กฎหมายกับศาสนา
กฎหมายเป็นเรื่องของสังคม เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้กับคนในสังคม แต่ศาสนาเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล โดยมีเป้าหมายเน้นที่การทำให้คนเป็นคนดี เป็นคนๆ ขัดเกลาเพื่อให้รู้จักสังเกตตน รู้เท่าทันตน จัดการตนได้ทันท่วงที และสามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์อย่างที่จะมีทุกข์น้อย ต่างจากกฎหมายซึ่งไม่มีเป้าหมายที่จะสร้างคนดี กฎหมายเพียงทำหน้าที่กำราบคนชั่ว ถ้าหากสังคมเราไม่เพียงแต่ต้องการแค่ระบบกำราบคนชั่ว หากแต่ต้องการระบบสร้างคนดีด้วย เราก็ต้องการทั้ง "กฎหมายและศาสนา"
เนื่องจากการเปลี่ยนคนเลวให้กลายเป็นคนดีนั้นยากกว่าการป้องกันคนดีไม่ให้ทำร้ายคนอื่น ด้วยการคาดโทษและขู่ด้วยกฎหมาย แต่ กับคนโกง คนเลวที่ฉลาดมากๆ กฎหมายก็มักเอาไม่อยู่ ไล่ไม่ทัน เป็นเหตุทำให้สังคมถูกทำร้าย คำสอนทางศาสนาแม้ว่ายากที่จะปฏิบัติตาม และยากที่จะเห็นผลทันที จึงต้องรอเวลา และ ทุกอย่างย่อมค่อยเป็นค่อยไป สังคมจึงจำเป็นต้องมีศาสนา
ศีลจึงหลักการเป็นเบื้องต้นที่พระพุทธเจ้าทรงออกแบบสำหรับเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาตนให้เป็นคนดีในระบบของศาสนา การถือศีล รักษาศีล ต้องมาจากความสมัครใจและเข้าใจ ทั้งนี้ "ศีล" ไม่ใช่พิธีกรรม ไม่ใช่ กฎหมาย หรือข้อบังคับใดๆ แต่ศีลเป็นระบบของการ"เอาชนะตนในเบื้องต้น" นี่คือหัวใจของศีล.
ศาสนา กับ กฎหมาย ใช้งานต่างกัน เป้าหมายต่างกัน แต่ถ้าสังคมต้องการความก้าวหน้าและมั่นคงสังคมก็ต้องการทั้งสองอย่าง นั่นเอง.
ธันรบ วงศ์ษา
ไม่มีความเห็น