วีรชน: เรื่องเล่าจากวิญญาณ
เรื่องสั้น “วีรชน” เป็นหนึ่งในสิบสองเรื่องสั้นจากหนังสือรวมเรื่องสั้น “อาถรรพภาพวาดเสือดำ” ผลงานของ กำพล นิรวรรณ ถือได้ว่าเป็นนักเขียนที่มีความสามารถอีกท่านหนึ่ง ที่สามารถสร้างสรรค์งานเขียนให้ตราตรึงใจผู้อ่านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการนำประสบการณ์ที่ตนได้ประสบมาแต่งเป็นเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจหนึ่งในนั้นคือเรื่องสั้น “วีรชน” คาดว่าเป็นเรื่องสั้นที่แต่งจากประสบการณ์ของผู้แต่งเอง นอกจากนั้นยังมีกลวิธีในการแต่งที่แปลกใหม่ไปจากเดิม และยังสามารถกระชากวิญญาณของผู้อ่านเข้าไปมีส่วนร่วมในการลิ้มรสงานเขียนของเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้อ่านได้รับรสวรรณศิลป์ของเขาได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์เป็นอย่างมาก สมกับเป็นเรื่องสั้นของนักเขียนรางวัลยอดเยี่ยม ‘กนกพงศ์ สงสมพันธุ์’
เรื่องสั้น “วีรชน” เป็นเรื่องราวของผู้เล่าคือ “ข้าพเจ้า” ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติประเทศกับกลุ่มนักปฏิวัติคนอื่น ๆ บนเทือกเขาบรรทัดซึ่งเป็นฐานทับ กลุ่มนักปฏิวัติต่างต้องการให้สมาชิกทุกคนมีความเสมอภาพและเท่าเทียมกัน เดชะกรรมข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีอุณหภูมิในร่างกายสูงทำให้เขาต้องแก้ผ้านอนตลอดในตอนกลางคืน ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถอดทนนอกร่วมกับเหล่าสหายนักปฏิวัติท่านอื่น ๆ ได้ จึงแยกตัวออกไปสร้างกระท่อมอยู่อย่างสันโดษเพื่อจะได้นอนแก้ผ้าได้อย่างสบายใจ แต่แล้วข้าพเจ้าก็ไม่สามารถทนเสียงวิจารณ์ว่าเป็นลัทธิเสรีชนไม่เข้ากลุ่มกับสหายท่านอื่น ๆ เนื่องจากเรือนนอนเดี่ยวนั้นอยู่ได้เฉพาะสหายนำกับสหายที่เป็นคู่ผัวเมียเท่านั้น สุดท้ายข้าพเจ้าจึงไปผูกเปลนอนอยู่ริมลำธารท้ายค่าย อากาศเย็นด้วยลมและไอน้ำเหมาะแก้การนอนแก้ผ้าสำหรับข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก ในวันหนึ่งสหายนำได้ฝากคำเตือนมากับสหายท่านหนึ่งบอกให้ข้าพเจ้ารับผิดชอบหากศัตรูมาทำลายค่ายและยิงเขาตาย ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นได้ตกกลางคืนจึงไม่ได้เฉลียวใจเมื่อเห็นศัตรูมุ่งหน้ามาทางที่ตั้งค่าย ฝนกระสุนสาดกระหน่ำให้ร่างของข้าพเจ้าที่นอนอยู่ในเปลอย่างได้ความปราณี จนร่างไร้วิญญาณตกลงจากเปลแล้วขยายร่างเท่ากับความถึก ร่างกายขึ้นอืดน่าเกลียดน่ากลัวทำให้ศัตรูตกใจกลัวและหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ฝ่ายสหายนักปฏิวัติเมื่อได้ยินเสียงปืนดังลั่นป่าต่างก็พากันเก็บข้าวของอพยพเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม
ในส่วนของโครงเรื่อง กำพล นิรวรรณ สามารถวางโครงเรื่องได้อย่างแยบยลและน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะให้ตัวละครข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องได้จบชีวิตในตอนจบ การเล่าเรื่องที่ผ่านมาจึงเป็นการเล่าเรื่องจากดวงวิญญาณของข้าพเจ้าและยังสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังเช่นตัวอย่าง “ดวงวิญญาณของข้าพเจ้ายังคงล่องลอยอยู่บริเวณนั้น จึงได้ยินเสียงใครคนหนึ่งหัวเราะหึๆ ในลำคอหลังคำสดุดีสิ้นสุดลง” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 76) นอกจากนั้นการวางโครงเรื่องของ กำพล นิรวรรณ ยังสัมพันธ์กับเรื่องอย่างลงตัว และยังสัมพันธ์กับชื่อหนังสือเป็นอย่างมากเพราะหากกล่าวถึงอาถรรพ์ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องลี้ลับหรือเรื่องผี วิญญาณ นอกจากนั้น กำพล นิรวรรณ ยังวางโครงเรื่องได้อย่างไม่สลับซับซ้อนทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจและเข้าถึงรสวรรณศิลป์ได้ง่าน จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นผู้เขียนสามารถนำประสบการของตนมาผสมกับจินตนาการก่อเกิดเป็นเรื่องสั้นที่น่าอ่านได้อย่างลงตัวและมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก ในส่วนของการเปิดเรื่อง กำพล นิรวรรณ ได้ใช้กลวิธีการแนะนำตัวละครในการเปิดเรื่อง ซึ่งเป็นการทำให้ผู้อ่านทราบถึงภูมิหลังของตัวละคร และเป็นการท้าทายให้ผู้อ่านคาดเดาว่าตัวละครจะดำเนินเรื่องไปในทิศทางใด ดังเช่นตัวอย่าง “ข้าพเจ้าเป็นคนอาภัพ เกิดมาเป็นคนธาตุร้อน ต้องนอนแก้ผ้าแทบทุกค่ำคืน ยิ่งคืนไหนอากาศอบอ้าว ซึ่งบ้านเมืองเรามันก็อบอ้าวอยู่เกือบทั้งปี แค่นอนแก้ผ้ายังไม่พอ ต้องหาที่เย็นๆ นอนถึงจะหลับ” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 65)
กำพล นิรวรรณ ได้ดำเนินเรื่องด้วยการนำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองมาผสมผสานกับจินตนาการที่ล้ำเลิศได้อย่างลงตัวน่าตื่นตาตื่นใจผ่าตัวละคร “ข้าพเจ้า” ผู้เล่าเรื่องโดยเล่าเป็นลำดับเหตุการณ์ ให้เห็นความรู้สึกของตัวละครที่มีทั้งความอ่อนโยน โกรธ ดีใจ มีความสุข เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อและรู้จักตัวละครมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดำเนินเรื่องที่มีความพิสดารเฉพาะตัวด้วยการใช้ดวงวิญญาณในการดำเนินเรื่อง นอกจากนั้น กำพล นิรวรรณ ยังได้ดำเนินเรื่องด้วยการผูกปมเพื่อให้เรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น ชวนให้ผู้อ่านใช้เชาว์ปัญญาในการคิดคาดเดาล้วงหน้าว่าเรื่องจะดำเนินไปในทิศทางใด และตัวละครจะแก้ปัญหาอย่างไรทำให้ผู้อ่านเกิดความท้าทายมากยิ่งขึ้น ว่าสิ่งที่ผู้อ่านคาดเดากับเรื่องที่ดำเนินไปตรงตามความคิดหรือไม่ หรือเรื่องมีการหักมุมผิดจากความคิดที่คาดเดา เป็นการส่งเสริมให้ผู้อ่านอยากอ่านงานเขียนเรื่องอื่นมากขึ้นเพราะผู้อ่านได้เกิดภาพความสนุกที่ได้อ่านเรื่องนี้ ปมในเรื่องนี้คือตอนที่ข้าพเจ้าไปผูกเปลนอนที่ลำธารตัวคนเดียว จึงได้คำเตือนจากสหายนำผ่านสหายหัวหน้าหน่วยนายหนึ่งว่า ให้รับผิดชอบหาข้าพเจ้าถูกศัตรูยิ่งตายและทำให้ค่ายเสียลับ ดังตัวอย่าง “สหายต้องรับผิดชอบนะ ถ้าศัตรูมาพบเข้าแล้วเกิดว่าเขายิงคุณตาย แล้วถ้าค่ายเสียลับ พวกเราต้องอพยพออกจากค่าย สหายต้องรับผิดชอบนะ” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 70)
ในส่วนของการคลายปมเป็นการเฉยปมปัญหาของเรื่องว่าเป็นอย่างไร ผู้อ่านเองก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นเป็นไปตามที่คิดหรือไม่ ถือได้ว่าเป็นการเฉลยเรื่องทั้งตัวละครและตัวผู้อ่าน การคลายปมของเรื่องคือตอนที่ตัวละครข้าพเจ้าถูกยิงและสามารถรักษาค่ายเอาไว้ได้ ดังตัวอย่าง “ผ้าเปลถูกห่ากระสุนฉีกขาด ร่างเปลือยเปล่าปรุพรุนด้วยรูกระสุนของข้าพเจ้าร่วงลงไปกองอยู่ริมตลิ่ง จากนั้นเนื้อตัวก็พองพรวดๆ จนโตเท่าความถึก ตาถลนออกมานอกเบ้าและขยายใหญ่เท่ากำปั้น ลิ้นสีม่วงแลบออกมาคาปาก เลือดไหลโกรกออกมาตามรูกระสุน ไม่ทันไรน้ำในลำธารก็แดงฉานไปทั่วบริเวณ และเริ่มแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับกระเพื่อมเป็นริ้วคลื่นพัดตัดกระแสน้ำพุ่งข้ามฝั่งไปยังฝ่ายศัตรูที่ส่องไฟฉายสาดจับศพข้าพเจ้าด้วยความจังงัง ก่อนจะพากันตะเกียกตะกายปีนตลิ่งเผ่นหายไปในความมืด บ้างก็ทิ้งปืนไว้ข้างหลัง บ้างก็ร้องขอชีวิตลั่นป่า ไม่มีใครกล้าเหลียวหลังมาแลศพของข้าพเจ้าแม้แต่คนเดียว” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 74 - 75)
เรื่องสั้นวีรชนเป็นการปิดเรื่องแบบโศกนาฏกรรม เพราะตัวละครหลักได้เสียชีวิตใช่ตอนจบ ซึ่งในตอนจบของเรื่องกล่าวถึงพิธีศพของข้าพเจ้า เมื่อกล่าวถึงงานศพซึ่งเป็นงานขาวดำย่อมนึกถึงความเศร้าโศก เรื่องสั้นวีรชนจึงเป็นการจบแบบโศกนาฏกรรม ดังตัวอย่าง “เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากจัดการฝังศพของข้าพเจ้าเป็นที่เรียบร้อย ทางพรรคได้ประกาศยกย่องผู้ตายตามธรรมเนียม” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 75)
กำพล นิรวรรณ ได้สอดแทรกแนวคิดไว้ในเรื่องได้อย่างเห็นได้ชัดคือความไม่เสมอภาพของนักปฏิวัติ แม้ตนจะทำการปฏิวัติเพื่อทำให้ทุกคนมีความเสมอภาพกัน สังเกตได้จากการที่นักปฏิวัติใช้สรรพนามบุรุษที่สามว่าสหาย เมื่อกล่าวถึงสหายย่องมีความเสมอภาพกันทางอายุทุกอย่างจะต้องได้ในสิ่งเดียวกัน อิ่มด้วยกันอดก็ต้องอดด้วยกัน ต้องนอนในที่เดียวกันไม่มีข้อยกเว้น แต่ในเรื่องกลับแบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิง ดังตัวอย่างตอนที่ข้าพเจ้าแยกตัวออกมาปลูกกระท่อมเดี่ยวเพื่อจะได้นอนแก้ผ้าได้ แต่กลับถูกสหายท่านอื่นวิจารณ์ “สหายทำแบบนี้ไม่ถูกนะ บ้านพักเดี่ยวเขาอนุญาตให้มีได้เฉพาะสหายนำกับสหายที่แต่งงานแล้วเท่านั้น”(กำพล นิรวรรณ 2562 : 68)
ตัวละคร ข้าพเจ้า เป็นตัวละครที่ กำพล นิรวรรณ ได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยจินตนาการที่แปลกใหม่เนื่องจากสร้างให้ตัวละคร ข้าพเจ้า ซึ่งเป็นผู้เล่านั้นได้ตายในตอนจอบจึงเป็นไปได้ว่าเรื่องเล่าที่ผ่านมาเป็นเรื่องเล่าจากดวงวิญญาณ ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่สามารถดึงดูดให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ และเกิดความรู้สึกน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งตัวละครข้าพเจ้ายังเป็นตัวละครที่มีหลายลักษณะหรือตัวละครแบบกลม ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนจริง ๆ แต่เป็นวิญญาณที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องของตนได้ จึงกล่าวได้ว่าตัวละครข้าพเจ้าเป็นตัวละครที่ไม่มีความสมจริง ดังเช่นตัวอย่าง “แต่เลือดในกายข้าพเจ้ามันปุดๆ ไม่หยุดเสียแล้ว ดีแต่ว่าในจังหวะนั้นเอง เจ้าความขี้ขลาดตาขาวที่สิงอยู่ในตัวข้าพเจ้าเช่นกันเริ่มกระซิบเตือนให้ระวัง”(กำพล นิรวรรณ 2562 : 72) นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่าตัวละครข้าพเจ้าเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์และสติของตนได้เป็นอย่างดี เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างมาก
เรื่องสั้นเรื่องนี้ กำพล นิรวรรณ ได้สร้างสรรค์ฉากให้มาความสวยงามตามธรรมชาติของป่าในช่วงกลางคืนได้น่าประทับใจผู้อ่านเป็นอย่างมาก และยังสัมพันธ์กับบรรยากาศได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน เป็นฉากตอนที่ข้าพเจ้ากำลังนอนชมธรรมชาติช่วงค่ำคืนอยู่ที่ริมลำธาร ดังตัวอย่าง “ดึกของคืนไร้เดือนคืนหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้านอนตัวล่อนจ้อนให้สายลมอ่อนลูบไล้อยู่ในเปล เหม่อมองแสงดาวระยิบที่ระบายแผ่นฟ้าให้ใสกระจ่างจนดูต่ำเตี้ยเรี่ยยอดไม้ ดื่มดำกับเสียงพลอดรักของสายน้ำกับแก่งหิน เสียงนกละเมอเพ้อพกในราวไพร ปล่อยใจให้ลอยตามหาคนรักที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในหน่วยหน้า” (กำพล นิรวรรณ 2562 : 73) แสดงให้เห็นว่าฉากมีความสอดคล้องกันกับบรรยากาศเป็นอย่างมากและยังสอดคล้องกับความรู้สึกของข้าพเจ้าที่คิดถึงคนรักที่ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ห่างไกล จึงกล่าวได้ว่าฉาก บรรยากาศ และตัวละคร มีความสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืน
เมื่อพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดจึงสรุปได้ว่าทุกองค์ประกอบมีความสัมพันธ์กันและเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเรื่อง เนื้อเรื่อง โครงเรื่อง แก่นเรื่อง ตัวละคร ฉากและบรรยากาศ ต่างก็มีความสัมพันธ์ต่อกันทั้งสิ้น อีกทั้งโครงเรื่องยังมีการวางโครงเรื่องอย่างเหมาะสม แก่นเรื่องแสดงให้เห็นถึงความไม่เสมอภาคกันในกลุ่มงานแม้ตนจะเรียกร้องหาความเสมอภาคกันก็ตาม ตัวละครหลักไม่มีความสมจริงแต่เป็นตัวละครที่ควรยึดเป็นแบบอย่างในด้านที่ดี นอกจากนั้นผู้อ่านยังได้รู้ถึงประวัติศาสตร์บางส่วนที่เกินขึ้นจริงและสถานที่ที่มีจริง ทำให้ผู้อ่านเกิดความเพลิดเพลินเพราะเรื่องมีความสมจริงและยังได้ใช้เชาว์ปัญญาในการคิดแก้ปัญหาไปกับตัวละคร เรื่องสั้น วีรชน จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การอ่านเป็นอย่างยิ่ง
อ้างอิง
กำพล นิรวรรณ. (2562). อาถรรพ์ภาพวาดเสือดำ. กรุงเทพมหานครฯ : ผจญภัยสำนักพมพ์
ภาพหน้าปกหนังสือ อาถรรพ์ภาพวาดเสือดำ. ค้นเมื่อ 10 มกราคม 2564. จาก
https://kledthai.com/9786164790094.html
ไม่มีความเห็น