งานส่วนหนึ่งของอาชีพครูที่มีเฉพาะบางคนได้สัมผัสและได้เป็นคือ "บทบาทครูพี่เลี้ยง" ซึ่งจะต้องดูแลนิสิต หรือนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ขอบเขตการทำงานของครูพี่เลี้ยง (Mentor) คือ การให้คำปรึกษาและคำแนะนำ ดูแลและพาทำ งานต่างๆของครูตั้งแต่การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดทำใบงาน การทำสื่อประกอบการสอน การเตรียมเครื่องมือวัดและประเมินผล และการควบคุมบริหารจัดการชั้นเรียนให้แก่นักศึกษาหรือนิสิตที่มาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อพัฒนาศักยภาพของว่าที่ครูให้เพิ่มพูน ตลอดจนขยายประสบการณ์ และเมื่อปีการศึกษา 2563 ครูนกได้รับหน้าที่ครูพี่เลี้ยงของน้องฝึกประสบการณ์ เป็นน้องผู้หญิงและถือว่าเป็นรุ่นน้องวิชาเอก (อายุรุ่นลูก)และรุ่นน้องมหาวิทยาลัยได้เลย โดยทำหน้าที่สอนวิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เริ่มต้นคือ การพูดคุยกรอบการปฎิบัติงานกับน้องซึ่งน้องจะสอน 3 ห้องเรียนเป็นของครูนก 2 ห้อง และแบ่งจากคุณครูอีกท่านมา 1 ห้อง เพื่อให้ได้คาบสอน 9 คาบต่อสัปดาห์ จากนั้นวางแผนเรื่องการจัดทำแผนการสอน โดยครูนกอนุญาตให้น้องส่งไฟล์มาให้ตรวจดูก่อนที่จะสอนจริง ซึ่งได้เติมเต็มเรื่องกระบวนการสอน การใช้สื่อและการใช้เครื่องมือวัด นอกจากนี้น้องยังได้ร่วมสอนonline ด้วยในช่วงท้ายของการสอนonsite ซึ่งว่าที่ครูยุคใหม่จะถนัดการใช้สื่อ ใช้แอปพลิเคชัน และใช้แพลตฟอร์มในการสอน เมื่อเข้าสู่ช่วง onsite ได้ให้น้องสังเกตการสอนครูนกหนึ่งสัปดาห์จากนั้นให้น้องลงมือปฏิบัติ โดยมีครูนกเป็นผู้สนับสนุนอยู่หลังห้องหรือช่วงทำการทดลองก็ถือว่า เป็น Co-teaching รูปแบบหนึ่ง สิ่งที่เป็นจุดเด่นของน้องคือ การสร้างสื่อในการสอน จัดทำได้น่าสนใจ แต่สิ่งที่ต้องย้ำๆ แต่ก็ยังต้องพัฒนาต่อไปแม้จะฝึกสอนเสร็จแล้วคือ การเขียนกระดานประกอบการอธิบาย ซึ่งควรต้องใช้ในบางช่วงจังหวะ ทุกครั้งที่น้องเข้าสอนครูนกติดตามไปนิเทศทุกครั้ง หรือบางทีก็แปรสภาพเป็นLabboy จนอาจารย์ที่มานิเทศบอกว่า นักเรียนตั้งใจหรือร่วมมือดีเพราะครูนกอยู่ในห้องด้วย ก็มีส่วนแต่จริงๆแล้วเด็กเขารู้งานมากกว่าค่ะเมื่อมีบุคคลที่ไม่คุ้นเคยมาร่วมห้องจะเรียบร้อยกว่าปกติ และหลังจากสอนเสร็จหากมีประเด็นต้องแก้ไข หรือเติมเต็มเร่งด่วนก็จะรีบชวนน้องคุยทันทีเพื่อให้งานสอนเป็นไปอย่างดีที่สุด นอกเหนือจากงานครูนกชวนน้องมาอยู่ "ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ" กับครูนกก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์การสอนวิทยาศาสตร์จากคุณครูท่านอื่นๆ ในกลุ่ม และชวนไปร่วมกิจกรรมชุมนุมอนุรักษ์พืชสมุนไพรในท้องถิ่น และลงไปช่วยกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีเหล่าเสนา นอกเหนือจากนี้ให้เวลากับน้องในการเตรียมแผนการจัดการเรียน เตรียมสื่อ ตรวจงาน และติดตามนักเรียน ด้วยตั้งนโยบายในใจค่ะ ว่าจะไม่ใช้น้องฝึกประสบการณ์ในการอำนวยความสะดวกส่วนตัวให้กับตนเอง อีกประเด็นของน้องฝึกประสบการณ์คือการทำวิจัยในชั้นเรียน ครูนกจะถามน้องเป็นระยะว่า มีประเด็นในใจหรือยัง จนสุดท้ายน้องให้ข้อมูลว่าได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่คณะให้ศึกษาผลของการใช้แบบเรียนสำเร็จรูปในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ในมุมมองของครูพี่เลี้ยงอยากให้งานวิจัยในชั้นเรียนเป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่ครูพบหรือประสบจากการเรียนการสอน จะแก้ไขทั้งห้องหรือหนึ่งคนก็ย่อมได้ดังนั้นรูปแบบงานวิจัยในชั้นเรียนที่ครูนกมองไว้ก็คงเป็นงานวิจัยแบบผสมคือ เชิงคุณภาพผสมกับเชิงปริมาณ แต่สุดท้ายก็ให้น้องฝึกประสบการณ์ไปตามแนวทางที่ได้รับคำแนะนำมา ส่วนการดูแลอื่นๆ ก็จะเหมือนแม่ดูแลลูกค่ะ เสริมแรงยามสำเร็จ ดูแลยามไม่สบาย และตักเตือนเมื่อสิ่งที่ทำไม่ใช่ นอกจากนั้นก็จะมีขนม น้ำ และอื่นๆ ให้เป็นกำลังเสริม สำหรับการเป็นครูพี่เลี้ยงปีแรกถือว่าโชคดีน้องฝึกประสบการณ์คนแรกของครูนกมีความเป็นครูสูง วันหนึ่งต้องเป็นครูที่สอนวิทยาศาสตร์แล้วเด็กรักในครูและวิชาแน่นอน
ปีการศึกษา 2564 ก็จะได้เป็นครูพี่เลี้ยงปีที่สองที่จะได้มีคนร่วมสอน ร่วมดูแลนักเรียนซึ่งยังอยู่ในยุควิถีใหม่ซึ่งอาจจะต้องจัดการเรียนรู้หลายช่องทาง Online Onair Onsite Ondemand Onhand คงต้องติดตามประเมินตนเองสำหรับบทบาทครูพี่เลี้ยงว่าจะส่งเสริมและเติมเต็มความเป็นครูให้น้องฝึกประสบการณ์ได้มากน้อยเพียงใด ครูพี่เลี้ยงคนนี้ยังคงใช้นโยบายเดิม "มุ่งส่งเสริมงานสอน เติมความเป็นครู แบบเน้นปฎิบัติ"
“จิตวิญญาณความเป็นครู” สำคัญที่สุดครับ ครูนก ;)…
ครู..สำคัญต่อคนในอนาคตมากเลยค่ะ