หนังสือ Learn Like a Pro : Science-Based Tools to Become Better at Anything (2021) เขียนโดย Barbara Oakley & Olav Schewe แนะนำวิธีเรียนอย่างได้ผล โดยมีคำอธิบายง่ายๆ โยงไปยังกลไกสมอง
Barbara Oakley เป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ McMaster University เขียนหนังสือด้านการเรียนรู้หลายเล่ม เช่น Learning How to Learn ที่ TedTalk เรื่องนี้ของท่าน มีคนเข้าชมเกือบ ๒ ล้านครั้ง (๑) และ MOOC เรื่องนี้ของท่านก็มีชื่อเสียงมาก ดัง บล็อกของ ดร. รุจเรขา วิทยวุฒิกุลเล่าไว้ (๒)
ที่จริงหนังสือ Learn Like a Pro ก็ไม่ต่างจากที่ ดร. รุจเรขาเล่าไว้มากนัก โดยเทคนิคแรกที่แนะนำคือ Pomodoro Technique ที่ผมเล่าวิธีที่ตนเองใช้เรียนเมื่อ ๖๕ ปีมาแล้วไว้ที่ (๓)
เทคนิคที่ ๒ วิธีเรียนเรื่องยาก ให้สลับวิธีคิดสองแบบไปมา คือวิธีคิดแบบพุ่งเป้าเอาจริงเอาจัง (focused thinking) กับวิธีคิดแบบมองภาพกว้างๆ หรือภาพใหญ่ของเรื่อง ที่ในหนังสือใช้คำว่า relaxed thinking เป็นการใช้สมองสองแบบ คือ focused mode กับ diffuse mode โดยที่ Pomodoro Technique ใช้ focused mode ที่จริงผมอ่านหนังสือโดยสลับวิธีอ่านสองแบบนี้ เพื่อใช้การมองภาพใหญ่ช่วยให้การอ่านเฉพาะตอนเข้าใจสาระง่ายขึ้น และช่วยให้เข้าใจหรือตีความหนังสือได้ในมิติที่ลึกยิ่งขึ้น
เทคนิคที่ ๓ วิธีเรียนให้เกิดการเรียนรู้มิติที่ลึก (deep learning) โดยเร็ว โดยการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมอง โดย (๑) อธิบายให้ตัวเองฟัง (self-explanation / elaboration) และผมขอเพิ่มเติมว่า อธิบายให้เพื่อนฟังก็ช่วย โดยผมค้นพบผลดีนี้ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี เรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษา (๒) ผสมวิชา หรือผสมเรื่อง ผสมโจทย์ (interleaving technique) (๓) นอนหลับให้เพียงพอ (๔) ออกกำลังกาย
หนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง แนะนำวิธีสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ที่ยิ่งกว่ามิติที่ลึก คือไปสู่ระดับเชื่อมโยง (transfer)
เทคนิคที่ ๔ ดำเนินการเคลื่อนข้อมูล (สารสนเทศ) จากความจำใช้งาน (working memory) สู่ความจำระยะยาว (long-term memory) โดย (๑) แบ่งสิ่งที่เรียนออกเป็นส่วนย่อยๆ เรียนทีละส่วน (๒) เปลี่ยนศัพท์เทคนิคเป็นคำง่ายๆ เพื่อช่วยให้เข้าใจและจำง่าย (๓) จดบันทึกด้วยวิธี split note method คือแบ่งหน้ากระดาษบันทึกออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนซ้าย ๑/๓ ของหน้าเอาไว้เขียนข้อสรุป ส่วนขวา ๒/๓ ของหน้า เอาไว้จดรายละเอียดตามปกติ
เทคนิคที่ ๕ เรียนรู้ทั้งสองแบบของสำนึก คือเริ่มต้นเรียนแบบรู้ตัว (declarative learning procedure) ตามด้วยแบบไม่รู้ตัว (procedural learning system) คือการแก้โจทย์ หรือการฝึกปฏิบัติ ที่เราเรียกว่าเคี่ยวกรำฝึกจนชำนาญ ไม่ใช่แค่ทำเป็น นี่คือ mastery learning ในหนังสือ การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างไร การเรียนรู้แบบไม่รู้ตัวนี้จะนำไปสู่สมรรถนะปฏิบัติได้ทันใดโดยไม่ต้องคิด (fast-acting intuition) และเป็นหลักการสำคัญของสมรรถนะอนาคต
เทคนิคที่ ๖ เตรียมตัวสอบโดยทำข้อสอบเก่า และแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อน เพื่อเรียนรู้ประเด็นที่ครูอาจไม่เคยสอนในชั้นเรียน เรื่องนี้ผมฝึกจนชำนาญตั้งแต่อายุน้อย โดยเอาข้อสอบเก่าๆ มาศึกษาหาแก่นความรู้ของแต่ละวิชา แล้วอาจคิดโจทย์ขึ้นเอง และหาวิธีตอบโจทย์ที่ตั้งเอง ตามในหนังสือนี้ ผมน่าจะได้ฝึก procedural learning system โดยไม่รู้จักมัน
เทคนิคที่ ๗ เรียนรู้วิธีเรียน (metacognitive learner) เริ่มจากทักษะประเมินผลงานของตนเอง และคิดหาวิธีพัฒนางานให้ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยสังเกตวิธีเรียนหรือวิธีทำงานของเพื่อนที่เรียนเก่ง การเรียนรู้วิธีเรียนนี้เริ่มจากการกำหนดเป้าหมาย ตามด้วยการกำหนดวิธีบรรลุเป้าหมายนั้น แล้วประเมินว่าบรรลุผลในระดับใด และคิดหาวิธีเรียนให้บรรลุผลดียิ่งขึ้น ซึ่งก็คือ ใช้ PDCA ในการพัฒนาวิธีเรียนของตนนั่นเอง
ผมขอตีความว่า วิธีพัฒนาตนเองให้เป็น นักเรียนรู้และพัฒนาวิธีเรียน (metacognitive learner) ทำโดยประยุกต์ Kolb’s Experiential Learning Cycle ต่อการเรียนของเรานั่นเอง
วิจารณ์ พานิช
๑๐ เม.ย. ๖๕
ไม่มีความเห็น