Covid จำแนกชีวิตด้วยเส้นทางสีขาว สีเทา และสีดำ...


ถ้าเราอยู่ในสายสีขาวเราก็ปลอดภัยแต่ถ้าใครออกนอกลู่นอกทาง ดำเนินชีวิตในสายสีเทาหรือสีดำนั้น มีโอกาสที่จะประสบพบเจอกับปัญหาของชีวิต...
เรื่องเส้นทางสีขาว สีเทา สีดำของชีวิต หากตีความให้ชัดเจนมากขึ้น มิใช่จะชี้เฉพาะความเสี่ยงในการติดโควิดเท่านั้น แต่เป็นความเสี่ยงในทุก ๆ ย่างก้าวของชีวิต...


คำว่าสายสีขาว ก็มิใช่หมายความว่า ผู้ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในวัด หรือต้องมาเก็บตัวอยู่ในวัด แต่หมายถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติในทุก ๆ อิริยาบถ...

ครั้งหนึ่งที่มีโอกาสได้จดข้อวัตรปฏิบัติของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม จะมีข้อหนึ่งที่ครูบาอาจารย์เน้นย้ำว่า "มาวัดก็ให้อยู่แต่ในวัด อย่าพากันออกไปเที่ยว พากันไปกินก๋วยเตี๋ยวในตลาด..." แม้แต่พวกที่ชอบออกไปซื้อกาแฟสดหน้าวัดก็เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง

เราจะเห็นได้ว่า เมื่อมาถึงที่นี่ จะมีญาติโยมผู้เสียสละชงข้าวโอ๊ดให้เรา ถ้าใครถือศีล ๘ ก็จะชงโกโก้ให้เรา หรือแม้กระทั่งใครจะขับรถเดินทางไกล ครูบาอาจารย์ท่านก็จะเมตตาชงกาแฟใส่แก้ว ใส่กระติกไปให้เรา 

ทุก ๆ อย่างมีพร้อมให้เรากินเราดื่มอยู่ที่นี่ แต่ทว่า เจ้าหัวใจสีเทา ๆ ก็ดิ้นเร่า ๆ จะออกไปซื้อกาแฟสด ๆ ช็อคโกแลตร้อน ๆ ข้างนอก กาแฟธรรมดาก็กินไม่ได้ ต้องอเมซอน ต้องสตาร์บัค....

---------------------------------

ศีล ๕ นี้เอง จึงเป็นทางสายสีขาว

ยกตัวอย่างให้

ให้เมตตากัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีผู้อาวุโสมา ก็รีบขวนขวายหาเก้าอี้ให้นั่ง ชงข้าวโอ๊ต ชงชา ชงกาแฟให้ดื่ม

ความพอใจ พอเพียง ที่นี่ผู้ที่รับผิดชอบจะตระหนักเสมอว่า อย่าให้เครื่องดื่มต่าง ๆ นั่งพร่องไป ต้องมีบริการไว้ให้ตลอดตามที่ต้องการ กาแฟในนี้ไม่ใช่ไม่มี แต่ที่มีมันไม่เพียงพอต่อกิเลสที่ใจของเราต้องการ

แค่สองข้อนี้ ถ้าเรามีปัญญา มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง เราก็สามารถนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องได้

ในบ้านของเรา ถ้าเรามีพร้อมซึ่งอาหาร เครื่องดื่ม เราก็ไม่ต้องขวนขวายดิ้นรนออกไปหาดื่ม หากินที่ไหน

บางคนก็ชอบพูดหาเหตุผลว่า ออกไปใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ออกไปผ่อนคลายความเครียด ฯลฯ แต่แท้ที่จริงเป็นการตอบสนองกิเลส ตัณหา ราคะ อุปทานของตัวเอง

เราจบปริญญาตรี กิเลสมันก็จบปริญญาตรี เราจบปริญญาโท กิเลสมันก็จบปริญญาโท เราจบปริญญาเอก กิเลสมันก็จบปริญญาเอก มันหาเหตุผลมาส่งเสริมสนับสนุนให้เราทำตามที่กิเลสมันเรียกร้อง จากสิ่งที่ผิด มันก็หาเหตุผลมาบอกว่านี่แหละเป็นสิ่งที่ถูก เราทั้งหลายจึงถูกกิเลสนั้นจูงจมูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

-----------------------------------

พระพุทธองค์ท่านจึงทรงตรัสสั่งสอนให้เรารู้จักประมาณในการบริโภค

ครูบาอาจารย์ท่านจึงเน้นย้ำให้เรารู้ไว้เสมอว่า อาหารที่เราทานเข้าไปเป็นเพียงยารักษาโรค มิใช่บริโภคเพื่อส่งเสริมกิเลส

