เพราะเว้นช่วงการอ่านหนังสือสองเล่มสลับกัน ผมจึงได้แนวคิดนี้ ว่าการเว้นช่วงการเรียน ช่วยให้การเรียนรู้ได้ผลดีขึ้น ซึ่งในชีวิตจริง ผมค้นพบวิธีนี้ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม ที่เมื่ออ่านหรือทำแบบฝึกหัดของวิชาหนึ่งจนเพลีย หรือง่วง ก็สลับไปทบทวนหรืออ่านอีกวิชาหนึ่ง ช่วยเรียกพลังคืนมา เป็นการค้นพบของเด็กวัยสิบสี่สิบห้า
แต่เป้าหมายสุดท้ายไม่ได้อยู่ที่สดชื่นตอนเรียน อยู่ที่ผลการเรียนต่างหาก ในการเรียน ผลที่เราต้องการคือ เข้าใจสิ่งที่เรียน และความเข้าใจนั้น เข้าไปอยู่ในความจำระยะยาว (long-term memory) เมื่อกว่าหกสิบปีก่อนผมไม่รู้จัก long-term memory รู้แต่ว่าเมื่อเรียนสลับวิชาแล้วผลการเรียนออกมาดี
มาตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเรื่อง Learn Better : Mastering the Skills for Success in Life, Business, and School, or How to become an Expert in Just About Anything สลับกับหนังสือ มีวิจารณ์จึงมีวิจัย โดยเจตนา นาควัชระ บทความที่ ๒ เรื่อง ข้อคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับบทบาทของทฤษฎีในกระบวนการวิจัยทางมนุษยศาสตร์ เพราะอ่านสลับ จึงเกิดความคิดในการเขียนบันทึกเรื่องพลังของการเว้นช่วง โดยที่มุมหนึ่งเป็นพลังต่อการเรียนรู้ อีกมุมหนึ่งเป็นพลังต่อสุนทรียะและความบันเทิง
หนังสือ Learn Better หน้า ๑๘๙ – ๑๙๖ กล่าวถึง space learning ซึ่งหมายถึงวิธีจัดระบบการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้เว้นช่วงไประยะหนึ่ง (หลายวันหรือหลายสัปดาห์) แล้ววนกลับมาเรียนเรื่องนั้นอีก อาจโดยการทำแบบฝึกหัด ทำกิจกรรมแก้ปัญหา หรือ quiz จะช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้นอย่างชัดเจน
หนังสือ มีวิจารณ์จึงมีวิจัย บทความที่ ๒ เรื่อง ข้อคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับบทบาทของทฤษฎีในกระบวนการวิจัยทางมนุษยศาสตร์ หน้า ๑๐๒ - ๑๐๓ ระบุการใช้หลักการ discontinuity ในศิลปะการแสดง ที่ตัวแสดงใช้วิธี ร้อง รำ และเจรจาสลับกัน “เป็นกลวิธีทางศิลปะที่สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับศิลปะการแสดง”
การเว้นช่วง หรือสลับช่วงของกิจกรรม จึงเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง ที่สร้างพลังได้ในหลายกิจกรรม เป็นหลักการหรือทฤษฎีที่น่าจะใช้ได้ในหลากหลายบริบท หนังสือ Learn Better บอกว่า มี software ชื่อ Anki ช่วยจัดระบบการเรียนแบบเว้นช่วง
วิจารณ์ พานิช
๑๓ ม.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น