หยิบสมุดบันทึกข้อคิดคำคมขึ้นมาอ่าน เปิดอ่านทีละหน้าอย่างช้าๆ เหมือนได้เปิดบานประตูรับไออุ่นจากบรรยากาศ หลังจากร่องรอยของเม็ดฝนที่ตกพรำๆจางหายไป ในตอนกลางวันของเดือนเมษายน
“คุณอาจไม่ได้เป็นคนสวยที่สุด แต่คุณสามารถเป็นคนที่น่าเคารพที่สุด คุณอาจไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดที่สุด แต่คุณสามารถเป็นคนที่ขยันที่สุด คุณอาจไม่ได้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด แต่คุณสามารถเป็นคนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด คุณอาจไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรก็ราบรื่นที่สุด แต่คุณสามารถเป็นคนที่มองโลกด้วยความเป็นจริงที่สุด”
เช่นเดียวกันหรือเปล่า? ที่ผมมักบอกตัวเองเสมอว่า ผมอาจไม่ได้เป็นผู้บริหารที่ดีที่สุด แต่ผมสามารถเป็นข้าราชการครูที่รู้หน้าที่และมีความรับผิดชอบที่สุด..ก็เป็นได้
ผมกล้าพูดอย่างทะนงองอาจว่าชีวิตประสบความสำเร็จมาบ้างแล้ว บนเส้นทางของความสำเร็จ ไม่มีใครคอยปลุกให้ผมตื่น แล้วลุกจากเตียงนอน ผมต้องรู้การจัดการตัวเอง ควบคุมตัวเอง เอาชนะด้วยตัวเอง! เพื่อไปทำงานในหลากหลายหน้าที่ในโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีความจำกัดทั้งงบประมาณและบุคลากร
ตลอด ๕ – ๑๐ ปีที่ผ่านมา วงการศึกษาไม่มีใครไม่ถูกบีบ การถูกบีบรัดด้วยกฏเกณฑ์และเงื่อนไขนานัปการ ทำให้ผมเรียนรู้ศักยภาพของตัวเอง ผมนี่แหละเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์..บริหารได้ในท่ามกลางความขาดแคลน
ผมไม่เคยพูดว่า "เป็นไปไม่ได้" เพราะทิศทางของต้นไม้ถูกลมและแสงแดดกำหนด แต่ทิศทางของผมในฐานะผู้นำองค์กร ผมเป็นผู้กำหนดได้และลงมือทำ...
เมื่อผมตัดสินใจเลือกแล้ว ว่าจะอยู่ในบ้านหลังเล็กแห่งนี้ ทำไม? จะไม่ทุ่มให้สุดใจ สักวันที่จะยืนหยัดต่อไปไม่ไหว วันนั้นคือวันที่เกษียณอายุราชการ..ซึ่งใกล้จะถึงวันนั้นเข้าไปทุกที
คงเหลือเวลา “ปิดภาคเรียน” ครั้งใหญ่ คือครั้งนี้และครั้งหน้าของเดือนเมษายน..เท่านั้น ใน ๑๖ ครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยปล่อยวันเวลาให้ผ่านเลย ไม่เคยวางเฉยกับการปรุงแต่งแหล่งเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม ให้มีความพร้อมสวยสมกับเป็นสถานที่ราชการ
ผมจึงได้ฉุกคิดว่าควร “ปิดปรับปรุง” จริงๆ ในทุกรอบปีการศึกษา ไม่เคยคาดหวังว่าใครจะมานิเทศกำกับติดตาม ความรู้สึกที่ลึกซึ้งถึงศรัทธาในงานกับความสนุกสนานในงานที่ลงมือทำ ทุกเรื่องราวสร้างความสุขให้ตัวเองและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็เพียงพอ
ขอบคุณ...ความไม่ท้อ..ความไม่รั้งรอในสถานการณ์ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ความอยู่รอดที่ดูเหมือนจะริบหรี่ การเป็นโรงเรียนเครือข่ายของโรงเรียนที่ใหญ่กว่าเริ่มชัดเจนขึ้น และต่อมาคือการล่มสลายของโรงเรียนขนาดเล็ก ที่จะต้องนำนักเรียนไปเรียนรวม ตามแนวคิดที่สวยหรูที่เขาไม่เคยพูดเลยว่าจะยุบ แต่เขาจะบีบโดยไม่ให้ “ครู” ถามว่าแล้วพวกคุณจะอยู่กันอย่างไร?
ถึงวันนั้น...หากผมยังมีลมหายใจ ผมจะเป็นข้าราชการบำนาญ ทำงานที่โคกหนองนา..แต่วันนี้..ยังพอมีเวลาเหลือที่จะทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด แม้คืนวันที่เปลี่ยนไป แต่ใจผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงาม ..ให้เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินนี้
ปีก่อน..ผมเคยบอกครูว่า "คราวหน้าละกัน!" ปีที่แล้วผมเคยบอกครูว่า "รอให้ว่างก่อนก็ได้!" ปีนี้ผมจะไม่พูดอะไร? ชีวิตคนเรา มีเวลาให้รอได้สักกี่มากน้อย? อย่าให้บางสิ่งกลายเป็น "สายไปเสียแล้ว!" เพราะหลังจากที่พูดคำว่า "คราวหน้าละกัน" มันอาจไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว..ก็เป็นได้.
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
ไม่มีความเห็น