คนเราถ้าหากมีความพอเพียง พอใจ ชีวิตของเราก็จะมีความสุขอยู่ได้ในปัจจุบัน

บุคคลที่ชอบท่องเที่ยวออกไปหาความสุขภายนอกนั้น เขาจะไม่สามารถพบความสุขที่แท้จริงได้เลย

การออกกำลังกาย ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนง่าย ๆ ให้ทำงานบ้านให้มีความสุข

กวาดบ้านถูบ้านให้มีความสุข ซักผ้า ล้างห้องน้ำให้มีความสุข ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ให้มีความสุข เพราะการปฏิบัติงานก็คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็คือการปฏิบัติงาน ทั้งสองอย่างนี้ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแยกจากกันไม่ได้

ถ้าแยกจากกัน ก็เป็นดังที่ท่านเมตตาบอกว่า ถ้าพาเขาเอาแต่เดินจงกรมนั่งสมาธิ ก็เหมือนกับการสร้างโลกหนึ่งแยกขึ้นมา ว่าการปฏิบัติธรรมต้องปลีกตัวไปอยู่ในโลกนั้น โลกแห่งการเดินจงกรมนั่งสมาธิ เราจึงชอบมักพูดติดปากกันว่า งานเยอะ ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม



-----------------------------------

การออกกำลังกายก็เช่นเดียวกัน... ถ้าหากเราคิดว่าการออกกำลังกายต้องไปเข้าฟิตเนทหลังเลิกงาน ก็ต้องการสร้างโลกการออกกำลังกายขึ้นอีกโลกหนึ่งเหมือนกัน

หลาย ๆ คนที่มา ท่านจึงสอนให้ออกกำลังกายโดยใช้งานในบ้านนี้แหละ หางานให้ตัวเองทำ อย่าให้ว่าง ถ้าไม่มีงานอะไรก็ให้ยกมือยกไม้ ชกลม ต่อยลม ให้ได้ขยับเขยื้อนร่างกาย

เหมือนครั้งหนึ่งที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ได้จำพรรษาอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนเย็นท่านก็จะออกมาเดินรอบ ๆ ศาลา โดยปกติเวลาท่านตรวจงานท่านจะถือไม้เท้าไว้ข้างหนึ่ง แต่ตอนที่เดินจงกรมเพื่อออกกำลังกายรอบศาลาที่เชียงใหม่ ท่านก็จะไม่ถือไม้เท้า ท่านบอกว่า จะได้แกว่งแขน ไกวแขน...



-----------------------------------

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ... หากเราเข้าใจการปฏิบัติธรรมะ เราก็จะเข้าใจและใช้ชีวิตกับธรรมชาติแบบธรรมดาๆ

อย่างเช่นโควิดรอบสามที่ระบาดนี้ ส่วนหนึ่งก็การผิดศีลข้อ ๕ พากันไปเที่ยวเตร่ สรวลเสเฮฮา เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ ดื่มเหล้าเมายา จนพากัน "ขาดสติ"

ปกติคนเราสติก็ไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว ยิ่งไปดื่มเหล้า เสพยา สติที่เคยมีมาก็ขาดสะบั้นในทันที

นี่ก็ย้อนกลับมาตั้งแต่เรื่องของศีลข้อ ๒ คือความพอใจ... ความพอใจที่จะอยู่บ้านอย่างมีความสุข อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข แต่ด้วยหัวใจที่รักสนุก ก็พากันไปวิ่งแสวงหาความสุขตามสถานบันเทิงต่าง ๆ 

เมื่อไปแล้ว เจอของสวย ๆ งาม ๆ ได้เจอคนหนุ่ม คนสาว สติที่ขาดไปจากเหล้าจากยา ก็จะพาไปผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร นอกใจคู่ครอง ไปเฉลิมฉลองกับลูกเขา เมียใคร พอกลับบ้านก็ต้องโกหกใส่ไฟ เพราะให้รอดตัวไปได้เป็นวัน ๆ 

ดังนั้น ถ้าใครเดินตามทางสีขาว ชีวิตของผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอันตรายใด ๆ เพราะมีศีลเป็นเกราะป้องกันภัย ทำให้เราดำเนินชีวิตอยู่ได้ในสังคมปัจจุบัน

หากใครชอบชีวิตสีเทา ๆ หลงมัวเมากับความสุข ความสนุกสนาน อีกไม่นาน ชีวิตก็จะกลายเป็นสีดำ เพราะเขาเอาเราไปเผาเสียแล้ว อันนั้นดำจริง ดำและหยุดนิ่งจากสรรพสิ่งคือความตาย...

หมายเลขบันทึก: 689956เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2021 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน 2021 09:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท