932. เรียนเรื่อง  Omoiyari จากละครญี่ปุ่นเรื่อง Rokohoudo: Colorfulday


ผมเองสนใจอิคิไกมาก่อน เลยพยายามลงลึกศึกษาเรื่องอิคิไก และอะไรที่มีการกล่าวถึงสืบเนื่องจากอิคิไก  เรื่องโอโมอิยาริก็เช่นกันเป็นเรื่องน่าสนใจ โอโมอิยาริ หรือศิลปะความเมตตากรุณา ที่เน้นการทำความเข้าใจ เหมือนเข้าไปอยู่ในใจของคนอื่น ประมาณเข้าใจเห็นใจคนอื่นอย่างลึกซึ้ง ผมว่าเรื่องนี้น่าเจาะลึก เช่นเรื่องที่เป้นข่าวดังว่าหลังชาวญี่ปุ่นเข้าไปดูรายการชิงแชมป์โลกรักบี้ เสร็จทุกคนต่างลุกขึ้นทำความสะอาดบริเวณที่นั่งตนเองจนสะอาด มีอีกเช่นปฏิบัติต่อคนอื่นแม้ไม่รู้จักด้วยความเคารพ การช่วยเหลือคนอื่น เรียกว่าเป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเลย  การพยายามคาดหมายความต้องการคนอื่นทั้งๆที่คนอื่นไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองต้องการ   หรือประมาณเราหลงทางก็ช่วยบอกทางให้อย่างเต็มใจที่สุด อันนี้เจอมากับตัวในญี่ปุ่น น่ารักมากๆ  ผมเลยอยากศึกษา เรื่องน้ีมาพอดีเป็นเรื่อง Rokohoudo: Colorfulday ปรกติไม่ค่อยดูละคาร Series ญี่ปุ่นแต่เพราะอยากศึกษาเลยดู ก็น่าสนใจเป็นเรื่องราวของชายหนุ่ม 4 คนที่เปิดร้านอาหาร มีกาแฟ มีขนมด้วย ทั้งสี่ล้วนเป็นมืออาชีพ คือทำอร่อยจริงๆ

คนเข้ามาทานนี่โอ้โห ดื่มด่ำทุกคน หนังถือโอกาสแนะนำอาหารไปด้วย แต่ที่น่าทึ่งคือเชพทุกคนจะพยายามเฝ้ามองลูกค้าอยู่ห่างๆ  ประมาณดูและยังกะญาติพี่น้อง ให้ความใส่ใจ และทำให้เห็นปัญหาลูกค้าจนนำไปสู่เรื่องดีๆ หลายเรื่อง เช่นมีลูกค้าเด็กวันรุ่นมาทานขนมกับชาแล้วทำท่าสลบ ทั้งหมดเลยตกใจ ตอนเด็คนนั้นมาคิดเงินก็ถามว่าเกิดอะไรเด็กคนนั้นบอกว่าไม่เป็นไร เรียนมาเหนื่อยเลยเผลอฟุ๊บหลับ ไม่ได้ไม่อร่อยและชาก็อร่อยมากๆ แถมยังบอกได้อีกว่าชานี่มาจากอะไร ยี่ห้ออะไร กลายเป็นเด็กมีความรู้เรื่องชามาก ที่สุดก็เลยรู้ว่าบ้านเธอเป็นร้านชาเก่าแก่ในเมือง ทั้งหมดเลยถือโอกาสไปเยี่ยมก็เลยเจอปรมาจารย์ชาที่อยากเปิดร้านตนเองเพราะเริ่มไม่มีใครสนใจชงชาแบบคนเก่าแก่ หันไปกินชาสำเร็จรูปกัน แต่จากการคุยกันเลยนำมาสู่การเป็นพันธมิตรธุรกิจกันในเวลาต่อมาก  แค่นี้ก็ว๊าวแล้วครับ  ความเมตตากรุณาแบบสุดๆ นำมาสี่การค้นพบพันธมิตรธุรกิจ แถมเป็นระดับปราชญ์ชาวบ้านเลย   

