เช้าวันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์มาคุยจากโรงแรมในสิงคโปร์ที่เขาถูกกักตัว ๑๔ วันตามข้อกำหนดสำหรับผู้เดินทางข้ามประเทศ คือเดินทางจากประเทศไทย (ที่เขามาทำงานในบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์) กลับบ้านที่สิงคโปร์
เมื่อสองเดือนก่อนเขาเดินทางจากสิงคโปร์ ที่เขาทำงานแบบ WFH – work from home อยู่ ๘ เดือน มาเข้าโรงแรมที่กรุงเทพเพื่อกักตัว ๑๔ วัน เช่นเดียวกัน
คราวนี้จึงได้ประสบการณ์เปรียบเทียบบริการของโรงแรมชั้นหนึ่ง สถานกักตัวของสองประเทศ แน่นอนว่า บริการของโรงแรมทั้งสองแห่งได้มาตรฐานตามระดับโรงแรมชั้นหนึ่ง และได้มาตรฐานของการกักตัวป้องกันการแพร่เชื้อโควิด ๑๙ แต่มิติของบริการใน human dimension มันต่างกันสุดขั้ว โรงแรมไทยกินขาด
โรงแรมไทยมีการโทรศัพท์มาไต่ถามว่าอยากได้อะไร อยากกินอะไร ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ที่สิงคโปร์ทำไม่เป็น โรงแรมสิงคโปร์เอาอาหารมาให้ตรงเวลา เป็นอาหารชั้นดี แต่เจ้าหน้าที่เอามาส่งแล้วก็ไป ไม่พูดคุย
นี่คือข้อสะท้อนจุดแข็งของวัฒนธรรมไทยที่เรารู้ดี และทำให้ service sector ของไทยเข้มแข็ง ที่เราน่าจะหาทางยกระดับขึ้นไปสู่ระบบที่เป็นภาพใหญ่ของประเทศ
มองอีกมุมหนึ่ง นี่คือโจทย์วิจัย ด้านสังคมศาสตร์มนุษยศาสตร์ และจิตวิทยา หาที่มาที่ไปของคุณสมบัติที่เป็นจุดแข็งของคนไทยข้อนี้ .. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีจิตบริการ และวิธีส่งเสริม บำรุงรักษา ให้ดำรงอยู่และเพิ่มพูน ในสภาพสังคมสมัยใหม่
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ธ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น