บทความ ฐานของความเท็จและจริงโดยนิธิ เอียวศรีวงศ์ ลงพิมพ์ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ๕ - ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เล่าเรื่องกลุ่ม QAnon ในสหรัฐอเมริกา ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีลัทธิความเชื่อแบบนี้ในประเทศอันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
สะกิดให้ผมได้สติ ว่ามนุษย์เรามีลักษณะทั้งสองด้านของเหตุผล คือทั้งมีเหตุผล และไร้เหตุผล เมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว ผมเล่าข้อสะท้อนคิดจากการอ่านหนังสือ What the Dog Saw ไว้ที่ (๑) และเมื่อ ๙ ปีที่แล้ว ผมเขียนข้อสะท้อนคิดหลังจากอ่านหนังสือ Predictably Irrational ไว้ที่ (๒) เตือนสติว่า ความไร้เหตุผลเป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์ และย่อมมีความไร้เหตุผลระดับไม่น่าเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนจำนวนมากมีความเชื่อร่วมกันอย่างกลุ่ม QAnon
ที่จริงการที่นายโดแนล ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็น ปธน. อเมริกา ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความไร้เหตุผลของคนอเมริกัน
ศ. นพ. ประเวศ วะสี สอนคู่บ่าวสาวว่า การครองชีวิตคู่ต้องอยู่กันด้วยพลังของความรัก ความต้องการอยู่ด้วยกัน อย่าพยายามเอาเรื่องเหตุผลเป็นใหญ่ ผมในฐานะลูกศิษย์ของอาจารย์ ฟังแล้วเข้าใจซึ้งว่า ท่านสอนจากประสบการณ์ตรง เราเข้าใจ เพราะภรรยาของท่านเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมทั้งที่จุฬาฯ และที่ศิริราช และประสบการณ์ตรงของผมก็เป็นเช่นนั้น
มนุษย์เรามีชีวิตที่ดีได้ ไม่ได้ขึ้นกับเหตุผลเพียงอย่างเดียว เราอยู่กับอารมณ์ด้วย
Paul Conner เขียนเรื่อง “Emotional Economics” May Be a Better Name for Behavioral Economics (2017) (๓) เตือนสติเราว่า ไม่ว่าจะเป็นวิชาเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม หรือเศรษฐศาสตร์อารมณ์ ต่างก็เป็นวิชา “ล้วงกระเป๋า” เพื่อนมนุษย์ทั้งสิ้น
ทำให้ผมหวนกลับมานึกถึงเหตุการณ์บนจอทีวีที่บ้านผม ที่สาวน้อยเปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อน กว่าครึ่งของรายการที่ถูกเปิดทิ้งไว้เป็นรายการที่ผมฟังแล้วนึกในใจว่า “คนฟังเชื่อคำโฆษณาเหล่านี้ได้อย่างไร” คือผมคิดว่า คนฟังเขาไม่ได้โง่
แต่ผมลืมไปว่า คนฟังจำนวนไม่น้อย ไม่ได้ฟังอย่างมีเหตุผล
ผมคิดในใจว่า สคบ. และกลไกควบคุมข้อมูลข่าวสารของรัฐ ยอมให้มีการโฆษณากึ่งจริงกึ่งเท็จเหล่านี้ได้อย่างไร และตอบตัวเองว่า เขาคงเลียนแบบอเมริกัน ที่เน้นเสรีภาพในการแสดงออก ผู้รับสารต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ และผมคิดต่อว่า ใครเผลอถูกคำโฆษณากระตุ้นความไร้เหตุผลให้ลุกโพลง ก็ย่อมถูกล้วงกระเป๋า มนุษย์ในยุคปัจจุบันจึงต้องฝึกควบคุมความไร้เหตุผล
บทความ (๓) บอกเราว่า หากจะป้องกันตัวเองจากอารมณ์หรือความไร้เหตุผล ให้ฝึกคิดช้าๆ หรือคิดระบบที่ ๒ (๔) ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่ใช่อยู่ที่การคิดเท่านั้น แต่อยู่ที่การมีสติ การฝึกเจริญสติจึงน่าจะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของการคิดระบบที่ ๑ (๔)
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ก.พ. ๖๔ วันแห่งความรัก
ไม่มีความเห็น