มาอีกต่อมีลูกค้าใหม่เข้ามาที่ร้านปรากฏว่าสั่งเมนูที่ร้านไม่มี ทั้งหมดอึ้ง ลูกค้าผิดหวังและแทบแร้องให้เพราะอยากกินเทมปูระดีๆ แต่ไม่เคยได้กินมานานแล้ว Chef เลยเข้าครัวดัดแปลงเทมปูระไก่ มาไม่ใช่อาหารทะเลด้วย แต่ปรากฏรสชาตกลมกล่อมออกมาดีกลายเป็นเมนูใหม่ไปเลย กลายเป็น โอโมอิยาริทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ทั้งหมดนี้อาจเป็นละครแต่ก็ทำให้นึกถึงเรื่องจริงก็คือในญี่ปุ่นมีผู้ชายคนหนึ่งดังข้ามคืน เพราะแต่งตัวเป็นชุดยอดมนุษย์เรนเจอร์แบบในหนัง คอยเป็นจิตอาสาช่วยประคอง ถือของให้เด็ก ผู้หญิงมีครรภ์และคนชรา เหตุเพราะสถานีรถไฟใต้ดินตรงจุดนั้นไม่มีบันไดเลื่อน ประมาณเธอเห็นคนเดือดร้อนเลยมาช่วย ปรากฏดังเลย พอทำมาได้หกเดือน สถานีรถไฟฟ้าได้ส่งเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร จากไม่เคยทำเลย หลังจากนั้นบริษัทสถานีรถไฟฟ้าได้ออกมาประกาศครับว่าจะมีการสร้างบันไดเลื่อน แล้วก็มีชาวบ้านมาให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ แล้วคนในท้องที่ แม้กระทั่งสส. ได้พยายามเรียกร้องบริษัทรถไฟฟ้า กดดันด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งลงชื่อก็แล้ว ประท้วงก็แล้วมาตั้งแต่ปี 2505 นับมาได้ 50 ปี แต่ไม่เป็นผล กลายมาเจอฮีโร่ทำอะไรขำด้วยความเมตตาแบบโอโมอิยารินี่เอง กลับสามารถสร้างกระแส จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ่้นใน 6 เดือน ทั้งที่คนนับหมื่นๆ พยายามทำมา 50 ปีแต่ไม่เป็นผล นี่ไงโอโมอิยาริเปลี่ยนโลกของจริง

ฟังแล้วว๊าวมากๆ ผมเองก็เคยเจอกับชีวิตจริง ผมเองกลายมาเป็นคนสอนเรื่องอิคิไก ก็เพราะเห็นลูกศิษย์หาตัวเองไม่เจอ เลยไปหาอะไรมาอ่านจะช่วยให้เขาเจอตัวเองได้ไง เลยมาเจออิคิไก ตอนนี้กลายมาเปิดหลักสูตรสอนมาหลายปีแล้วน่าทึ่งไหมครับ ความเมตตากรุณา

ลูกศิษย์ผมเห็นคนงานด้วยกันปวดหลัง เลยพากันหาสาเหตุจนเจอทำให้หาคำตอบแก้ประบวนการการทำงานทำให้ลดจำนวนการยกถังแก๊สขึ้นลงในโรงงานกว่า 8,000 ครั้งต่อปี

ในสังคมไทยเห็นชายคนหนึ่งเคยเป็นซึมเศร้า ฆ่าตัวตายไปสองครั้ง แต่ก็รอดมาได้ พอออกจากโรงพยาบาล มาหาสาเหตุท่านบอกว่าตอนซึมเศร้าไม่มีคนคุย พยายามโทรหาหน่วยงานรัฐสายก็ไม่ว่าง (คุยกับคนอื่นอยู่) เลยฆ่าตัวตาย พอรอดมาได้ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้กับใคร เขาคิดว่าคนซึมเศร้าต้องการคนคุยด้วย เชาเลยพัฒนา Sati ที่เป็น App ที่ฝึกนักฟังหลายร้อยคนเป็นกองทัพเลย ถ้าคุณซึมเศร้าคุณไปที่ App นี้จ่ายตังค์ไม่มาก เขาจะเชื่อมนักฟังมาฟังคุณอย่างมืออาชีพ ตอนนี้กลายเป็น Startup กิจการเพื่อสังคมที่ได้เงินสนับสนุนจาากอาลีบาบาเรียบร้อย นี่ไงโอโมอิยาริแบบไทย สุดยอดไหมครับ

เอาเป็นว่าถ้าคุณเห็นใจเข้าใจปัญหาคนอื่น คุณก็จะเกิดปัญญาหาหนทางมาแก้ปัญหาให้คนอื่นคุณอาจเจอแบบในหนังคือคุณได้พันธมิตรใหม่ๆ ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแก้ปัญหาระดับเมืองได้ ไปเลย  น่าสนใจนะครับ และนี่ผมว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ใครศึกษาอิคิไก ไม่มาทำเรื่องนี้ก็ยากครับ

อยากฝึกเรื่องน้ีลองไล่ไปทีละคน ตอนนี้เห็นคนในครอบครัว ลูกค้า พนักงานลำบากตรงไหน ชุมชนที่คุณอยู่ลำบากตรงไหน แล้วหาทางออก คำตอบไปช่วยเขา รับรองคุณจะเจออะไรมหัศจรรย์แน่นอน

ที่สำคัญผมว่าถ้ามีอิคิไก คุณต้องมีตัวนี้ด้วย หรือไม่มีอิคิไก อาจเริ่มด้วยโอโมอินาริก่อนที่สุด คุณจะเจอเหตุผลที่คุณตื่นมาแต่ละวันได้เอง 

 

บทความโดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 

 

 

Reference

 

1.Omoiyari https://www.benaldridge.com/blog/2020/8/19/omoiyari-the-japanese-art-of-compassionnbsp

 

2. Japanese Hero: https://www.gotoknow.org/posts/552218

 

3. คู่มือการสอนอิคิไกแบบดร.ภิญโญ https://www.gotoknow.org/posts/693110

หมายเลขบันทึก: 702500เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2022 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2022 15:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท