๘๗๖. การเรียนรู้เรื่องราวจากชีวิตจริง


การเรียนรู้เรื่องราวจากชีวิตจริง

เมื่อวันหยุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (๒๐-๒๑ มีนาคม ๒๕๖๔) ที่ผ่านมา...เรื่องบางเรื่องก็ไม่น่าเป็นเรื่อง แต่มันก็เป็นเรื่อง...เรื่องมีอยู่ว่า...มีไปรษณีย์นำจดหมายมาส่งให้กับแม่อ้อมของพี่ฟ้าครามที่บ้าน แม่อ้อมดูชื่อก็แปลก ๆ ว่า ไม่ใช่คนที่บ้าน แต่บ้านเลขที่ คือ บ้านเลขที่ของบ้านเรา แต่รหัสไปรษณีย์เป็นของอีกตำบลหนึ่งในอำเภอเดียวกัน...แม่อ้อมอ่าน แต่ก็เก็บไว้ให้ปู่จเรดู เพราะซองเป็นสีน้ำตาล อาจเป็นของพ่อจเรที่เคยรับราชการมา

พอพ่อจเรเห็นซองเริ่มสงสัย...จึงทำการเปิดอ่าน ข้างในเนื้อความเป็นการทวงหนี้จากบริษัทแห่งหนึ่งใน กทม. ซึ่งทวงหนี้ชื่อคนนั้น สมมุติว่า ชื่อ นาง ก. พ่อจเรให้สงสัยว่า ไม่ใช่ชื่อของคนบ้านเรา พ่อจเรจะเป็นคนที่รอบคอบเสมอในการที่มีสิ่งแบบนี้มาเกี่ยวพันกับครอบครัวของเรา อดนึกแปลกใจไม่ได้ เพราะบางทีก็จะมีชื่อใครไม่ทราบ ตอนไปเลือกตั้ง มีชื่อมาอยู่กับบ้านของเรา...ในเนื้อความจดหมาย เป็นการทวงหนี้ แจ้งว่าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย และให้ไปชำระหนี้ภายในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ หากไม่ไปชำระหนี้จะยึดทรัพย์สิน ที่ดิน...

ในที่สุดผู้เขียนอดรนทนไม่ได้ เพื่อจะได้หายเคลือบแคลงใจกันทั้งในครอบครัว และเพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียมาสู่ครอบครัวของเรา เป็นการปกป้องไม่เกิดเสียชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี...วันอาทิตย์เลยโทรไปที่บริษัทนั้น เพื่อบอกว่าสิ่งที่ส่งมามันไม่ใช่คนในครอบครัวของเรา แต่เมื่อโทร ไป ไม่มีผู้ที่รับสาย เลยฝากข้อความเสียงไว้...แต่บอกลูก ๆ ว่า วันจันทร์ให้ทำหนังสือไปถึงหัวหน้าไปรษณีย์ พร้อมแนบหลักฐานทั้งหมดไปให้เขาดูว่าพ่อเพรียงของพี่ฟ้าครามเป็นเจ้าของบ้าน แต่ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เซนต์รับเรื่องไว้ด้วยนะ ทำอะไรต้องมีหลักฐานทั้งหมด...และก่อนไปไปรษณีย์ ต้องไปที่อำเภอขอดูทะเบียนบ้านจากเจ้าหน้าที่ว่าบ้านของเราทั้งหลังของพ่อจเร และพ่อเพรียงเป็นเจ้าของบ้านคนเดียวหรือไม่ หากมีต้องแจ้งให้เขาทราบว่าผิดปกติ...

เมื่อวันจันทร์ (๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔๗) แม่อ้อมของพี่ฟ้าครามได้ไปติดต่อที่อำเภอ ปรากฎว่า ทะเบียนบ้านของทั้งสองคนเป็นชื่อเดี่ยวไม่มีผู้อื่นอาศัยด้วย...ค่อยโล่งอก และแม่อ้อมก็ไปเดินเรื่องต่อที่ไปรษณีย์ ก็เรียบร้อย...และแม่อ้อมก็บอกว่า "หนูได้โทรไปที่บริษัท ที่เขามาทวงเงินบ้านเราว่า คนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเรา บริษัทส่งมาบ้านผิด ทางบริษัทเขาขอบคุณเรานะแม่ บอกว่าขอโทษ แล้วเขาจะไปดำเนินการของเขาเอง"...ผู้เขียนถามต่อว่า ได้บอกบริษัทไปไหมว่าคนนี้อยู่บ้านเลขที่ใด แม่อ้อมบอกว่า ไม่ได้บอกนะแม่ ให้เขาไปหาเอง...ผู้เขียนบอกว่า "ดีแล้ว เก็บหลักฐานของคนนี้ที่ไปขอที่อำเภอเก็บไว้ดี ๆ เพราะข้างหน้าอาจมีปัญหา"...แต่พอบ่ายวันจันทร์ นักกฎหมายของบริษัทก็โทรมาหาผู้เขียนตามที่ได้ฝากข้อความเสียงไว้ และก็ได้แจ้งไปว่า แม่อ้อมได้โทรบอกบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว นักกฎหมายจึงเข้าใจ...สำหรับแม่อ้อมมีเจตนาดี ยังขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปบอกผู้ใหญ่บ้านของ นาง ก. ช่วยบอกเขาตามหนังสือที่แจ้ง ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมของคนกระทำก็แล้วกัน

นี่คือ การเรียนรู้จากชีวิตจริงของลูก ๆ ที่เราไม่เคยมีเจตนาร้ายจะไปทำร้ายใคร แต่สิ่งร้าย ๆ บางทีก็เข้ามาเราโดยที่ไม่รู้ตัวเช่นกัน เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสอนให้ลูก ๆ ระมัดระวังตัวเอง...เพราะอนาคต ไม่มีพ่อ-แม่ อาจเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องมีสติ มีความรู้ที่จะต้องเดินเรื่อง อย่าปล่อยให้มันคาราคาซัง จะทำให้ไปกันใหญ่ พ่อจเรบอกว่า นี่แหล่ะ คือ การเรียนรู้จากเรื่องจริง ๆ ของชีวิตเรา ...มันคือ การเรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายที่เมื่อเราเรียนรู้ ก็ต้องนำมาใช้กับชีวิตจริงของเราเอง มันอาจไม่เกี่ยวกับเรา แต่เราต้องป้องกันตัวเอง เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับตัวของครอบครัวเราเอง...เรื่องไม่น่าเกิด มันก็เกิด ยิ่งเกี่ยวกับกฎหมาย เราต้องรู้ให้ทันและเตรียมแก้ปัญหาให้เป็น...หากเราไม่บอกจะหาว่าตัวเราละเลย เพิกเฉย ไม่ใส่ใจได้

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ แสงเงิน

๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔

หมายเลขบันทึก: 689690เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2021 08:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2021 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท