[review] รีวิว ยอดมนุษย์สุดโต่ง Super me (2021 Netflix)


[review] รีวิว ยอดมนุษย์สุดโต่ง Super me (2021 Netflix) สำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์จีนใต้หวัน เราก็จะเห็นผ่านตามาหลายเรื่องแล้วว่า เขาสามารถสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพสูงมาก จนหลายเรื่องทำให้เราประทับใจ

ดูคลิปรีวิวที่นี่

และสำหรับยอดมนุษย์สุดโต่ง ภาพยนตร์แนวจิตวิทยา ดราม่า แฟนตาซี เรื่องนี้ เชื่อว่าเขาน่าจะเข้าไปอยู่ในใจคนไทยได้หลายคนไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องที่สนุกสนาน เจือฉากความรักและดราม่าได้ลงตัว แถมยังมีแง่คิดดี ๆ ให้กับเราอีกด้วย

ซึ่งเรื่องราวและความดีงามของหนังเรื่องนี้จะเป็นยังไง ขอให้ติดตามรับชมรับฟังได้เลยครับ

ยอดมนุษย์สุดโต่งเล่าเรื่องราวของ ซางหยู นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชีวิตตกต่ำ อันเนื่องมาจากที่เขาต้องเผชิญความผิดปกติไม่สามารถนอนหลับได้ ทุกครั้งที่หลับ จะฝันร้าย ว่ามีปีศาจความฝันไล่ฆ่าทุกครั้ง มันเหมือนจริง และมันก็ยังเจ็บจริง แล้วมันก็หนักหน่วงถึงขั้นที่ว่า แม้ว่าในเวลายามตื่น ก็ไม่สามารถแยกความจริงกับจินตนาการได้แล้ว ไม่ว่าจะไปพบจิตแพทย์คนไหนก็ตามก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้

ซางหยูเขียนบทไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน จนตรอก จนท้ายที่สุดก็คิดฆ่าตัวตาย แต่ชายแก่ขายอาหารก็มาช่วยเขาไว้ แล้วพูดให้เขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้าย เพราะต่อให้คนเราฝันว่าตายสักกี่ครั้งสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี "ฉันกำลังฝัน"

เมื่อซางหยูปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้ายของตัวเองได้ เขาก็สามารถหยิบบางสิ่งบางอย่างจากความฝัน ออกมาในโลกของความเป็นจริงได้ ซางหยูนำไปขายได้เงินมหาศาล เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่อาจคำนาณทรัพทย์สินได้

ซึ่งเรื่องราวของซางหยูจะเป็นยังไงต่อไป สามารถรับชมต่อได้ทาง Netflix ครับ

เป็นหนังที่เกี่ยวกับความฝันที่ถือว่าทำออกมาได้ดี นำเสนอในมุมที่ว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็ล้วนอยากมีฝันดีทั้งนั้น และถ้าเราสามารถทำให้ความฝันกลายเป็นจริงได้มันก็จะดียิ่งกว่า แต่ซางหยูทำได้ดีกว่านั้น เขาสามารถนำสิ่งของความฝันออกมาแล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรี มันรอเวลาที่ต้องจ่ายคืน และการจ่ายคืนนั้นมันหนักหน่วงกว่าความทุกข์เดิมที่เคยมีหลายเท่า

ในด้านแนวคิดที่ว่า คนเราเมื่อฝันแล้ว ก็สามารถหยิบของมาจากความฝันนั้นได้มาในโลกแห่งความจริง ในด้านวิธีการนำเสนอ ดูไปแล้วผมก็คิดถึงหนังเรื่อง Jumper (2008) คนโดดกระชากมิติ ที่พระเอกของเรื่องสามารถหายตัวกนะโดดที่ไหนก็ได้ แล้วก็หยิบสิ่งของจากสถานที่นั้นกลับมา ซึ่งในเรื่องยอดมนุษย์สุดโต่ง ก็มีวิธีการใกล้เคียงกันมาก ๆ เพียงแต่เขาใช้วิธีการ หลับ ฝันแล้วตื่น ไม่ได้กระโดด โดยเฉพาะฉากที่ซางหยูนำรถสปอร์ตจากความฝันออกมาสู่โลกความจริงมัน คล้ายกับหนัง Jumper ชัด ๆ

ในด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกผมไม่ติดใจอะไรเลย แล้วมองว่าเทคนิคการสร้างกราฟิกในหนังของประเทศจีนใต้หวัน มันก็ไม่ได้ด้อยกว่าของ Hollywood เลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฉากในความฝันของซางหยูแต่ละฉาก ทำออกมาได้ดีมาก ดูแล้วก็เพลินมากครับ

หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังรัก ซางหยูหลงรักเจ้าของร้านกาแฟ ก็หาทางจีบเธอจนได้ และประคองความรักได้ดี

ในส่วนของความเป็นหนังดราม่าก็ทำได้ดีมากโดยเฉพาะในช่วงต้น ก็ทำให้เราสงสารและเวทนาตัวละครซางหยูได้จับใจ และในช่วงสรุปเรื่องก็ดึงกลับมาอยู่ในโหมดดราม่าได้ดีอีกครั้งและจบลงิย่างสวยงาม อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังที่มีค่อนข้างครบรสรสก็ได้ แต่แต่ละรสมันยังไม่จัดจ้านเท่านั้นเอง

ชอบ ตัวละครปีศาจในความฝันมาก ออกแบบได้ดี หนังตลอดทั้งเรื่องเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ เพียงแค่โผล่เข้ามาในความฝัน ไล่ฆ่าซางหยูเท่านั้น เขาไม่ได้บอกเหตุผลด้วยซ้ำ ว่าทำไมปีศาจตอนนี้ถึงไล่ฆ่าซางหยู

แต่พอถึงจุดที่เขาจะเฉลยว่าปีศาจตนนี้คืออะไร เกี่ยวข้องกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์ยังไง มันก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับผมมาก มันสามารถสรุปทุกคำถามเกี่ยวกับทุกฉากความฝันของเรื่องได้หมดเลย เราเข้าใจการกระมำของเจ้าปีศาจตนนี้ได้ทันที

แต่หนังก็มีความผิดหวังอยู่หลายจุด เช่นฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในความฝัน มันสั้น และน้อยเกินไป ในช่วงกลางเรื่องก็รู้สึกว่าหนังดึงเวลาเกินไป ฉากที่แสดงถึงความสัมพัน์ระหว่างพระเอกกับนางเอกค่อนข้างใช้เวลามาก แต่ถ้ามองให้ดีแล้ว หนังก็จำเป็นจะต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใดพระเอกถึงยอมบและทุ่มเทให้กับนางเอกมากขนาดนี้

ส่วนในตอนจบมีหลายคนอาจดูแล้วรู้สึกไม่ชอบ เพราะมันมีอารมณ์ของความยัดเยียด คลุมเครือ ยัดเยียด เร่งรีบจบ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ส่วนตัวแล้ว ผมกลับรู้สึกชอบมาก มันก็ยังอยู่ใน Theme ของความฝันและจิตวิทยาได้ดี

หนังเรื่องนี้มี end credit ด้วยนะครับ และผมมองว่ามีความสำคัญเกี่ยวกับตีความเรื่องด้วย ไม่ควรพลาดนะครับ

หนังสามารถใช้ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ โดยนักจิตวิทยาที่สำคัญของโลกคือ ซิกมัน ฟรอยด์ และ คาร์ด ยุง มาใช้อธิบายหัวใจสำคัญของเรื่องได้ดีมาก เขาพูดถึงอิด อีโก้และซุปเปอร์อีโก้ ว่าคือ 3 ส่วนที่ประกอบกันเป็นจิตของมนุษย์ คือ

ในโลกของความเป็นจริง อีโก้จะถูกข่มเอาไว้โดยบรรทัดฐานทางสังคม ในทางความฝัน อิด จะแสดงความต้องการทางพื้นฐานของมนุษย์ ส่วนสุปเปอร์อีโก้จะทำหน้าที่ต่อสู้กับอิด และต่อสู้กับอีโก้ไปด้วยพร้อมกัน

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต่อให้เราไม่มีความรู้ด้านจิตวิทยาในประเด็นนี้เลยก็ตาม เราก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนุกและรู้เรื่อง เพราะหนังมันที่สื่อถึง 3 สิ่งนี้ออกมาอย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของซางหยูที่อยากมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องลำบาก เมื่อมีเงินมากเขาก็นำเงินมาตอบสนองความต้องการทางด้านพื้นฐานเช่น อาหาร เสื่อผ้า ที่อยู่อาศัย รวมไปถึงความรัก อธิบายถึงความโลภหรือด้านมืดภายในจิตใจของพระเอกที่ต้องการอยากได้อยู่ตลอดเวลา และยังสามารถอธิบายถึงด้านดีของพระเอกที่แสดงออกมาในการช่วยเหลือคนที่มีบุญคุณต่อเขา และรวมถึงการไม่ตัดสินใจทำในสิ่งผิด ซึ่งอะไรคือ อิด อีโก้และซุปเปอร์อีโก้ หนังเขาไม่ได้บอก แต่ปล่อยให้คนดูตีความเอาเอง

อย่างไรก็ตามยอดมนุษย์สุดโต่ง เป็นหนังที่พูดถึงความฝัน ไม่ว่าจะเป็นฝันร้าย หรือฝันดี ซึ่งสามารถนำมาอธิบายชีวิตของพวกเราได้ว่า

ไม่มีใครหรอกที่อยู่ในฝันร้ายตลอดไป แล้วก็ไม่มีใครจะอยู่ในฝันดีตลอดไป มันผสมปนเปกันไปตลอดชีวิต ในความเป็นจริงของชีวิตของคนเรา มีทั้งช่วงเวลาแย่ ๆ และช่วงเวลาที่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของชีวิตเราจะสามารถหาทางออกให้กับมันได้หรือไม่ และในช่วงที่เรามีชีวิตที่ดีเราจะเก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ เอาไว้ได้มากที่สุดได้อย่างไรต่างหาก

8/10

@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel

#ยอดมนุษย์สุดโต่ง

#SuperMe2021

#Netflix

หมายเลขบันทึก: 690666เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2021 00:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2021 00:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท