ข่าว จี้ ศธ. ปรับระบบผลิตพัฒนาครู (๑) ชักนำให้ผมเขียนบันทึกนี้ เพราะผมสังเกตว่า ผู้ให้ข่าวไม่พูดถึงนักเรียนเลย พูดถึงแต่ครู ตามในข่าว ผลลัพธ์การเรียนรู้แบบ whole child development หรือผล 21st Century Skills ไม่มีอยู่ในสมการเรื่องครู
หนังสือ การศึกษาคุณภาพสูงระดับโลก(๒) บอกที่หน้า ๑๒๙ ว่า ประเทศที่คุณภาพสูงระดับโลก ๕ ประเทศที่เขาไปวิจัย ไม่ผลิตครูโดยไม่ดูความต้องการ ทั้งด้านจำนวนและคุณภาพ อย่างที่บ้านเราทำ บ้านเราผลิตครูเกินความต้องการมากมายในภาพรวม และขาดบางสาขา ในบ้านเราเป็นการผลิตครูโดยปล่อยให้สถาบันผลิตครูคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
ระบบการผลิตครูในบ้านเราอยู่ในสภาพมือใครยาวสาวได้สาวเอา กล่าวได้ว่าไร้การจัดการระบบโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดการสูญเปล่าของบ้านเมืองในหลากหลายมิติ ไม่มีการวางแผน เพื่อให้ผลิตตามความต้องการ ทั้งในเชิงคุณภาพ จำนวน การกระจายเชิงสาขาวิชาเอก และเชิงภูมิศาสตร์
สมัยผมทำหน้าที่คณบดีคณะแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว เป็นเวลา ๖ ปี มีกลไกสร้างความเชื่อมโยง (coordinate) ระหว่างระบบผลิตและระบบใช้แพทย์เป็นอย่างดี นำโดยกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นฝ่ายผู้ใช้ โดยบุคคลสำคัญคือผู้อำนวยการกองแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ ดำรงค์ บุญยืน (ผู้ล่วงลับ) มีการประชุมปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอและเป็นระบบ
ผมจำได้แม่นยำว่า เป้าหมายของการผลิตแพทย์มีปัจจัยหลัก ๓ ด้าน คือ (๑) จำนวนที่เหมาะสม (ไม่มากไม่น้อยเกินไป) (๒) คุณภาพที่ตรงความต้องการ (หากไม่ระวังอาจารย์จะสอนศาสตร์ล้ำยุคตามมาตรฐานสากลที่ตนเรียนมา ไม่ได้ฝึกศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องใช้ในบริบทไทย) และ (๓) การกระจายไปทำงานทั่วประเทศ จำนวน คุณภาพ และการกระจาย คือเป้าหมายที่เราท่องกันขึ้นใจและใช้กล่าวนำการประชุมในตอนนั้น
กลับมาที่การผลิตครู หลักการก็น่าจะคล้ายกัน แต่เวลานี้เราผลิตครูมากเกินความต้องการไม่ทราบว่ากี่เท่า และมีการบ่นจากฝ่ายผู้ใช้คือกระทรวงศึกษาธิการ (ที่เป็นผู้ใช้เจ้าใหญ่ที่สุด) ว่าบางสาขาการผลิตไม่พอต่อความต้องการ เราปล่อยให้ระบบการผลิตครูเป็นระบบเสรี โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อเรียนรู้ระดับโลก (๒)
เมื่อปี ๒๕๖๑ ธนาคารโลกเผยแพร่ World Development Report 2018 ชื่อ Learning to Realize Eduaction’s Promise (๓) บอกว่ากว่าครึ่งของประเทศในโลก (รวมทั้งไทย) ระบบการศึกษาไม่ได้ส่งมอบผลการศึกษาตามเป้าหมาย พูดง่ายๆ คือผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนมีคุณภาพต่ำ และบอกสาเหตุไว้อย่างน่าตื่นใจ (และเศร้าใจ) เพราะปัจจัยส่วนใหญ่เป็นเพราะมีกลุ่มคนเข้าไปตักตวงผลประโยชน์จากระบบการศึกษา แย่งชิงผลประโยชน์ไปจากนักเรียน ผมได้ตีความเผยแพร่ในบันทึกชุด สู่การศึกษาคุณภาพสูง(๔)
ข่าวเรื่องผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ที่เปลี่ยนเกณฑ์และระบบสอบใหม่ และผลออกมาว่ามีคนสอบตกกันมาก (๕) ทำให้มีคนไปฟ้องศาลปกครอง รวมทั้งไปร้องเรียนต่อ รมว. ศึกษาธิการ และมีข่าว (๖) ออกมา ทำให้ผมออกไปปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตามบันทึก (๗) โดยชี้ให้เห็นว่า เป้าหมายของการสอบนี้ก็เพื่อคัดกรองให้ได้คนที่เก่งและดีจริงๆ ไปเป็นครู การออกข้อสอบให้ยากหน่อยจึงน่าจะเหมาะสม
หากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้อง ก็อาจเป็นการซ้ำเติมความอ่อนแอของระบบการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการผลิตครู ผมจึงขอเสนอให้หาทางยกเครื่องระบบการผลิตครูทั้งระบบ เพื่อให้ได้ครูที่มีทั้งคุณภาพ จำนวนพอดี และเป็นระบบที่เอื้อต่อการกระจายครู ให้ครูได้ตั้งใจสอน ไม่ใช่ใจอยู่ที่การวิ่งเต้นหาโอกาสโยกย้าย
การแก้ปัญหาที่แท้จริงต้องแก้ที่ต้นเหตุ (root cause) ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุอย่างที่กำลังทำกันอยู่ ที่อาจยิ่งทำให้คุณภาพการศึกษาตกต่ำลงไปอีก และศักดิ์ศรีความเป็นครูในภาพรวมก็ตกต่ำลงไปด้วย
เริ่มด้วยการวิจัยเชิงระบบ ว่าระบบผลิตครูที่ส่งผลให้ระบบการศึกษามีคุณภาพสูงในประเทศตัวอย่างในโลกคืออะไร ซึ่งที่จริงก็มีคนศึกษาไว้แล้ว ในหนังสือ A World-Class Education : Learning from International Models of Excellence and Innovation (2012) ที่ผมตีความนำมาเผยแพร่ในบันทึกชุด การศึกษาคุณภาพสูงระดับโลก (๒) นั่นเอง แต่ในหนังสือต้นฉบับจะมีรายละเอียดมากกว่า
จากผลการวิจัยเชิงระบบ เอามาทำกระบวนการ Developmental Evaluation (๘) (๙) เพื่อร่วมกันออกแบบระบบการผลิตครูที่เหมาะสมต่อประเทศไทย และขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาได้ผลจริง
วิจารณ์ พานิช
๓ มิ.ย. ๖๔
ไม่มีความเห็น