นำตนเองก่อน
Lead Yourself First
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
30 พฤษภาคม 2565
บทความเรื่อง นำตนเองก่อน (Lead Yourself First) ย่อความมาจากหนังสือเรื่อง Lead Yourself First: Inspiring Leadership Through Solitude ประพันธ์โดย Raymond M. Kethledge และ Michael S. Erwin จัดพิมพ์โดย Bloomsbury Publishing เมื่อ Jun 13, 2017
ผู้ที่ต้องการเอกสารนี้ในรูปแบบ PowerPoint สามารถ download ได้ที่ Lead Yourself First.pptx (slideshare.net)
เกริ่นนำ
-
ภาวะผู้นำ (Leadership) เป็นทักษะที่หลายคนสับสนกับการมีอำนาจ หรืออำนาจที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมบางอย่าง เพราะภาวะผู้นำ เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้นำ แล้วถ่ายทอดให้ผู้ติดตามรู้สึกเชื่อมโยงภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
- ผู้นำทำให้คนของพวกเขาต้องการติดตามและมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน และผู้นำกระทำโดยมีจรรยาบรรณและความมั่นใจ
- ผู้นำไม่ได้เป็นเสมือนเจ้านายผู้กำหนดงาน แต่อธิบายงานนั้นแล้วมอบหมายงานให้ผู้ติดตาม
- การจะเป็นผู้นำได้นั้น ก่อนอื่น ต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับความคิดและความไม่มั่นคงของตนเอง
ภาวะผู้นำ
- การเป็นผู้นำนั้นยาก และมักจะรู้สึกเหงา
- ผู้นำต้องอาศัยความเชื่อมั่นส่วนบุคคล สร้างฉันทามติ ท้าทายข้อตกลงหรือระบบราชการ และมักเผชิญความไม่พอใจของคนบางคน ในการทำงานเพื่อส่วนรวม
- คุณจะต้องฝึกฝนการยืนหยัดในสถานการณ์วิกฤต อยู่เคียงกับผู้อื่นในขณะที่คุณพิจารณาหนทางข้างหน้าอย่างมีสติสัมปชัญญะ
การอยู่เพียงลำพัง
-
การอยู่เพียงลำพัง (Solitude) ย่อมให้ความกระจ่างว่า เส้นทางที่ง่ายเป็นเส้นทางที่ผิด และการอยู่เพียงลำพังผสมผสานกับจิตใจและจิตวิญญาณ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งขึ้นในตัวผู้นำ ซึ่งจะทำให้เขา/เธอมีความกล้าหาญทางศีลธรรม ที่ไม่ยอมคล้อยตามและยอมรับผลที่ตามมา
- การอยู่เพียงลำพัง ตามที่ผู้ประพันธ์ให้คำจำกัดความไว้ว่าว่า (ไม่จำเป็นต้องถอยกลับไปสู่ธรรมชาติเพื่อไตร่ตรอง แม้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้) “เป็นสภาวะของจิตวิสัย ที่จิตแยกจากความคิดของผู้อื่น แล้วพินิจพิจารณาแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเอง”
- การอยู่เพียงลำพังในแง่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแยกตัวจากผู้อื่นหรือการอยู่ร่วมกับธรรมชาติเท่านั้น
- การอยู่เพียงลำพัง ที่ใช้ในที่นี้ พบได้โดยง่ายขณะนั่งอยู่คนเดียวในร้านอาหาร หรือบนภูเขา แล้วเกิดแนวคิดที่ไม่ใช่ แนวคิดเชิงรูปธรรม (objective concept) แต่เป็น แนวคิดเชิงความคิดเห็น (subjective concept) ซึ่งเป็นสภาวะของจิตใจที่แยกออกจากข้อมูลความคิดเห็นของผู้อื่น แล้วเกิดการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
- หรือการอยู่เพียงลำพัง อาจเกิดเป็นช่วงๆ ไม่ต่อเนื่องก็ได้ เช่น คนที่กำลังอ่านหนังสือ (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการรวบรวมความคิดของคนอื่น) แล้วหยุดคิดเป็นครั้งคราว เพื่อพิจารณาความหมายของข้อความ
การอยู่เพียงลำพังถูกปิดล้อม
- แต่ในทุกวันนี้ การอยู่เพียงลำพังอยู่ภายใต้การถูกปิดล้อม เพราะการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ที่ถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นอุดมคติในสถานที่ทำงานในปัจจุบัน
- เทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ ๆ การจัดการโครงการ และเครื่องมือส่งข้อความ มีการใช้ในองค์กรด้วยความเร็วที่ทำให้บุคลากรเรียนรู้ได้ยากลำบาก ทำให้ผู้ที่ต้องการแสวงหาเวลาสำหรับตัวเอง ถูกมองด้วยความสงสัย ราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่บุคคลในทีม ต่อต้านสังคม เป็นผู้ผิด
- อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์พกพาติดตัวที่เรารู้สึกว่าขาดไม่ได้ ให้ข้อมูลและความบันเทิงในปริมาณที่นับไม่ถ้วน ทำให้เราทุกคนหันมามองโทรศัพท์เป็นประจำ ซึ่ง Kethledge และ Erwin (ผู้ประพันธ์) เตือนเราว่า เราสามารถเลือกที่จะวางมันลง และให้เวลาสำหรับการอยู่เพียงลำพังในชีวิตของเรา พวกเขายืนกรานว่า ผู้นำมีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น
ผลของการอยู่เพียงลำพัง
- การอยู่เพียงลำพัง แตกต่างจากการทำสมาธิและการวิ่ง ไปจนถึงการเขียนและการไตร่ตรองอย่างสงบ แต่ได้ผลลัพธ์ก็เหมือนกันคือ การปราศจากความฟุ้งซ่านและการป้อนข้อมูลโดยตรงจากผู้อื่น เพื่อให้ความคิดได้สังเคราะห์และเชื่อมต่อกับเสียงภายในของคุณ นำทาง และให้ความมั่นใจแก่คุณ เพื่อเชื่อมต่อกับบางสิ่งในตัวคุณ และบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวคุณเอง
- ผลของการอยู่เพียงลำพัง ให้ความชัดเจนในการวิเคราะห์ สัญชาตญาณ ความคิดสร้างสรรค์ ความสมดุลทางอารมณ์ การยอมรับ การระบาย ความใจกว้าง และความกล้าหาญทางศีลธรรม (analytical clarity, intuition, creativity, emotional balance, acceptance, catharsis, magnanimity, and moral courage)
ประโยชน์ของการอยู่เพียงลำพัง
- โครงสร้างของหนังสือเล่มนี้ เน้นประโยชน์ของการอยู่เพียงลำพังสี่ประการคือ ความชัดเจน ความคิดสร้างสรรค์ ความสมดุลทางอารมณ์ และความกล้าหาญทางศีลธรรม (clarity, creativity, emotional balance, and moral courage)
- แม้ว่าผลสองประการแรกจะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้นำ แต่ผลสองประการหลังควรได้รับการเน้นย้ำ เพราะเป็นคุณลักษณะและการมีอยู่ของผู้นำ
- บทเรียนที่ได้คือ ให้เวลากับการอยู่เพียงลำพัง ถอดปลั๊กไฟ กำหนดการที่มีพื้นที่ว่าง ๆ เป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับผู้นำและผู้ติดตาม เพราะความคิดสร้างสรรค์ ความชัดเจน ความสมดุลทางอารมณ์ และความกล้าหาญทางศีลธรรม ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ควรจะแสวงหา
ความชัดเจน
- ความชัดเจน เป็นสิ่งยากสำหรับผู้นำที่จะได้รับ เพราะความซับซ้อนที่มากขึ้นกว่าเดิมคือ ข้อมูลล้นเกิน (information overload) ซึ่งผู้นำถูกบุกรุกด้วยข้อมูลนำเข้า (ผ่านอีเมล การประชุม และโทรศัพท์) ซึ่งจะทำให้เสียสมาธิและรบกวนความคิดของเขา
- การอยู่เพียงลำพัง ทำให้ผู้นำได้รับความชัดเจนมากขึ้น ผู้นำที่สงบจิตใจของเขาจากสิ่งรบกวนภายนอก แต่ภายในนั้น สามารถได้ยินเสียงอันละเอียดอ่อนของสัญชาตญาณ ซึ่งอาจสร้างความเชื่อมโยงกับจิตสำนึกของเขา
- ผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุด คือผู้ที่ค้นพบความชัดเจนของความหมายของงานที่ทำอยู่
ความคิดสร้างสรรค์
- หากความชัดเจนใช้เพื่อระบุว่า ตัวเลือกใดที่มีอยู่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ จะพัฒนาความเป็นไปได้ที่ผู้นำไม่เคยรู้มาก่อน
- ตามที่ Mihaly Csikszentmihalyi อธิบายไว้ในหนังสือเรื่องCreativity ว่า ผลงานที่สร้างสรรค์หรือแนวคิด ขึ้นอยู่กับการปฏิเสธบรรทัดฐานที่กำหนดไว้มาก่อน บางครั้งงานสร้างสรรค์ไม่ใช่เพราะปฏิเสธสิ่งที่มีมาก่อน แต่เพราะว่ามีเนื้อหาใหม่ และในบางครั้งความคิดสร้างสรรค์เกิดเพราะมีพื้นฐานมาจากการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันในตอนแรก
- เช่นเดียวกับความชัดเจน เส้นทางโดยสัญชาตญาณสู่ความคิดสร้างสรรค์ เป็นงานที่เป็นไปได้สำหรับผู้นำ หากเพียงแต่เขาจะหยุดเพื่อฟัง
สมดุลทางอารมณ์
-
“ผู้นำที่มีประสิทธิภาพคือบุคคลที่สามารถรักษาสมดุลและไตร่ตรองได้ ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากรอบตัวมีปฏิกิริยาตอบสนอง” นายพลนาวิกโยธินสี่ดาว James Mattis ที่เกษียณอายุแล้วกล่าว “ถ้าผมจะสรุปปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเพียงปัญหาเดียวของผู้นำระดับสูงในยุคข้อมูลข่าวสารคือ ขาดการไตร่ตรอง (lack of reflection)” เขากล่าว “เราต้องการอยู่เพียงลำพัง เพื่อมุ่งความสนใจไปที่การตัดสินใจในอนาคต มากกว่าที่จะตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นทันที คุณมีแรงกระตุ้นจากภายนอก จากนั้นคุณกลับไปสู่ประสบการณ์ การศึกษาของคุณ แล้วคุณจะเห็นว่าต้องทำอะไร”
- ผู้นำทุกระดับในทุกวันนี้ รู้สึกถึงแรงกดดันจากภายนอกและภายในหากไม่มีการจัดการ แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ผู้นำเกิดความอ่อนแอทางอารมณ์ ผู้ประพันธ์ให้เหตุผลว่า การอยู่เพียงลำพัง ทำหน้าที่เป็น "วาล์วระบายแรงดัน (a pressure-relief valve)"
ความกล้าหาญทางศีลธรรม
- การตัดสินใจของผู้นำบางอย่างทำให้เกิดผลกระทบมาก บ่อยครั้งที่จะอยู่ในรูปแบบของการถูกวิจารณ์ทางศีลธรรม ซึ่งฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงวิพากษ์วิจารณ์ผลการตัดสินใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลผู้ที่กล้าตัดสินใจนั้นด้วย
- ประเด็นหลักของการวิพากษ์วิจารณ์ด้านศีลธรรมคือ ต้องการบังคับให้เกิดความสอดคล้อง (กับความคิดของตนว่าถูก) และเพื่อป้องกันผู้นำจากการตัดสินใจเหล่านั้นตั้งแต่แรก
- ความกล้าหาญทางศีลธรรม คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้นำทำได้ ซึ่งไม่เพียงต้องการความชัดเจนเท่านั้น แต่ยังต้องการความเชื่อมั่นด้วย และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและความกล้าหาญทางศีลธรรม ผู้นำต้องมีส่วนร่วมกับจิตวิญญาณของเขา
3 บทเรียนจากหนังสือ
- 1. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ใช้การอยู่เพียงลำพัง จัดการกับสี่ด้านของชีวิต (Great leaders use solitude to deal with four aspects of their life)
- 2. ความกลัวที่จะพลาด (FOMO - Fear Of Missing Out) เป็นกับดักอันตรายสำหรับทุกคนที่จริงจังกับความรับผิดชอบของตน (FOMO is a dangerous trap for anyone who is serious about their responsibilities)
- 3. การอยู่เพียงลำพัง สามารถช่วยบรรเทาอารมณ์เชิงลบและสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ (Solitude can help you alleviate negative emotions and triggers)
บทที่ 1: การอยู่เพียงลำพังคือความสุข หากคุณยอมรับ และเรียนรู้ที่จะใช้ในการควบคุมมุมมองสี่ด้านที่สำคัญของชีวิต
- การอยู่เพียงลำพัง เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของผู้นำ
- ทำไมหรือ เพราะมันช่วยให้มีเวลาสำหรับจิตใจ ที่จะดำเนินการกระบวนการทางปัญญาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
- บ่อยครั้ง สิ่งนี้นำไปสู่การค้นพบที่ล้ำหน้าและการประสานงานของกิจกรรมที่ดีขึ้น ถ้าเรายอมรับและเลือกที่จะไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกทั้งหมด (หรือคลื่นสึนามิของปัจจัยนำเข้า ตามที่ผู้ประพันธ์เรียกสิ่งเหล่านั้น)
- ตั้งแต่การตอบกลับอีเมลไปจนถึงการแจ้งเตือนแบบต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้นำยุคใหม่พยายามตอบสนองให้สำเร็จ น่าเสียดาย ที่มันทำให้ผลิตภาพและความคิดสร้างสรรค์ลดลง รวมถึงความวิตกกังวลและความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นด้วย
- ดังนั้น ในหนังสือจึงแนะนำให้ใช้การอยู่เพียงลำพังเพื่อให้ได้ประโยชน์ใน 4 ด้าน คือ ความชัดเจน ความคิดสร้างสรรค์ ความสมดุลทางอารมณ์ และความกล้าหาญทางศีลธรรม (clarity, creativity, emotional balance, and moral courage)
- เนื่องจากจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้คือการช่วยให้คุณเป็นผู้นำที่ดีขึ้น ความชัดเจน หมายถึงการปิดการเชื่อมต่อของคุณกับโลกภายนอกเป็นครั้งคราว เพื่อให้คุณมีเวลาในการเติมพลังและมีมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- การรบกวนสมาธิอย่างต่อเนื่องอาจทำให้คุณเสียสมดุล และคุณไม่ควรทนต่อไป
- การนั่งอยู่เพียงคนเดียวและฝึกวิปัสสนา คือสิ่งที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทำ และการกระทำเช่นนั้นจะช่วยให้แนวคิดดีๆ มาสู่คุณได้ง่ายขึ้น
บทที่ 2: เอาชนะความกลัวที่จะพลาด และมุ่งความสนใจไปที่งานของคุณ
-
ความกลัวที่จะพลาด (FOMO - fear of missing out) ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในวงจรอุบาทว์ ที่พวกเขาพบว่ายากที่จะทำลายและมักอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ ! สิ่งเร้าที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องที่ทำให้เราต้องตรวจสอบ เช่น การแจ้งเตือนแบบป๊อปอัป อีเมล ข่าวสาร และเราจะรู้สึกแย่เมื่อเราไม่ได้ตรวจดู
- มีกี่คนที่ยอมรับตรงๆ ได้ว่า ถ้าได้รับข้อความมาถึงแล้วคุณจะไม่รีบเข้าไปดู? มีไม่มาก! อย่างไรก็ตาม เมื่อเราทำงานหรือทำธุระบางอย่าง FOMO สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเราจากงานได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ของงานที่ไม่ดี
- ดังนั้น หากคุณคิดว่าคุณสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ คุณควรคิดใหม่อีกครั้ง
