หน้าแรก
สมาชิก
"คนเมืองน้ำดำ"
สมุด
รวมสารพัดเรื่องรา...
"ลิเก"
"คนเมืองน้ำดำ"
นาย ทรงศักดิ์ ภูเก้าแก้ว
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
"ลิเก"
“ลิเก”
- ลิเก
เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า ลิเก เพี้ยนมาจากคำว่า ذکر (
เษกรฺ
) ในภาษา
เปอร์เซีย
ที่ยืมมาจากคำว่า ذِكْر (
ษิกรฺ
) ใน
ภาษาอาหรับ
อันหมายถึงการอ่านบทสรรเสริญเป็นการรำลึกถึง
อัลลอหฺ
พระเจ้าใน
ศาสนาอิสลาม
พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์
ก็ได้กล่าวถึงลิเกไว้ ว่า พวกมุสลิมนิกาย
ชีอะห์
หรือเจ้าเซ็นจาก
เปอร์เซีย
นำสวดลิเกที่เรียกว่า
ดิเกร์
เข้า มาในสมัยรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ก็ทรง บันทึกว่า ยี่เกนั้น เพี้ยนมาจาก จิเก
- มีบันทึกว่า พวก
แขกเจ้าเซ็น
ได้สวดถวายตัวในการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2423 ต่อมาคิดสวดแผลงเป็นลำนำต่าง ๆ คิดลูกหมดเข้าแกมสวด ร้องเป็นเพลงต่างภาษา และทำตัวหนังเชิด โดยเอารำมะนาเป็นจอก็มี ลิเกจึงกลายเป็นการเล่นขึ้น ต่อมามีผู้คิดเล่นลิเกอย่างละคร คือ เริ่มร้องเพลงแขก แล้วต่อไปเล่นอย่างละครรำ และใช้ปี่พาทย์อย่างละคร
** ความสัมพันธ์ระหว่างลิเกภาคใต้ กับลิเกภาคกลาง
-
โดยทั่วไปการรับรู้ของ สังคมไทยผ่านสื่อสารมวลชน แบบเรียนการศึกษา ถูกทำให้เชื่อว่าลิเก เป็นการละเล่นพื้นบ้านของผู้คนในแถบ พื้นที่ภาคกลาง -บทความชิ้นนี้ต้องการนำเสนอข้อมูลที่แสดงถึงพลวัตของการแสดงลิเกในประเทศไทย รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่าง “ลิเกภาคกลาง” กับ “ลิเกภาคใต้” โดยมีข้อมูลยืนยันว่า “ลิเก” มีต้นกำเนิดมา จากชาวมุสลิมพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และบทความยังได้นำเสนอประวัติความเป็นมาของ “ลิเกคณะแก้วราหู” ซึ่ง เป็นลิเกคณะเก่าแก่ของภาคใต้ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา..ฯลฯ
การแสดงลิเก
ลิเกนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม เลียนแบบเครื่องทรงกษัตริย์ จึงเรียกว่าลิเกทรงเครื่อง บางครั้งก็ลดเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวลงไป
“ชนิดของลิเก”
- ลิเกบันตน
เริ่มด้วยร้องเพลงบันตน(เพี้ยนจาก ปันตน)เป็น
ภาษามลายู
ต่อมาก็แทรกคำไทยเข้าไปบ้าง ดนตรีก็ใช้
รำมะนา
จากนั้นก็แสดงเป็นชุด ๆ ต่างภาษา เช่น แขก ลาว มอญ พม่า ต้องเริ่มด้วยชุดแขกเสมอ ผู้แสดงแต่งตัวเป็นชาติต่าง ๆ ร้องเอง พวกตีรำมะนาเป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงบันตนแทรกระหว่างการแสดงแต่ละชุด
-
ลิเกลูกบท
คือ การแสดงผสมกับการขับร้องและบรรเลงเพลงลูกบท ร้องและรำไปตามกระบวนเพลง ใช้ปี่พาทย์ประกอบแทนรำมะนา แต่งกายตามที่นิยมในสมัยนั้นๆ แต่สีฉูดฉาด ผู้แสดงเป็นชายล้วน เมื่อแสดงหมดแต่ละชุด ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลง 3 ชั้นที่เป็นแม่บทขึ้นอีก และออกลูกหมดเป็นภาษาต่าง ๆ ชุดอื่น ๆ ต่อไปใหม่
- ลิเกทรงเครื่อง
เป็นการผสมผสาน ระหว่างลิเกบันตนและลิเกลูกบท มีท่ารำเป็นแบบแผน แต่งตัวคล้ายละครรำ แสดงเป็นเรื่องยาวๆ อย่างละคร เริ่มด้วยโหมโรงและบรรเลงเพลงภาษาต่างๆ เรียกว่า "ออกภาษา" หรือ "ออกสิบสองภาษา" เพลงสุดท้ายเป็นเพลงแขก พอปี่พาทย์หยุด พวกตีรำมะนาก็ร้องเพลงบันตน แล้วแสดงชุดแขก เป็นการคำนับครู ใช้ปี่พาทย์รับ ต่อจากนั้นก็แสดงตามเนื้อเรื่อง ลิเกที่แสดงในปัจจุบันเป็นลิเกทรงเครื่อง
-
ลิเกป่า
เป็นศิลปะการแสดงที่เคยได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและ จังหวัดทางภาคใต้ทั่ว ๆ ไป แต่ในปัจจุบันลิเกป่ามีเหลืออยู่น้อยมาก ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เดิมลิเกป่าจะมีแสดง ให้ดูทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นบวชนาค งานวัด หรืองานศพ ลิเกป่ามีเครื่องดนตรีประกอบการแสดง 3 อย่าง คือ กลองรำมะนา 1-2 ใบ ฉิ่ง 1 คู่ กรับ 1 คู่ บางคณะอาจจะมีโหม่ง และทับด้วย ลิเกป่ามีนายโรงเช่นเดีวกับหนังตะลุง และมโนราห์ และโร สำหรับการแสดงก็คล้ายกับโรงมโนราห์ ผู้แสดงลิเกป่า คณะหนี่งมีประมาณ 6-8 คน ถ้ารวมลูกคู่ด้วยก็จะมีจำนวนคนพอ ๆ กับมโนราห์หนึ่งคณะ การแสดงจะเริ่มด้วยการโหมโรง "เกริ่นวง" ต่อจากเกริ่นวงแขกขาวกับแขกแดงจะออกมาเต้นและร้องประกอบ โดยลูกคู่จะรับไปด้วย หลังจากนั้นจะมีผู้ออกมาบอกเรื่อง แล้วก็จะเริ่มแสดงเลย
“ส่วนประกอบในการแสดง”
-วิธีแสดง
เดินเรื่องรวดเร็ว ตลกขบขัน การแสดงเริ่มด้วยโหมโรง 3 ลา จบแล้วบรรเลงเพลงสาธุการ ให้ผู้แสดงไหว้ครู แล้วจึงออกแขก บอกเรื่องที่จะแสดง ในอดีตมีการรำถวายมือหรือรำเบิกโรง แล้วจึงดำเนินเรื่อง ต่อมาการรำถวายมือก็เลิกไปออกแขก แล้วก็จับเรื่องทันที การร่ายรำน้อยลงไปจนเกือบไม่เหลือเลย คงมีเพียงบางคณะที่ยังยึดศิลปะการรำอยู่
-ผู้แสดง
เดิมใช้ผู้ชายล้วน ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ให้บุตรสาวชื่อละออง แสดงเป็นตัวนางประจำคณะ ต่อมาคณะอื่นก็เอาอย่างบ้าง บางคณะให้ผู้หญิงเป็นพระเอก เช่น คณะกำนันหนู บ้านผักไห่ อยุธยา การแสดงชายจริงหญิงแท้นั้น คณะหอมหวน นาคศิริ เริ่มเป็นคณะแรก ผู้แสดงต้องมีปฏิภาณในการร้องและเจรจา ดำเนินเรื่องโดยไม่มีการบอกบทเลย หัวหน้าคณะจะเล่าให้ฟังก่อนเท่านั้น นอกจากนี้ การเจรจาต้องดัดเสียงให้ผิดปกติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของลิเก แต่ตัวสามัญชนและตัวตลกพูดเสียงธรรมดา ในยุคหลังจากนั้นก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยการเกิดรายการลิเกทาง
