หนังสือเรื่อง What the Dog Saw โดย Malcolm Gladwell กระตุ้นให้ผมเขียนบันทึกนี้
ผมซื้อหนังสือเล่มนี้จากสนามบินภูเก็ต ด้วยความศรัทธาในชื่อผู้แต่ง แต่เมื่ออ่านเรื่องแรกก็รู้สึกผิดหวัง อาจเป็นเพราะผมอ่านรายละเอียดไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ผมชอบชื่อเรื่องรอง ที่บอกว่า “To a worm in horseradish, the world is horseradish” ที่ผมคิดว่าโคลงโลกนิติ์ ให้ใจความเดียวกัน แต่ให้สุนทรีย์มากกว่า
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชะเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำ ลึกเหลือ
แต่เมื่ออ่านไปถึงเรื่องที่ ๔ ชื่อเรื่อง Blowing Up ที่เล่าเรื่อง “คนบ้า ๒ จำพวก” ที่เป็นนักใช้ข้อมูลวิเคราะห์ตลาดหุ้น ที่ไม่เหมือนนักวิเคราะห์บ้านเรา ที่ใช้ข้อมูล (จริงๆ แล้วใช้สารสนเทศ) จากแหล่งอื่นมาใช้วิเคราะห์ คือยืมจมูกคนอื่นหายใจ แต่ “คนบ้า” ในเรื่อง ๒ คนนี้ทำธุรกิจสำนักวิจัยครับ แต่ไม่ใช่วิจัยเพื่อตีพิมพ์ เป็นการวิจัยเพื่อเอาไปคาดการณ์ตลาดหุ้น แล้วลงทุนเองหวังรวย
สำนักวิจัยของ “คนบ้า” ทั้ง ๒ สำนักนี้ มีทีมงานที่มีความรู้สูงมาก มีทั้งนักคณิตศาสตร์ระดับปริญญาเอก นักศึกษาปริญญาเอก นักไอซีที นักจิตวิทยา และนักฟิสิกส์ คือใช้ทั้งทฤษฎีขั้นสูง การเก็บข้อมูลที่หลากหลาย และการวิเคราะห์หาแนวโน้ม
สำนวนการเขียนของ Malcolm Gladwell แพรวพราวน่าตื่นตาตื่นใจไปกับการพรรณาบรรยากาศของสำนักทั้งสอง ที่ต่างก็มีตำราในห้องสมุดหลายพันเล่ม และมี computational power สูงมาก และมีความเหมือนกันที่ “ความบ้า” quantitative analysis โดยเขามีศัพท์สะแลง เรียกนักวิจัยเหล่านี้ว่า “quants” และความเหมือนอีกอย่างหนึ่งคือต่างก็รวยมากจากการค้าหุ้น
แต่ ๒ สำนักนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงในวิธีวิทยาลึกๆ ของการวิจัย กลุ่มแรกที่รวยมานานกว่า รวยกว่า มีชื่อเสียงกว่า เน้นการวิจัยเพื่อหาแนวโน้มจากการศึกษาความมีเหตุผลของมนุษย์ อิง “ทฤษฎีระฆังคว่ำ” (normal curve) แต่กลุ่มหลังเน้นการศึกษาความไม่มีเหตุผลของมนุษย์ พยายามวิจัยหาร่องรอยของการที่ส่วนปลายของเส้นโค้งรูประฆังทั้ง ๒ ข้างมันโป่ง หรือกล่าวตรงๆ หาโอกาสที่ตลาดหุ้นจะไม่เป็นไปตามเหตุผล
เท่ากับทั้ง ๒ สำนัก เป็นนักเล่นการพนันในตลาดหุ้นด้วยการซื้อขายสิ่งที่เขาเรียกว่า options คือซื้อขายสิ่งที่ไม่มีคัวตน เขาเป็นนักเล่นการพนันชั้นเซียน เพราะใช้ความรู้เชิงวิชาการสูงมาก สูงกว่านักวิชาการในมหาวิทยาลัยโดยทั่วไป และเจ้าสำนักที่ ๒ กำลังอยู่ระหว่างตามวัดรอยเท้าเจ้าสำนักแรก แต่วัดทีไรก็เหมือนเด็ก ๒ ขวบวัดรอยเท้าผู้ใหญ่
เรื่องนี้จบแบบหักมุมว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. ๒๐๐๑ ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในขาขึ้น กูรูท่านแรกกวาดซื้อหุ้นอย่างมั่นใจ แต่กูรูท่านที่ ๒ ขายหุ้นก้อนใหญ่มาก แล้วไม่กี่วันต่อมาก็มีเครื่องบิน ๒ ลำบินมาชนอาคารแฝดของ World Trade Center กูรูท่านที่ ๒ กลายเป็นเทพยดาในตลาดหุ้นทันที
สุนัขไม่ได้รับรู้โดยการดูหรือใช้ประสาทตา เพียงอย่างเดียว สุนัขยังรับรู้โดยใช้จมูกหรือประสาทกลิ่นด้วย คนที่ทำกิจกรรมที่เสี่ยงสูง ต้องรู้จักดมกลิ่น
วิจารณ์ พานิช
๓๐ พ.ย. ๕๒