- ผู้ประพันธ์มั่นใจว่า คุณควรมุ่งเน้นไปที่งานของคุณ 100% และอย่าปล่อยให้สิ่งเร้าภายนอกมาเกี่ยวข้อง มิฉะนั้น ผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายของคุณจะมีคุณภาพต่ำ
- ความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดทางอารมณ์ของเรา จะเติบโตขึ้นเมื่อมีการอยู่เพียงลำพัง และสมองของเรามี “ช่วงเวลาแห่งการพักหายใจ” เพื่อติดตามความคิดและข้อมูลเชิงลึก
- การปิดโทรศัพท์และการห้ามสิ่งรบกวน จะเป็นประโยชน์อย่างมากในระยะยาว แม้เราจะรู้สึกว่าเราจะพลาดการอัปเดตที่สำคัญ
- สงบสติอารมณ์จากความคิดที่ว่าคุณกำลังพลาด โดยบอกตัวเองว่า คุณสามารถตามทันได้ทุกเมื่อ
- ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากคุณดึงตัวเองออกจากโลกภายนอกสักครู่เป็นครั้งคราว
บทที่ 3: ผู้นำทั่วโลกใช้การอยู่เพียงลำพังเป็นที่หลบภัยเพื่อรักษาและกลับมาแข็งแกร่งขึ้น คุณก็เช่นกัน
- หากคุณดูบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คุณจะสังเกตเห็นความคล้ายคลึงของรูปแบบทั่วไปบางประการ เหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำที่มีความกล้าทั้งในด้านความคิดและความพยายาม ไม่กลัวที่จะพูดสิ่งที่เขาคิด และพวกเขามักจะฝึกการอยู่เพียงลำพัง
- อันที่จริง การปล่อยวางจิตใจ และปล่อยใจให้ประสานกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขา คือสิ่งสร้างความแข็งแกร่งและความกล้าหาญแก่พวกเขา
- ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การแยกตัวเองออกจากปัจจัยที่รบกวนการทำงานของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็เป็นเรื่องยากเมื่อคุณพยายามฝึกฝนการอยู่เพียงลำพัง นั่นคือตัวคุณเอง
- ถูกต้องแล้ว การทำจิตให้กระจ่างขึ้นจากภายใน และการห้ามปัจจัยภายนอก เป็นส่วนเสริมกัน
- จิตใจที่ว้าวุ่น การคิดมาก และอารมณ์ด้านลบ ล้วนสามารถแทรกแซงและรบกวนจิตใจเราได้ ด้วยเหตุนี้ ขอแนะนำให้ทำสมาธิในการอยู่เพียงลำพัง
- ซึ่งที่จริงแล้ว วิธีการใดๆ ที่ทำให้จิตใจของคุณหยุดเครียดหรือหยุดคิดอยู่ตลอดเวลานั้น ล้วนแต่มีประโยชน์
- การดูเฝ้าดูลมหายใจทำงานเป็นสิ่งน่าทึ่ง และเป็นเวลาที่ใช้เพื่อสะท้อนชีวิตและจิตวิญญาณภายใน
- เช่นเดียวกันกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั่วโลกและบุคคลในประวัติศาสตร์ ที่ได้ให้การสนับสนุนแนวทางปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด การอยู่เพียงลำพังทำให้พวกเขาเปิดสมองด้านที่สร้างสรรค์มากขึ้น
- นอกจากนี้ การอยู่เพียงลำพัง ยังทำให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้นสำหรับแนวคิดดีๆ ที่จะเกิดขึ้น
บทสรุป
- Lead Yourself First เป็นแนวทางสำหรับผู้นำและผู้ที่กำลังแสวงหาการเป็นผู้นำ เป็นการบอกถึงวิธีค้นหาความมั่นใจ และมุมมองที่เป็นประโยชน์จากการอยู่เพียงลำพัง
- ด้วยการเรียนรู้วิธีการปิดเสียงรบกวนที่ไม่จำเป็นจากภายนอกและภายใน ผู้นำสามารถใช้พลังของตนเองเพื่อค้นพบข้อมูลเชิงลึกที่ยอดเยี่ยม ความชัดเจน พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ และหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา
********************************