โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น เป็นโครงการผลิตครูเพื่อกลับไปทำงานในพื้นที่ห่างไกล ๕ รุ่น รุ่นละ ๓๐๐ คน โดยรับสมัครและคัดเลือกจากนักเรียนยากจนในพื้นที่ ด้วยวิธีคัดเลือกที่พิถีพิถันมาก ใครได้รับทุนก็สบายไปเลย เพราะนอกจากได้เรียนฟรี อยู่หอพักฟรี (กสศ. ออกให้) ยังได้รับเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนถึงเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท แถมยังมีค่าอุปกรณ์ประกอบการเรียนอีกเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท ได้ข่าวว่าผู้รับทุนบางคนถึงกับส่งเงินกลับไปช่วยเหลือครอบครัว
นอกจากคัดเลือกผู้เรียนเข้มข้น ยังคัดเลือกสถาบันผลิตเข้มข้นด้วย เน้นเชื้อเชิญสถาบันที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย ให้เสนอวิธีทำงานแล้วคัดเลือก เพราะจะต้องเอาใจใส่งานพิเศษ ๓ ด้าน ที่แตกต่างจากการรับและดูแลนักศึกษากลุ่มอื่นๆ คือ (๑) การคัดเลือกนักศึกษา (๒) การฝึก นศ. ให้เป็นทั้งครูและนักพัฒนาชุมชน (๓) การสร้างวิญญาณครูรัก(ษ์)ถิ่น
นศ. ที่คัดกรองเข้ามาไม่เน้นคนเรียนเก่ง เน้นที่ความยากจน และรักที่จะเป็นครู สถาบันผลิตต้องจัดกิจกรรมเสริมพื้นฐานความพร้อมให้ก่อนเปิดเรียน และดูแลใกล้ชิดในระหว่างเรียน ให้เรียนจบออกไปเป็นครูที่ดีมีความสามารถให้ได้
ผมมีข้อสังเกตว่า สถาบันผลิต (ตอนนี้เข้าร่วม ๑๖ สถาบัน) เข้ามาด้วยแรงจูงใจสองกลุ่ม กลุ่มแรก เพื่อเข้ามาทำงานที่ท้าทาย ด้วยอุดมการณ์ของสถาบันผลิตครู กลุ่มหลังเข้ามาหาเงินหรือรายได้ กลุ่มหลังนี้แม้มีไม่มาก เพราะมีการคัดเลือกแล้ว แต่ก็ยังพอมีให้เห็น ซึ่งสำหรับผม ช่วยให้ผมได้เรียนรู้ว่า สภาพจริงของระบบอุดมศึกษาด้านการผลิตครูเป็นอย่างไร กลุ่มหลังนี้ จะพบปัญหา ผู้รับผิดชอบโครงการของสถาบันไม่เข้มแข็ง และผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือคณะที่รับผิดชอบไม่ได้เอาใจใส่
เราจะเห็นระดับหรือสภาพจริยธรรมของสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่ง ได้จากการเข้าไปทำงานด้วย เป็นเรื่องของการสั่งสมวัฒนธรรมองค์กร
ผมเขียนเล่าเรื่องข้อเรียนรู้จากการได้มีส่วนเป็นที่ปรึกษาของคณะอุนกรรมการกำกับทิศทางของโครงการไว้ที่ (๑) ขณะนี้โครงการดำเนินมาถึงการเตรียมรับ นศ. รุ่นที่ ๓
วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครู สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ที่มี รศ. ดร. ดารณี อุทัยรัตนกิจ เป็นประธาน ผมเป็นที่ปรึกษาดังกล่าวแล้ว มีวาระการประชุมที่สำคัญคือ (ร่าง) แผนพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูสำหรับโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ปี 2565 – 2567 โดยมีเป้าหมายผลผลิตสำคัญคือ โมเดลสถาบันผลิตและพัฒนาครูตัวอย่าง และโมเดลการพัฒนาโรงเรียนที่มุ่งยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล
ผมตีความว่า นี่คือการทำหน้าที่ catalyst for change ของ กสศ. ในเรื่องการผลิตครูคุณภาพสูง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล
วิจารณ์ พานิช
๑ ต.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น