ภาพจำยังฝังใจ ในยุคสมัยที่เรียนชั้นประถมฯครูจะแจกเสื้อผ้าให้นักเรียนที่ยากจน วันนั้น ผมอยากจะบอกตัวตนให้ครูเห็น จึงใส่ชุดนักเรียนที่เก่าและขาดวิ่น โดยเฉพาะกางเกงที่ปะแล้วปะอีก
แต่ครูไม่แจกชุดใหม่ให้ผม ..ตลอดการเรียนชั้น ป.๑ – ป.๗ ผมจึงไม่เคยได้อะไรจากครู นอกจากความรู้ ที่ทำให้ผมอ่านออกเขียนได้ ในสายตาของครู ผมรู้ว่าครูคิดว่าผมเป็นลูกของพ่อที่เป็นลูกจ้างประจำของรัฐ ...ที่ยังยากจนไม่พอ
ครูไม่เคยมาเยี่ยมบ้านผมเลย...แต่ผมก็ไม่เคยถือโทษโกรธครู เพราะครูเหนื่อยที่จะต้องจริงจังกับการสอน มีความดุดันและมุ่งมั่นมากกว่าการเอื้ออาทร ดังนั้น...บ้านเด็กอย่างผม..จึงไม่เคยอยู่ในสายตาของครูอยู่แล้ว
วันนี้..ขอบคุณ สพฐ.ศธ. ที่มีโครงการ “เยี่ยมบ้านนักเรียน” ไม่เพียงสนองนโยบายการบริหารจัดการงบประมาณช่วยเหลือเด็กยากจนเท่านั้น แต่มันคือกลไกของการศึกษา ที่ช่วยให้เข้าถึงโอกาสอันดีงามระหว่างศิษย์กับครู... บ้านกับโรงเรียน
เด็กมาเรียนทุกวัน..ด้วยเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่สะอาดเรียบร้อย แต่พอย้อนกลับไปดูที่บ้านของเขา...เป็นภาพที่ตัดกันอย่างสิ้นเชิง....มันคือนัยสำคัญของความร่วมมือที่ผู้ปกครองมอบให้โรงเรียน ถึงแม้จะไม่ค่อยมีกินมีใช้ แต่เพื่อการศึกษาของลูกหลาน ก็ต้องอดทน..ให้ถึงที่สุด
เด็กที่ขาดเรียนบ่อย กับสภาพบ้านที่เห็นและเป็นอยู่ ไม่เคยย้อนแย้งกันเลย มันคือข้อมูลพื้นฐานที่จะทำให้ครูเข้าใจ..ว่าชีวิตจริงมันยิ่งกว่า..ละคร
โรงเรียนขนาดเล็ก เด็กทุกคนมีคุณค่า..ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ..ผมฉุกคิด เพราะผมสอน ป.๑ – ป.๓ ทุกวัน มองใบหน้าของเด็กที่ไร้เดียงสา ตั้งใจอ่านแจกลูก สะกดคำ อ่านเรื่องราวที่ครูสอนอย่างพร้อมเพรียง เหมือนทุกคนต้องการ..การยอมรับจากครู
บ่อยครั้งที่ผมคิด...ถ้าไม่มีพวกเขา...เราจะมีโรงเรียนหรือไม่? ถ้าไม่มีเขา เราจะมีงานทำ มีเงินใช้ มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศอยู่ในวงการวิชาชีพมากน้อยแค่ไหน?
ขณะที่สอน..ผมก็รู้อยู่เต็มอก ว่าเด็กคนนี้ อยู่กับลุงป้าน้าอา...พ่อกับแม่หย่าร้างกันไปนานแล้ว ไม่เคยกลับมาดูแลลูกเลย
เด็กหลายคน..อยู่กับปู่ย่าตายาย...นานเหลือเกินที่จะได้เห็นพ่อหรือแม่แท้ๆกลับมาบ้าน ให้ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบครอบครัว
เด็กบางคน...ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยถูกทอดทิ้งจากพ่อแก่แม่เฒ่าที่เขาเรียกว่าพ่อและแม่ได้อย่างเต็มปาก ต่างดูแลทะนุถนอม กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต
ในระหว่างทาง ที่ผมส่งเสริมสติปัญญาพวกเขา มันอาจจะมากเกินพอแล้วด้วยซ้ำ แต่สภาพจิตใจ..เราในฐานะ ผอ.รร. เราได้เข้าถึงและดูแลจิตใจเด็กพวกนี้..มากน้อยแค่ไหน?
ความรู้สึกในตอนนี้...ครูอยากจะกอดพวกเธอทุกคน ขอบคุณที่มาเรียน ขอบคุณที่อ่านหนังสือให้ครูฟัง และขอบคุณที่เป็นเด็กดีของครู...นะครับ
ครูอ่านจากสายตาพวกเธอ ครูจึงรู้...ว่าพวกเธอต้องการความรักความอบอุ่นใจมิใช่น้อย ต้องการความปลอดภัยและต้องการความเป็นกันเองจากครู...ครูจึงพร้อมที่จะเป็นพ่อแม่คนที่สองของเธอ
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ครูจะบอกครูประจำชั้นของเธอ....หาเวลากอดพวกเธอบ้าง..โรงเรียนจึงจะเป็นโรงเรียนที่สมบูรณ์...ที่ไม่ใช่ให้แต่ความรู้..แต่คือสถานที่ที่มอบความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ บนพื้นฐานของความพอดีและพอเพียง
อันจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัย ที่จะช่วยเสริมสร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียมอย่างแท้จริง
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
ไม่มีความเห็น