Session 1: การบำบัดแบบ teleheath แบ่งเป็น 3 แบบ คือ
- parent coaching : จะdiscussกับผู้ปกครองและตั้ง goal ร่วมกัน สอนผู้ปกครองให้ทำโปรแกรมนั้นกับลูก ให้feedback ผู้ปกครอง
- teletherapy : OT ทำโปรแกรมฝึกเด็กผ่านทางออนไลน์โดยตรง
- councelling : ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองว่าควรให้กิจกรรมประมาณไหน สัปดาห์ต่อไปถามผู้ปกครองว่าผลเป็นอย่างไร
ต้องส้งe-mail ให้clients ก่อนที่จะให้รับบริการ โดยมี intervention plan และ การเตรียมอุปกรณ์
การดำเนิน telehealth นั้น จะมี
- warm up
- ประเมินperformance
- Run session
- Monitor/ feedback
session 2 : telehealth ใน OT process
- evaluation
- councelling : ใหคำแนะนำในการดูแลคนไข้
- intervention
- monitoring: กลังให้ home program แล้วให้คนไข้ feedback และ reassess
ขั้นตอนการสัมภาษณ์
- วางแผนเตรียมการสัมภาษณ์
- เริ่มต้นการสัมภาษณ์
- สัมภาษณ์และรวบรวมข้อมูล
- สรุปการสัมภาษณ์
Session 3 : ได้รู้ว่าในปัจจุบันมีการใช้ application ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงการรับบริการทางการแพทย์ง่ายขึ้น และยังมีการจดบันทึกของข้อมูลยา ข้อมูลการขับถ่ายของคนไข้ อาหาร vital sign และ ยังมี telecouncelling อีกด้วย ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย
ข้อดี คือ ประหยัดเวลา ลดการเสี่ยงของโควิด ทุกคนรู้ข้อมูลของสหวิชาชีพ/ ตัวญาติ ง่ายต่อการติดต่อแพทย์
ข้อเสีย คือ ไม่เหมาะสำหรับคนไม่มีเทคโนโลยี บางคนไม่มีความรู้มากพอในการใช้งาน แอปซับซ้อน ไม่เข้าใจเมื่อต้องอธิบายเป็นการบรรยาย เช่น บอกให้จับkey point of control
น.ส.ลลิตา ช่วยทวี 6123033
การทำ telehealth นั้นมีประโยชน์ ข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประหยัดเวลา ลดความเสี่ยงในการติดโรค ง่ายต่อการติดต่อระหว่างผู้บำบัดและผู้รับบริการ แต่ก็ยากสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญในการใช้เทคโนโลยี ดังนั้นควรเลือกวิธีการบำบัดรักษาหรือplatformให้เหมาะสมกับผู้รับบริการ
ปัจจุบันผู้รับบริการและผู้ดูแลมีการเข้าถึงทางการแพทย์ง่ายขึ้น เนื่องจากมี application ในการเข้าถึง เช่น care4caregiver สามารถกรอกข้อมูลยาได้ เตือนตัวเองได้ว่ารับทานยาไปหรือยัง การบันทึกการขับถ่าย และสามารถส่งข้อความถามข้อสงสัยต่างๆหรือบอกอาการได้
บทความนี้มีการบรรยายถึงขั้นตอนกระบวนการบำบัดรักษาทางกิจกรรมบำบัดได้ชัดเจน ในแต่ละขั้นตอนมีการทำอะไรบ้าง มีการสรุปข้อดีข้อเสียของการใช้ การบำบัดรักษาในรูปแบบของ Telehealth