วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2565) ผมออกแบบกิจกรรม “บ้านหลังเรียน” โดยมุ่งให้เด็กและเยาวชน หรือแม้แต่นิสิตได้เรียนรู้ “ตัวตนของตนเอง” ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ “สถานที่สำคัญในหมู่บ้าน” โดยใช้ “สวนลุงวิทย์” เป็นโจทย์การเรียนรู้ (ฐานการเรียนรู้)
ผมและทีมกระบวนกร สร้างโจทย์การเรียนรู้ง่ายๆ ให้กับนักเรียนและนิสิตภายใต้หัวข้อกว้างๆ คือ “ให้เขียนชื่อผัก ผลไม้ที่ชื่นชอบ หรือที่ชอบรับประทาน”
ทั้งนี้ให้แต่ละคนเขียนชื่อผักผลไม้ลงในสมุดบันทึกประจำตัวของแต่ละคน โดยบอกกล่าวเพิ่มเติมว่า “หากสามารถวาดภาพประกอบได้ ก็ยิ่งดี”
ในทำนองเดียวกันก็ฝากประเด็นเพิ่มเติมว่า “ถ้าสามารถเขียนชื่อผักและผลไม้ทั้งที่เป็นภาษาไทย ภาษาอีสาน หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษได้ ก็ยิ่งดี”
กระบวนการดังกล่าว ผมมีเจตนาที่ชัดเจนในการสำรวจต้นทุนของนักเรียนและนิสิตว่าพวกเขารู้จักพืชผักอะไรบ้าง หรือแม้แต่ชอบที่จะรับประทานผักและผลไม้อะไรบ้าง
รวมถึงการสำรวจกรายๆ ว่าพวกเขารู้จักพืชผักผลไม้เหล่านี้จากที่ไหน จากโครงการอาหารกลางวันที่โรงเรียน จากตลาดสด หรือแม้แต่รู้จักจากที่ปลูกไว้ในครัวเรือนของเขาเอง
นอกจากนั้น ผมยังมีเจตนาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการประเมินทักษะ “การเขียน” ของ “นักเรียน” โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นเด็กระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อเตรียมผูกโยงถึงกิจกรรมในภายภาคหน้าอันหมายถึง “การอ่าน-การเขียน”
กิจกรรมนี้ ผมเน้นให้แต่ละคน “เช็คอินอยู่กับตัวเอง” เป็นหลัก มิใช่การซักถามกันและกัน เพื่อให้ฝึกการทบทวนชีวิตตัวเอง สำรวจตัวเอง ประหนึ่งฝึกการการคิดวิเคราะห์ ประมวลผล หรือแม้แต่การฝึกสมาธิก็ด้วยเช่นกัน
แรกเริ่มเดิมที ผมตั้งใจว่าจะนำมาประมวลเป็นข้อมูลและสะท้อนกลับเข้าสู่เวที ทั้งที่เป็นข้อมูลเชิงสถิติ สรรพคุณของพืชผลผลไม้ดังสำนวนที่ว่า “กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา” หรือ “กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น”
หรือแม้แต่การผูกโยงเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การฉายให้เห็นค่านิยมในการบริโภคของแต่ละคน รวมถึงแหล่งผลิตของพืชผักผลไม้เหล่านั้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร –
แต่เมื่อประเมินเรื่องเวลาอันจำกัดและบรรยากาศในภาพรวมแล้ว เห็นแต่ละคนกำลังสนุกและตั้งใจกับการทบทวนตัวเอง ผมจึงชะลอกระบวนการดังกล่าวไว้ก่อน จากนั้นจึงรีบผูกโยงกระบวนการถัดมาในทันที นั่นคือ “เดินเท้าเข้าสวนลุงวิทย์”
ด้วยความที่ผมและทีมงานใช้ “สวนลุงวิทย์” เป็นฐานการเรียนรู้ที่ว่าด้วยเกษตรทฤษฎีใหม่-เกษตรผสมผสาน ผมจึงให้โจทย์แก่นักเรียนและนิสิตว่า “ให้สำรวจว่าในสวนลุงวิทย์มีพืชผัก ผลไม้และต้นไม้อะไรบ้าง” โดยให้แต่ละคนเดินเท้าสำรวจด้วยตนเอง พร้อมๆ กับการเขียนชื่อเหล่านั้นลงในสมุดบันทึก
ผมมีกติกาง่ายๆ เข้ามาหนุนเสริมการเรียนรู้ในกระบวนการดังกล่าว เช่น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ห้ามถามทักกันและกัน หรือแม้แต่ห้ามถามลุงวิทย์
แน่นอนครับ โจทย์นี้ผมยังเน้นการสำรวจต้นทุนความรู้ในตัวเองว่ารู้จักสิ่งเหล่านี้หรือไม่ แต่ก็เพิ่มทางเลือกไม่ให้เครียด นั่นคือ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็อนุญาตให้สอบถาม “ผู้รู้” ได้
จะว่าไปแล้วผมพยายามซ่อนเครื่องมือการเรียนรู้อยู่ในนั้นอย่างเงียบๆ แต่เพราะกลุ่มคนที่เข้าร่วมหลากวัย ผมจึงยังไม่ลงรายละเอียด เช่น การสำรวจ การสัมภาษณ์ การสังเกต การบันทึกข้อมูล การฟัง หรือแม้แต่ซ่อนประเด็นของการ “ทัศนศึกษา” และการเรียนรู้จาก “กรณีศึกษา” อันเป็น “คนจริง” (ผู้รู้) และ “สถานที่จริง” ไว้ในตัวอย่างเสร็จสรรพ
ผมให้เวลาในการสำรวจข้อมูลดังกล่าวในราว 20 นาที -
สังเกตได้ว่ากิจกรรมนี้ ทุกคนตื่นตัวต่อการเรียนรู้อย่างมาก บ้างเดินเท้าสำรวจคนเดียว ขณะที่บางคนไปสำรวจกันเป็นกลุ่มๆ แต่ที่เหมือนกันก็คือเสียงสรวลเสเฮฮาดังขึ้นเป็นระยะๆ ประหนึ่งการบอกย้ำว่ากระบวนการนี้ คือ “บันเทิงเริงปัญญา” ขนานแท้
และในช่วงดังกล่าว “ลุงวิทย์” ผู้เป็นเจ้าของสวนก็ทำการ “ไลฟ์สด” ผ่าน “เฟซบุ๊ก” เป็นระยะๆ สร้างสีสันให้กับเวทีนี้เป็นอย่างดียิ่ง เพราะไม่เพียงนำเสนอเรื่องราวด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในกลุ่มวิทยากร หรือแม้แต่เด็กๆ ที่มาร่วมเรียนรู้
เมื่อครบตามห้วงเวลาที่กำหนด ผมได้เชิญให้ทุกคนกลับมานั่งล้อมวงเพื่อทำการ “โสเหล่” โดยปรับรูปแบบการนั่งให้ทุกคนมานั่งรวมกันภายใต้ชายคาโรงเรือนที่แมกไม้กำลังเลื้อยถักทอเป็นร่มเงา - หลังคา
ผมเปิดประเด็น “ว่าใครสำรวจได้มากที่สุด” ซึ่งพบว่า
ถัดจากนั้นก็ให้ผู้ที่สำรวจได้มากที่สุดขานชื่อพืชผักผลไม้และต้นไม้ให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ โดยมี “ลุงวิทย์” ทำหน้าที่เป็นผู้เฉลยว่า “ถูก หรือ ผิด” จากนั้นก็ทำการ “มอบของรางวัล” เล็กๆ น้อยๆ หนุนเสริมกำลังใจให้กับผู้ที่ทำสถิติสูงสุดในการสำรวจ –
และช่วงท้ายของกระบวนการดังกล่าว ก็ส่งมอบให้ “ลุงวิทย์” พบปะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แรงบันดาลใจในการบุเริ่มสร้าง “สวนลุงวิทย์” ซึ่งในบางจังหวะก็ขยายความเรื่องสรรพคุณของพืชผักผลไม้และแมกไม้ให้รับรู้โดยสังเขป
นี่คืออีกหนึ่งกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นใน “บ้านหลังเรียน” (บ้านหนองบัว หมู่ 9 ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์)
เขียน : จันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา
ไม่มีความเห็น