยากาศการสอนเป็นไปด้วยความราบรื่นและเรียบร้อย
ยิ่งสอนก็ยิ่งแปลกใจ ปั้นฉายแววแบบที่ไม่ต้องหนักใจเลย ตั้งใจเรียน มีความกระตือรือร้นในการอ่านหนังสือทุกวัน ส่งผลให้จดจำพยัญชนะและสระได้แม่นยำมาก
ปั้น..โดดเด่นกว่าเพื่อนทุกคน ในด้านการอ่านคล่อง เสียงดังฟังชัด สะกดคำได้เร็วมาก อ่านเนื้อเรื่องในบทเรียนได้อย่างรวดเร็ว ผมสนใจพัฒนาการของปั้น เพราะปั้นไม่เหมือนเด็กคนอื่น
ผมทราบเรื่องจากชาวบ้าน ทำให้สงสารปั้นอย่างจับใจ พอปั้นไม่ดื้อไม่ซน ก็ยิ่งทำให้ผมรักปั้นมากขึ้นไปอีก...ปั้นกำพร้าแม่มาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงขวบ พ่อถูกจำคุกที่เรือนจำ จ.สุพรรณบุรี
พอผมกับปั้นเริ่มสนิทกัน ผมก็ออกปากชมปั้นว่า ปั้นเป็นเด็กดีมากๆ ช่วยครูดูแลเพื่อนที่อ่านไม่คล่อง ปั้นจะไม่รำคาญ ไม่เบื่อหน่าย ที่เห็นเพื่อนอ่านไม่ได้หรืออ่านได้ช้ากว่าปั้น ความที่ปั้นพูดเก่งอ่านเก่ง เพื่อนจึงรักและยอมรับในตัวปั้นกันทุกคน
“เล่าให้ครูฟังซิ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อเธอ” ผมถามปั้นขณะที่นั่งคุยกันอยู่สองคน
“พ่อผมขายยาบ้าครับ อาผมเตือนแล้วแต่พ่อไม่เชื่อครับ” ปั้นพูดไปยิ้มไป
“แล้วไงอีก..ตำรวจไปเจอที่ไหนล่ะ” ผมถาม เพราะอยากให้ปั้นได้เล่าประสบการณ์บ้าง
“พ่อไปขึ้นต้นตาลกับเพื่อนๆครับ พอดีพ่อหันหน้าไปที่ต้นตาล ตำรวจแอบมาข้างหลัง คนอื่นเห็นตำรวจก่อนแต่พ่อไม่เห็น พ่อก็เลยหนีไม่ทันครับ” ปั้นเล่าเหมือนกับว่าได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย “เดี๋ยวพ่อก็ได้ออกมาแล้วปั้น ไม่นานหรอก” ผมพูดให้กำลังใจปั้น
“ผมอยากไปเยี่ยมพ่อครับ”
ผมดึงปั้นเข้ามากอด นึกคำพูดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี รู้แต่ว่าเวลานี้ ปั้นอ่านดี ลายมือสวยและพูดรู้เรื่อง พูดจนครูเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง ที่ขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อและแม่
คำพูดของปั้นทำให้ผมตัดสินใจไปเยี่ยมปั้นที่บ้าน ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ปั้นอยู่กับย่าและอาผู้ผู้หญิงซึ่งเป็นน้องแท้ๆของพ่อ
อาของปั้นมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ต้องทิ้งงานกลับมาดูแลแม่ พอกลับมาก็เจอปัญหา ต้องดูแลปั้นด้วยอีกคน ชีวิตจึงค่อนข้างลำบากแต่ก็ต้องอดทน
บ้านของปั้นสะอาด จัดเก็บข้าวของได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างบ้านมีเล้าไก่และผักสวนครัวเต็มไปหมด ผมให้ปั้นมานั่งใกล้ๆผมที่แคร่มีย่าและอาของปั้นนั่งอยู่ด้วย
“ปั้นทำอะไรมาล่ะกางเกงเปียกเลย” ผมถาม
“ผมเลี้ยงไก่กับรดน้ำผักครับ” ปั้นตอบอย่างฉะฉานเหมือนเป็นงานที่ปั้นคุ้นเคย
“งานเก็บกวาดในบ้านก็ช่วยดีหรอกค่ะครู เสียอย่างเดียวซนไปหน่อย” อาพูดขึ้น ทำให้ปั้นทำตาปริบๆ “อยู่ที่โรงเรียนไม่ซนเลยนะครับ” ผมต้องรีบบอกอาให้เข้าใจ
“เมื่อวานบอกคิดถึงพ่อ” อาพูดพร้อมกับมองไปที่ปั้นซึ่งกำลังนั่งก้มหน้า
“อีกนานไหมครับ กว่าพ่อของปั้นจะกลับมา”
“ประมาณปีกว่าๆ.ค่ะ.... ปั้นเรียนเป็นไงบ้างคะครู”
“เรียนดีมากครับ ผมจะมาขอบคุณอา ที่ดูแลการเรียนของปั้นเป็นอย่างดี ไม่เคยขาดเรียนเลย สุขภาพก็แข็งแรง มีน้ำใจ ช่วยครูแนะนำเพื่อนที่อ่านหนังสือไม่ได้ด้วยครับ”
“มาถึงบ้านก็จะให้ทำการบ้าน ก่อนนอนจะให้อ่านหนังสือให้ฟังทุกคืน ต้องคอยเคี่ยวเข็ญอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นจะไม่ยอมอ่าน”
ผมกับปั้นเดินเล่นรอบบ้านอยู่พักใหญ่ ก่อนกลับผมขอจับมือปั้น ด้วยความรู้สึกชื่นชมจากใจจริง ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วและเห็นภาพชัดเจน ถึงสาเหตุว่าทำไมปั้นจึงรักเรียนและอ่านหนังสือเก่ง ทุกครอบครัวล้วนมีปัญหา ขึ้นอยู่กับว่าสมาชิกภายในบ้านจะร่วมกันฟันฝ่าและมองไปในทิศทางใด....
การให้ความรักความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่ให้ลูกหลานได้รับการศึกษา คือสิ่งที่ถูกต้อง และเด็กชายปั้น ชั้น ป.๑ ก็ได้รับสิ่งนั้นอย่างครบถ้วน...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๖ สิงหาคม ๒๕๖๕
ไม่มีความเห็น