โทรทัศน์
ขึ้นมาเช่น ลิเกรวมดาวของ คุณ
วิญูญู จันทร์เจ้า
โดยมี สมศักดิ์ ภักดี เป็นพระเอกลิเกคนแรกของประเทศไทยที่ได้ออกโทรทัศน์ และต่อมาก็เริ่มมีคณะลิเกรุ่นใหม่ๆรวมถึงลิเกเด็กเกิดขี้นมาตามลำดับเช่น คณะลิเก
ไชยา มิตรชัย
คณะลิเก
กุ้ง สุทธิราช วงศ์เทวัญ
คณะลิเกเด็ก
วัดสวนแก้ว
คณะลิเก
ศรราม-น้ำเพชร
ฯลฯ
- เพลงและดนตรี
ดำเนินเรื่องใช้
เพลงหงส์ทอง
ชั้นเดียว แต่ดัดแปลงให้ด้นได้เนื้อความมาก ๆ แล้วจึงรับด้วยปี่พาทย์ แต่ถ้าเล่นเรื่องต่างภาษา ก็ใช้เพลงที่มีสำเนียงภาษานั้นๆ ตามท้องเรื่อง แต่ด้นให้คล้ายหงส์ทอง ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ได้ดัดแปลงเพลงมอญครวญของลิเกบันตนที่ใช้กับบทโศก มาเป็นเพลงแสดงความรัก
- เรื่องที่แสดง
นิยมใช้เรื่องละครนอก ละครใน และเรื่องพงศาวดารจีน มอญ ญวน เช่น
สามก๊ก
ราชาธิราช
ฉันใดเวือง
- การแต่งกาย
แต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม เลียนแบบเครื่องทรงกษัตริย์ จึงเรียกว่าลิเกทรงเครื่อง บางครั้งก็ลดเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวลงไป โดยตัวนายโรงยังแต่งเลียนแบบเครื่องทรงของกษัตริย์ในส่วนที่มิใช่เครื่องต้น เช่น นุ่งผ้ายกทอง สวมเสื้อเข้มขาบหรือ
เยียรบับ
แขนใหญ่ถึงข้อมือ คาดเข็มขัดนอกเสื้อ ประดับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ต่าง ๆ แต่ดัดแปลงเสียใหม่ เช่น เครื่องสวมศีรษะ เครื่องประดับหน้าอก สายสะพาย เครื่องประดับไหล่ ตัวนางนุ่งจีบยกทอง สวมเสื้อแขนกระบอกยาว ห่มสไบปักแพรวพราว สวม
กระบังหน้า
ต่อยอด
มงกุฎ
ที่แปลกกว่าการแสดงอื่น ๆ คือสวมถุงเท้ายาวสีขาวแทนการผัดฝุ่นอย่างละคร แต่ไม่สวมรองเท้า
- สถานที่แสดง
ลานวัด ตลาด สนามกว้าง ในโทรทัศน์ ฯลฯ โดยปลูกเพิงสูงระดับตา ด้านหน้าเป็นที่แสดง ด้านหลังเป็นที่พักที่แต่งตัว มีฉากเป็นภาพเมือง วัง หรือป่าเขาลำเนาไพร
*ตัวอย่างการแสดงลิเก..
เขียนใน
GotoKnow
โดย
"คนเมืองน้ำดำ"
ใน
รวมสารพัดเรื่องราว และ นานาสาระ
คำสำคัญ (Tags):
#"ลิเก"
หมายเลขบันทึก: 703103
เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2022 16:04 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2022 06:03 น. (
)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
หน้าแรก
สมาชิก
"คนเมืองน้ำดำ"
สมุด
รวมสารพัดเรื่องรา...
"ลิเก"
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท